แจกสูตร เมนูของหวาน ทำเองง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ!!
สวัสดีค่ะทุกคน มาพบกันอีกแล้ว สำหรับใครอยากทำขนมเก่งๆ แต่ที่บ้านไม่มีเตาอบ จะหาซื้อทีเครื่องเตาอบก็แพงเหลือเกิน วันนี้ใครกำลังเจอปัญหานี้อยู่ ขอให้มารวมตัวกันตรงนี้เลยค่ะ วันนี้จะมาแจก เมนูของหวาน 7 เมนู ทำง่าย ไม่ง้อเตาอบ เพียงแค่มีไมโครเคฟอันเดียวก็พอแล้วค่ะ แต่ละเมนูทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน มือใหม่หัดเข้าครัวที่สกิลการทำขนมยังไม่สูงก็สามารถทำได้ ไม่ต้องง้อเตาอบก็ทำขนมอร่อยๆ ได้แน่นอนค่ะ จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย
เตาอบ VS เตาไมโครเวฟ ต่างกันยังไง?
หลายคนสงสัยว่า แล้วทั้ง 2 อย่างนี้สามารถใช้แทนกันได้ไหม เพราะปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเตาไมโครเวฟและเตาอบนั้นเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ในห้องครัว เรียกได้ว่าต้องมีกันแทบทุกครัวเรือน ซึ่งบางคนนั้นก็มีทั้ง 2 เครื่องเลยแต่บางคนก็มีงบประมาณที่จำกัดก็อาจจะมีเพียงแค่เครื่องเดียว จึงอาจเกิดคำถามก่อนซื้อได้ว่าเตาอบและเตาไมโครเวฟต่างกันอย่างไร วันนี้มีคำตอบค่ะ
👉 ไมโครเวฟ คือเครื่องที่ใช้คลื่นไมโครเวฟในการทำให้โมเลกุลในอาหารสั่นจนเกิดความร้อน โดยในปัจจุบันนั้นมีหลายแบรนด์ที่ออกแบบไมโครเวฟมาให้มีดีไซน์ดูดี ไฮเทคและใช้งานง่าย เพียงแค่นำภาชนะที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ใส่อาหารแล้วกดปุ่ม เพียงไม่กี่นาทีอาหารของคุณก็พร้อมรับประทาน จึงเรียกได้ว่าเป็นไอเทมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คอนโดแบบเร่งรีบต้องการความสะดวกและรวดเร็ว
- ข้อดีของไมโครเวฟ คือใช้งานง่าย มีฟังก์ชันการใช้งานที่ชัดเจนและหลากหลาย ประหยัดเวลา ปลอดภัยและไม่กินไฟ
- ข้อเสียของไมโครเวฟ คืออาหารที่ได้จากการอุ่นไม่โครเวฟนั้นจะดูดซับน้ำมากและแห้ง เช่น ขนมปังหากอุ่นในไมโครเวฟ ขนมปังนั้นจะแห้งและแข็งเกินไป เราก็อาจจะต้องใส่น้ำเข้าไปวางข้างๆเพื่อให้ขนมปังที่อุ่นออกมานั้นไม่แห้งและนุ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงความร้อนอาจไม่พอสำหรับการทำอาหารบางอย่าง
👉 เตาอบไฟฟ้า เป็นไอเทมที่สามารถใช้ประกอบอาหารต่างๆ และอุ่นร้อนได้เช่นกัน เป็นไอเทมที่ใช้งานง่ายในห้องคอนโดเพราะเจ้าเครื่องนี้มีความปลอดภัยและกลิ่นที่ออกมาไม่แรงเท่าเครื่องมือให้ความร้อนอื่นๆ เช่นเตาไฟฟ้า โดยที่เตาอบจะใช้ความร้อนจากไฟฟ้าโดยต้องตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกับอาหารของเราก่อนแล้วจึงทำการอุ่นหรือประกอบอาหารได้ แต่ถ้าหากใครไม่อยากอยากซื้อ ก็สามารถใช้ไมโครเวฟแทนได้ค่ะ
- ข้อดีของเตาอบไฟฟ้า คือสามารถเลือกอุณหภูมิในการประกอบอาหารได้ชัดเจน อาหารยังคงรสชาติดีและหน้าตาน่ารับประทานเหมือนเดิม บางรุ่นใช้งานง่ายในการทำอาหาร หรือเมนูต่างๆ เพียงแค่ตั้งค่าความร้อนและเวลา
- ข้อเสียของเตาอบไฟฟ้า คืออาจจะใช้เวลานานในการอุ่นและทำอาหาร ต้องคอยเช็คอาหารว่าอาหารนั้นสุกหรือไหม้ไหม ภาชนะในการใช้สำหรับอบหายาก และอาจกินไฟ รวมถึงราคาของเครื่องอบไฟฟ้า ที่แพงกว่าไมโครเวฟ
7 เมนูของหวาน ด้วยไมโครเวฟ วันนี้จะมีอะไรบ้างนะ!
โอริโอ้ชีสพาย (Oreo Cheese Cake)
ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำ โอริโอ้ชีสพาย สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการเตรียมส่วนผสมให้ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อส่วนผสมพร้อม คนทำพร้อม ก็จะทำให้เมนูของหวานออกมาแบบน่าทานและเพอร์เฟ็กต์ที่สุด โดยส่วนผสมที่ต้องเตรียม มีดังนี้
|
|
ขั้นตอนการทำ
- นำโอรีโอ้ที่เตรียมไว้ 3 ห่อ มาแกะออกแล้วปาดเนื้อครีมออกให้หมด เหลือไว้แต่ขนมปังโอริโอ้เท่านั้น จากนั้นนำโอริโอ้ที่ไม่มีครีมใส่ถุงแล้วทุบให้ละเอียด พร้อมเทใส่ชามไว้
- นำเนยสดใส่ไมโครเวฟเพื่อละลายจนเป็นน้ำ ประมาณ 1 นาที แล้วนำมาตั้งพักไว้จนอุ่น
- นำเนยสดที่ได้ เทผสมลงไปในผงโอริโอ้ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปใส่ในพิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ โดยกดให้แน่นที่สุด ซึ่งอาจใช้ช้อนช่วยกดก็ได้
- นำโอรีโอ้ที่กดจนแน่นแล้ว ไปแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 6-7 ชั่วโมง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เพราะเมื่อตื่นมาตอนเช้า ก็จะได้ผงโอรีโอ้แช่เย็นที่พร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปพอดี
- นำครีมชีสออกจากกล่อง แล้วตั้งพักไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 40 นาที จากนั้นนำไปตีด้วยความเร็วสูง จนครีมชีสเหลวละเอียด เติมน้ำตาลทรายลงไป และตีให้เข้ากัน
- ผงเจลาตินและน้ำสะอาดใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟ คนให้ละลาย แล้วนำมาผสมลงไปในครีมชีสที่เตรียมไว้
- ใส่น้ำมะนาวประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วใส่วิปปิ้งครีม พร้อมกับคนให้เป็นเนื้อเดียวกันอีกที
- นำโอริโอ้ที่เหลือ 1 ห่อ มาหักเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในส่วนผสมครีมชีส แล้วนำไปเทลงบนพิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ที่บดผงโอริโอ้ใส่ไว้ในตอนแรก
- นำโอริโอ้ห่อสุดท้าย มาหักโรยหน้า เพื่อให้ดูสวยงามน่าทานยิ่งขึ้น จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้โอริโอ้ชีสพาย แข็งน่าทานพอดี
- เสร็จแล้ว จะได้โอริโอ้ชีสพาย ที่มีผงโอริโอ้บดอยู่ชั้นล่างสุด และตามด้วยส่วนของเนื้อครีมที่มีโอริโอ้อยู่ภายในและประดับบนอยู่อีกชั้น ซึ่งก็มีหน้าตาน่าทานและรสชาติที่อร่อยถูกปากเลยทีเดียว
บราวนี่ผงโกโก้ (Cocoa Brownie)
เมนูของหวาน สูตรนี้มาจากเพจ Wongnai ซึ่งเป็นสูตรบราวนี่ที่ทำง่ายมากๆ ใช้ชามหรือหม้อผสมใบเดียว ไม่ต้องตุ๋นช็อคโกแล็ตแท่ง ไม่ต้องร่อนแป้ง ใช้เพียงแค่ผงโกโก้ ก็สามารถแปลงร่างเป็นบราวนี่ที่อร่อย เนื้อในยังนุ่มเยิ้มเป็น fudgy ผิวหน้าหน้ากรอบกำลังดี ที่สำคัญบราวนี่สูตรนี้ไม่ต้องพึ่งพาสารเสริมคุณภาพใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับคนที่ไม่มีเตาอบก็สามารถทำได้ หรือใครจะทำขายก็ได้เช่นกันนะคะ
|
|
ขั้นตอนการทำ
- ให้ละลายเนยเค็ม 150 กรัมด้วย Microwave สัก 30 วินาที
- จากนั้นเอาดาร์คช็อคโกแลต 200 กรัม หั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ (ในกรณีที่เป็นช็อคโกแลตบาร์) ไปละลายในไมโครเวฟ ค่อยๆละลายทีละ 30-45 วินาที
- หลังจากนั้น ให้นำเอามาผสมกับไข่ไก่ น้ำตา ใส่โกโก้ และแป้งเค้กแล้วคนๆๆๆ ให้เข้ากัน
- ทาเนยบางบนกระดาษไข ที่ปูรองภาชนะ เทส่วนผสมไปซัก1/3ของภาชนะ โรยแอลมอนผ่าซีกใส่เตา Microwave 800 วัตต์ 4 นาที
- จากนั้นให้คอยสังเกตุพอเริ่มขึ้นฟู ก็เอาออกมาดูซักหน่อย แล้วใส่ไมโครเวฟต่อซัก2-3นาที ถ้าอยากให้เนื้อข้างในฉ่ำๆ ก็ต่อซัก2นาที
- พอครบเวลาก็เอาออกมาพักให้เย็นครับแล้วก็หั่นขอบๆเพื่อความสวยงาม (เพราะเนื้อขอบด้านนอกมันจะดูหยาบๆไปนิดนึง หรือใครไม่อยากหั่นก็ได้นะคะ)
- แค่นี้ก็เรียบร้อย พร้อมทานแล้วค่ะ เนื้อในฉ่ำๆ พร้อมเสริฟ น้ำลายไหลมาก
ชีสพายบลูเบอรี่ (Blueberry Cheese Pie)
สำหรับชีสพายสิ่งสำคัญคือเนื้อสัมผัสบริเวณฐาน โดยในการบดแครกเกอร์ควรบดให้ละเอียดมากที่สุด เพราะหากบดแบบหยาบเวลากินฐานจะแตก รวมถึงขั้นตอนอัดแครกเกอร์ลงบนภาชนะ ควรอันให้แน่นเช่นเดียวกันเพราะอาจมีโอกาสแตกได้ ในการทำชีสพายบลูเบอรี่สามารถแบ่งวัตถุผสมออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนฐานกับส่วนของเนื้อครีมชีส ซึ่งในแต่ละส่วนมีส่วนผสมดังนี้
|
|
ขั้นตอนการทำ
- นำแครกเกอร์มาบดให้ละเอียด พร้อมกับละลายเนยสดลงไปผสมกับน้ำตาลและแครกเกอร์
- จากนั้นทำส่วนผสมที่ได้ใส่ภาชนะรองด้วยกระดาษไข โดยอัดแครกเกอร์กดให้แน่น จากนั้นเข้าไมโครเวฟด้วยความร้อน 800 วัตต์ 2 นาที
- จากนั้นนำมาพักไว้ และนำครีมชีสออกจากตู้เย็น พักไว้ 30 นาที เพื่อให้ครีมชีสนุ่ม จากนั้นจึงตีครีสชีส ผสมกับน้ำตาลโดยค่อยๆเติมน้ำตาลเรื่อยๆ จากนั้นจึงเติมเกลือ นม แล้วตีอีกครั้งจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
- เตรียมภาชนะแยกอีกหนึ่งใบ จากนั้นตอกไข่ใส่ชามอีกใบ ใส่มะนาว ตีให้เข้ากัน แล้วนำไปผสมกับส่วมผสมของครีมชีส คนผสมให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำภาชนะที่ผสมเสร็จเรียบร้อยเข้าไมโคเวฟ ด้วยความร้อน 800 วัตต์ 2 นาที จากนั้นนำมาคนให้เข้ากันจนเนื้อสัมผัสเนียน
- เทส่วนผสมลงบนฐานแครกเกอร์ จากนั้นนำเข้าตู้เย็นประมาณ 20-40 นาที จนเนื้อชีสพายเริ่มเซ็ตตัว
- นำชีสพายที่เซ็ตตัวแล้ว ออกจากตู้เย็นราด บลูเบอรี่ฟิลลิ่ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เฟรนโทสต์ (French Toast)
French Toast คือเมนู ขนมปัง ชุบไข่ผสมนม กริลล์ในกระทะ ถ้าเป็นเมนูปกติ เราจะทาเนยชุ่ม ๆ ที่กระทะ ให้ขนมปังที่กริลล์มีความหอมและมันอร่อยยิ่งขึ้น ในการทำ French Toast เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การปล่อยให้ส่วนผสมซึมเข้าเนื้อขนมปัง ไม่ควรรีบนำเข้าไมโครเวฟ ควรปล่อยให้ส่วนผสมชุ่มเยิ้มขนมปัง นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความอร่อยด้วยการทานคู่กับชาและกาแฟได้อีก ขั้นตอนการทำง่ายมาก ไปดูกันค่ะว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนอะไรบ้าง
|
|
ขั้นตอนการทำ
- นำขนมปังมาหั่นขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ
- นำเนยสดใส่แก้วไปละลายในไมโครเวฟ เพียง 5-10 วินาที
- นำขนมปังที่หั่นเตรียมไว้ ใส่ลงไปในแก้ว
- ผสมไข่ไก่กับนมสด เข้ากับผงอบเชย จากนั้นเทลงในแก้วขนมปัง พักไว้ 10-20 นาที เพื่อให้ของเหลวซึมเข้าไปในขนมปัง
- นำเข้าไมโครเวฟ 1 นาที จากนั้นนำออกมาราดน้ำผึ้ง เพียงเท่านี้ก็ได้ French Toast แสนอร่อยแล้ว
คุกกี้นูเทลล่า (Nutella Cookies)
นูเทลล่าเป็นส่วนผสมที่จะไปผสมกับสูตรเบเกอรี่หรือของหวานอะไรก็อร่อย สูตรนี้เป็นสูตรคุกกี้ช็อกโกแลตชิพที่เพิ่มความพิเศษโดยใช้ไส้นูเทลล่าที่แช่เย็นจนแข็ง แล้วใช้แป้งโดว์คุกกี้ช็อกโกแลตชิพห่อนูเทลล่า เมื่ออบแล้วจะให้คุกกี้ช็อกโกแลตชิพเนื้อนุ่มที่มีไส้นูเทลล่าอยู่ข้างใน ที่กินยังไงก็ไม่มีเบื่อ ใครว่าคุกกี้ทำยากต้องลองสูตรนี้เลย ง่ายและอร่อยแน่นอนค่ะ
|
|
ขั้นตอนการทำ
- นำนูเทลล่าออกมาเพื่อพักในอุณหภูมิห้อง 20 นาที จากนั้นนูเทลล่าและไข่แดงมาผสมให้เข้ากัน
- ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปถ้วยผสม จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน โดยให้แป้งมีลักษณะเหนียวสามารถปั้นเป็นก้อนได้
- นำแป้งมาปั้น เป็นรูปคุกกี้ โดยสอดไส้ด้วยดาร์กช็อคโกแลตไว้ตรงกลาง
- นำแป้งคุ้กกี้ที่ได้ เข้าไมโครเวฟ 600 วัตต์ ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที เพียง 4 ขั้นตอนง่ายๆก็ได้คุกกี้แสนอร่อยแล้ว
- เคล็ดลับ: ในการใช้นูเทลล่าก่อนผสมกับไข่แดง ควรให้เนื้อสัมผัสของนูเทลล่าละลายในอุณภูมิห้องก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการคนผสมกับไข่แดง นอกจากนี้ในการวางแป้งคุกกี้ก่อนเข้าไมโครเวฟ ควรวางเว้นระยะห่างกันเพื่อป้องกันคุกกี้ติดกัน
เค้กช็อคโกแลต (Chocolate Cake)
เค้กช็อกโกแล็ตสูตรนี้มาจาก NocNoc ซึ่งเป็นเมนูขนมหวานยอดฮิตที่ใครๆ ต่างก็ชอบกินกัน เรียกได้ว่าเป็นของโปรดของสาวๆเลย เพราะงั้นเราจึงได้เห็นขนมชนิดนี้ในแบบต่างๆ ทั้งเค้กช็อกโกแล็ตหน้านิ่ม เค้กช็อกโกแล็ตลาวา และอื่นๆ อีกมากมาย วันนี้จะมาแชร์สูตรเค้กช็อคโกแลต สุดฟินกันค่ะ ไปดูกันเลย
|
|
ขั้นตอนการทำ
- นำน้ำตาลผสมกับผงโกโก้ และเนยสด จากนั้นเอาเข้าไมโครเวฟ 800 วัตต์ เป็นเวลา 2 นาที
- หลังจากนั้นนำออกมาคนส่วนผสมให้เข้ากัน วางทิ้งไว้ให้พออุ่นๆ
- ใส่วานิลลา นมสดและไข่ คนให้เข้ากัน
- ใส่แป้ง ผงฟู และเบคกิ้งโซดา คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- ตักใส่แป้นพิมพ์ ใส่แค่ 1 ใน 3 ของพิมพ์ เพราะเนื้อเค้กจะฟูขึ้นเป็น 3 เท่าตัว
- นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรง 600 วัตต์ เป็นเวลา 1.30 นาที เพียงเท่านี้เป็นอันเสร็จส่วนของเนื้อเค้ก
- ทำหน้าเค้กโดย นำชอคโกแลตกับวิปปิ้งครีมผสมกัน จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง 800 วัตต์ เป็นเวลา 1.30 นาที
- นำหน้าเค้กตกแต่งเนื้อเค้ก ถือเป็นอันเสร็จสิ้น
- เคล็ดลับ: สำหรับการทำเค้กช็อคโกแลค สิ่งสำคัญคือการกะปริมาณเมื่อใส่ส่วนผสมลงไปในแป้นพิมพ์ หากใส่มากเกินไปจะทำให้เนื้อเค้กล้นจากแป้นพิมพ์ นอกจากนี้ขณะทำหน้าเค้กควรเตรียมจานไว้รองถ้วย เพราะความร้อนจากไมโครเวฟจะทำให้ช็อคโกแลตเดือดจนเปรอะไมโครเวฟได้
เครมบลูเล่ (Creme Brule)
เครมบรูเล่ ของหวานที่รู้จักกันดี หากใครชอบไปทานอาหารในร้านสไตล์ฝรั่งเศส คัสตาร์ดนุ่มๆ หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ จากการที่โรยน้ำตาลทรายไว้ด้านบนแล้วพ่นไฟจนกลายเป็นคาราเมลกรอบๆ กินกับครีมนุ่มๆ ด้านในอร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ น้ำลายเยิ้มเลย ไปดูขั้นตอนการทำกันเลย
|
|
ขั้นตอนการทำ
- นำไข่แดงน้ำตาลไอซิ่ง, กลิ่นวนิลา ใส่ในถ้วยใบใหญ่ที่เตรียมไว้ ตีให้เข้ากันจนไข่มีลักษณะเป็นเนื้อครีม
- จากนั้นนำวิปปิ้งครีมไปอุ่นในไมโครเวฟ 20 นาที
- นำวิปปิ้งครีมที่อุ่นเสร็จแล้ว ผสมเข้ากับส่วนผสมที่เตรียมไว้น้ำตาลไอซิ่ง, กลิ่นวานิลา ใส่ในถ้วยใบใหญ่ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรก
- เทส่วนผสมทั้งหมดลงไปในแป้นพิมพ์
- วางแป้นพิมพ์ลงบนถาดที่มีน้ำ จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ 3 นาที ด้วยไฟแรง 900 วัตต์
- นำเครมบลูเล่ออกมาพักในอุณหภูมิห้อง ตรวจสอบว่าหน้าขนมเด้งรึเปล่า จากนั้นนำเข้าไปในตู้เย็น 2 ชั่วโมง
- เมื่อเครมบลูเล่เย็นแล้ว โรยน้ำตาลทรายหน้าเครมบลูเล่ ใช้ไฟเผาน้ำตาลทรายให้เกรียม เป็นอันเสร็จสิ้น
- เคล็ดลับ: ในการทำเครมบลูเล่ถ้าหากไม่มีไฟที่เผาน้ำตาลทรายให้เกรียม สามารถน้ำตาลทรายผสมกับน้ำเปล่าไปเคี้ยวในหม้อด้วยไฟอ่อนๆ จนกลายเป็นคาราเมลมาราดหน้าเครมบลูเล่ได้ เพียงเท่านี้ก็ได้เครมบลูเล่หน้าคาราเมลแล้ว ทั้งนี้ข้อควรระวังของการทำเครมบลูเล่คือ น้ำในถาด ควรใส่ให้มีปริมาณมากพอ เพราะน้ำจะช่วยให้เนื้อเครมบลูเล่ชฉุ่มช้ำ และไม่แห้งจนเกินไป
เป็นอย่างไรบ้างคะทุกคนกับ เมนูของหวาน เห็นไหมคะว่าการทำขนมทานด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากเลย ขอแค่มีความตั้งใจ อ่านสูตร จากนั้นลงมือทำเพียงเท่านี้ก็สามารถทำขนมด้วยไมโครเวฟได้แล้ว และใครเริ่มอินกับการเข้าครัว ทำขนม และกำลังมองหาอุปกรณ์ทำขนม อย่าลืมนึกถึง SGE นะคะ หรือว่าใครหัดทำจนชิน จะทำเป็นอาชีพเสริม ซีลถุงเล็กๆ แบ่งขาย ได้กำไรก็ดีนะคะ อย่าลืมนะคะว่าแพคเกจที่ดี ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้เช่นกัน สามารถติดตามบทความทำขนมยอดฮิตอย่าง นามะโชกุปัง (Nama Shokupan) ไปทำเล่นเพลินๆในวันหยุดได้เลย