วิปปิ้งครีม มีกี่แบบ พร้อม วิธีทำวิปปิ้งครีม ง่าย ๆ สไตล์โฮมเมด

วิปปิ้งครีม ใคร ๆ ก็ชอบกิน ด้วยความหนานุ่ม ละมุนลิ้ม ทำให้เมื่อจะกินของหวานชนิดใด ไม่ว่าไอศครีม น้ำปั่น หรือ น้ำหวาน เป็นต้องสั่งเพิ่มหน้าท็อปปิ้งนี้อยู่เรื่อย โดยไม่กลัวว่า ความอ้วนจะถามหามั้ย (ถึงแม้จะชอบบ่นอยู่เรื่อยก็เถอะ…)

แต่ในเมื่อช่วงนี้ต้องอยู่บ้าน โอกาสที่จะไปซื้อตามร้านก็คงไม่มี หากจะสั่งเข้ามา ก็คงมาถึงมือแบบไม่สวย วันนี้ SGE จึงชวนทุกคนมาทำ วิปครีม ไว้ทานเอง พร้อมเกร็ดความรู้เรื่องชนิดต่าง ๆ ของวิปปิ้งครีม เพื่อให้ได้อรรถรสเวลาทาน และจะได้รู้ถึงความแตกต่างของรสชาติ เวลาลิ้มลองยังไงล่ะ

ชนิดของวิปปิ้งครีม

สำหรับ วิปปิ้งครีม หลัก ๆ ที่นิยมมาตกแต่งอาหารและรับประทานกัน มีอยู่ 3 แบบ คือ

1. วิปปิ้งครีมแท้ (Dairy whipping cream) มีไขมันเนยอยู่ที่ 30-35% ทำมาจากนมวัวและไขมันเนยล้วน เนื้อครีมมีสีเหลืองอ่อน ไม่มีรสหวาน แต่มีกลิ่นรสหอมมันนมตามธรรมชาติ เนื้อครีมมีความเบา กินแล้วละลายในปาก เนื่องจากไขมันเนยของวิปปิ้งครีมชนิดนี้ มีจุดหลอมเหลวใกล้กับอุณหภูมิร่างกาย ไม่ทนต่อความร้อน ครีมที่ใช้จึงต้องเย็นจัดถึงจะตีขึ้น เมื่อตีให้ขึ้นฟูแล้ว ครีมจะละลายและยุบตัวเร็ว ทำแล้วจึงต้องรีบใช้ในทันที เหมาะทั้งสำหรับการนำไปประกอบเมนูอาหารและการทำเบเกอรี่ เก็บใช้งานได้ไม่นาน มีราคาสูง

2. วิปปิ้งครีมเทียม (Non-dairy whipping cream) ส่วนประกอบหลักเป็นไขมันพืช มีไขมันเนยอยู่ที่ 28-30% วิปปิ้งครีมนี้เกิดจากการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืช เพื่อเปลี่ยนคุณสมบัติของไขมันพืช ให้คล้ายเป็นไขมันเนยที่สามารถตีขึ้นฟูได้ เนื้อครีมเป็นสีขาว เติมน้ำตาล นมสดหรือนมผงลงไป เพื่อให้รสหวานและแต่งรสชาติให้เหมือนกับครีมแท้ได้ จุดเด่นคือ ตีให้ขึ้นฟูง่าย ไม่จำเป็นต้องเย็นจัด เนื้อครีมหนัก อยู่ตัวละลายช้า กินแล้วจะทิ้งความมันอยู่ในปาก แต่รสชาติหอมมันจะสู้ครีมแท้ไม่ได้ เก็บรักษาได้นาน ราคาถูก

3. วิปปิ้งครีมแบบผสม (Mixed whipping cream) วิปปิ้งครีมชนิดนี้มีส่วนผสมหลักเป็นนมวัว ไขมันเนย และผสมไขมันพืชเล็กน้อย สามารถจำแนกได้จากการดูส่วนผสมที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ว่ามีไขมันพืชผสมอยู่หรือไม่ วิปปิ้งครีมชนิดนี้มักมีสีขาวครีมไปจนถึงขาวอมเหลืองรสชาติจืดหรือหวานเล็กน้อย เนื่องจากบางยี่ห้ออาจเติมน้ำตาล เพื่อเพิ่มความหวานลงไปด้วย มีจุดเด่นอยู่ที่ความหอมมันของนมสด คงตัวสูง และ ทนต่อสภาพอากาศร้อนได้มากกว่าชนิด Dairy เหมาะสำหรับการทำอาหารทั้งคาวและหวาน (อาหารคาวควรเลือกชนิดไม่ปรุงรสหวาน)

เคล็ดลับตีวิปครีมให้ขึ้นฟู สวย และ น่ากิน

การตี วิปครีม ให้ขึ้นสวย จะว่าง่าย ก็ไม่ง่าย จะว่ายากก็ไม่ยาก สำคัญอยู่ที่การเลือกใช้ชนิดของวิปปิ้งครีมให้เหมาะสม อุณหภูมิของวิปปิ้งครีม และ การคอยสังเกตเป็นระยะ ๆ โดยมีเคล็ดลับคือ

1. เลือกวิปปิ้งครีมที่ตีขึ้นฟูง่าย หากต้องการตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟูง่าย ควรเลือกใช้วิปปิ้งครีมที่มีไขมันตั้งแต่ 35% ขึ้นไป เพราะมีไขมันสูง ตีขึ้นง่าย และคงตัวได้นาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวิปปิ้งครีมแท้ แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็สามารถใช้วิปปิ้งครีมเทียมได้เช่นกัน เพราะมีคุณสมบัติตีขึ้นฟูง่าย แม้ทำในอุณหภูมิห้องปกติ โดยหากต้องการเพิ่มรสชาติ ให้เติมน้ำตาลไอซิ่ง หรือสารสกัดกลิ่นวานิลลา เพื่อเพิ่มความหวาน

2. อุณหภูมิของวิปปิ้งครีม วิปปิ้งครีมควรแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา ให้เย็นก่อนนำมาตีทุกครั้ง เพราะจะทำให้ไขมันเนยในครีมแข็งตัว เมื่อนำมาตีจะขึ้นฟูง่าย โดยหากใช้วิปปิ้งครีมเทียม สามารถตีให้ขึ้นฟูในอุณหภูมิห้องปกติได้เลย แต่หากใช้วิปปิ้งครีมแท้ ต้องทำในที่เย็นจัด ทั้งนี้ หากต้องการทำในอุณหภูมิห้องปกติ ให้ใส่น้ำแข็งรองไว้ด้านล่างภาชนะที่จะตีวิปปิ้งครีม ก็จะเพิ่มความเย็น ช่วยให้ครีมตีขึ้นฟูง่ายขึ้น

3. คอยสังเกตเป็นระยะ การตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟู ไม่ควรใช้เวลานานจนเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อครีมแตกตัวจนกลายเป็นก้อนเนยได้ ควรสังเกตระดับการตั้งยอดของวิปปิ้งครีมอยู่เป็นระยะ ๆ หากเนื้อครีมเริ่มติดตะกร้อมือ จนเห็นเป็นยอดเรียวสวย สั้นและตรง มีความข้นเหนียว ไม่แตกออกจากกัน ก็แสดงว่าวิปปิ้งครีมได้กลายเป็น วิปครีม เรียบร้อยแล้ว

วิธีการทำวิปครีม ง่าย ๆ ที่บ้าน สไตล์โฮมเมด

การทำวิปครีม ก่อนอื่นควรนำวิปปิ้งครีมไปแช่ในตู้เย็นให้เย็นก่อน รวมถึงชามผสมอาหาร เพื่อให้ขึ้นฟูได้ง่าย โดยสูตรนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้ ทั้งคนที่มีเครื่องตีผสมอาหาร และ ไม่มีเครื่องผสมอาหาร โดยคนที่ไม่มี ให้ใช้ตะกร้อมือในการตีวิปปิ้งครีมแทน

วัตถุดิบ

1. วิปปิ้งครีม (ยี่ห้อใดก็ได้ ที่มีไขมันมากกว่า 35%)
2. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
3. สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

1. นำ วิปปิ้งครีม ที่แช่จนเย็นแล้วใส่ในชามผสมอาหาร ประมาณ 300 ML
2. .ใส่น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
3. ใส่สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
4. ใช้อุปกรณ์ผสมอาหารหรือตะกร้อมือ คนให้เข้ากัน
5. คนต่อไปจนกว่า เนื้อครีมจะข้นเหนียว เกาะติดปลายตะกร้อมือ
6. เมื่อเนื้อครีมเกาะติดตะกร้อมือ จนเห็นเป็นยอดสั้นและเรียว แล้วจึงเป็นอันเสร็จ

ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่อุณหภูมิของ วิปปิ้งครีม และการคอยสังเกตว่า เนื้อครียมเหนียวข้น ใช้การได้แล้วหรือไม่ โดยนอกจากใส่กลิ่นวานิลลาแล้ว อาจลองประยุกต์สูตรด้วยตัวเอง ใส่ลูกเล่นเพิ่ม ด้วยการใส่กลิ่นหรือวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น เนยถั่ว สารสกัดกลิ่นส้ม ฯลฯ ลงไปแทน ก็อาจจะได้รสชาติที่ดีและแปลกใหม่มากขึ้น สำหรับใครที่ลองทำแล้วแต่ไม่ขึ้นฟูดั่งใจ ก็เพิ่งอย่าล้มเลิกไป ค่อย ๆ หัดทำไปเรื่อย ๆ เชื่อว่าสักวัน วิปครีม ของคุณ จะต้องออกมาสวยงามอย่างแน่นอน

รู้ถึงชนิดของ วิปปิ้งครีม และวิธีการทำขนาดนี้แล้ว สาวกวิปครีม ห้ามพลาดเชียว ลองเอาสูตรนี้ไปทำดู เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนเอร็ดอร่อยกับการรับประทานของหวานกันมากขึ้น อย่าลืมไปลองทำกันดูนะครับ^^

บทความที่น่าสนใจ

• 5 สูตร เมอแรงค์ หลากรส หอมกรอบอร่อย พร้อมทำขายได้เลย