พริกหวาน ประโยชน์ มีอะไรบ้าง พร้อมบอก วิธีปลูกพริกหวานในกระถาง
ทำความรู้จัก พริกหวาน
ลักษณะทั่วไป
พริกหวาน เป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 0.5 – 1.5 เมตร ลำต้นและกิ่งมีสีเขียว ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน ส่วนดอกเป็นดอกเดี่ยว สีขาว ส่วนผล ซึ่งเรานำมารับประทานกันนั้น มีรูปร่างสี่เหลี่ยมถึงหกเหลี่ยม เปลือกหนาหรือบางแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีสีสันหลายสีตั้งแต่สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และ สีแดง
พริกหวานแต่ละสี มีรสชาติอย่างไร?
ที่ผลของพริกหวานมีสีสันแตกต่างกัน นั่นก็เป็นเพราะถูกเก็บเกี่ยวในระยะที่แตกต่างกันนั่นเอง โดยหากต้นพริกหวานออกผล ผลตอนแรกจะเป็นสีเขียว ต่อมาจึงค่อยกลายเป็นสีเหลือง สีส้ม และ สีแดง ตามลำดับ ซึ่งพริกหวานแต่ละสี ก็จะให้รสชาติที่แตกต่างกันไป โดยสีเขียวจะให้รสชาติที่เผ็ดเล็กน้อย สีเหลือง ไม่หวานและไม่เผ็ด ส่วนสีส้มและสีแดง จะให้รสหวาน โดยพริกหวานที่ให้รสชาติดีที่สุด ก็คือ พริกหวานสีแดง
พริกหวาน ทำอาหารอะไรได้บ้าง?
คนไทยนำพริกหวานมาทำอาหารหลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมูผัดพริกหวาน ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกหวานยัดไส้ หรือว่านำมาเสียบไม้ ย่างเป็นบาร์บีคิว ก็ยิ่งเพิ่มรสชาติและเพิ่มความหวาน กินคู่กันกับเนื้อหมู เนื้อวัว หรือ เนื้อไก่ ได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของ พริกหวาน
1. รักษาผิวพรรณให้มีสุขภาพดี
เมื่อพริกหวานเริ่มเปลี่ยนสี เป็นสีเหลือง สีส้ม และ สีแดง จะอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นวิตามินในกลุ่มแคโรทีนอยด์ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ ส่งผลให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ช่วยชะลอความแก่ได้
2. บำรุงสายตา ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา
พริกหวาน มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน A และ ลูทีน – ซีแซนทีน ทำให้ ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ชะลอความเสื่อมของเซลล์ลูกตา รวมถึงลดความเสี่ยงในการเป็นต้อกระจกได้
3. ลดความดันโลหิต ควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย
เมื่อทานพริกหวาน 100 กรัม จะได้รับโพแทสเซียมสูงถึง 175 มิลลิกรัม ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต ควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ตลอดจนประโยชน์อื่น ๆ เช่น รักษาภูมิแพ้ กำจัดของเสียในร่างกาย และยังช่วยให้เลือดนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงระบบประสาทได้ดี ทำให้จิตใจแจ่มใส ร่าเริง
4. เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ในพริกหวาน มีวิตามิน B หลายชนิด ทั้ง วิตามิน B1 B2 B3 B5 B6 B9 และวิตามิน C สูง ซึ่งวิตามินทั้ง 2 ชนิด ต่างมีส่วนช่วยในการเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ เนื่องจากจะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกาย ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
5. ช่วยเสริมพัฒนาการของทารกในครรภ์
คุณแม่มือใหม่ควรรับประทานพริกหวาน เนื่องมีวิตามิน B6 (ไพริด็อกซิน) และ B9 (กรดโฟเลท) ซึ่งต่างมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ ให้เจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แข็งแรง
วิธีปลูกพริกหวานในกระถาง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หากใครอยากปลูกพริกหวานไว้รับประทานเอง แต่ไม่มีแปลงหรือไร่ขนาดใหญ่ ก็สามารถปลูกพริกหวานในกระถางแทนได้ โดยพริกหวานนิยมขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด และเนื่องจากเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่น อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส ดังนั้น หากต้องการปลูก ควรวางหลบไว้ใต้ชายคา ไม่ควรวางกระถางในพื้นที่ที่โดนแดดโดยตรง
วิธีทำ
- นำเมล็ดพริกหวานแช่น้ำ 1-2 วัน จนกว่าจะมีรากอ่อน งอกออกจากเมล็ด
- เตรียมเพาะเมล็ด ใช้กากมะพร้าว รองในกระถางเพาะ(ขนาดกระถาง 3-4 นิ้ว)
- นำดินร่วนใส่ลงกระถาง นำเมล็ดที่แช่น้ำไว้มาคลุกลงดิน แล้วพรมน้ำให้ดินชุ่ม
- ตั้งกระถางไว้ในที่ร่ม หรือ ใต้ชายคา ให้พอโดนแดดอ่อน ๆ คอยพรมน้ำเช้า – เย็นอยู่เสมอ รอ 1-2 เดือน ต้นถึงจะเริ่มโต แต่ยังไม่มีดอก พอเข้าสู่เดือนที่ 3 ใบถึงจะเริ่มเยอะขึ้น และเริ่มมีดอกตูม
- เมื่อดอกเริ่มผลิบาน จนเป็นดอกเล็กสีขาว ระยะนี้ ผึ้งจะมาผสมกับเกสร เกิดผลเล็กๆ สีเขียว ดอกที่ไม่ติดก็จะเหี่ยวร่วงไป
- พอผลเริ่มโตขึ้น จากเท่านิ้วโป้งจนถึงขนาดเท่ากำปั้น ให้ใช้น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำ 1:200 ใส่ขวดสเปรย์พ่นตอนเช้าทุกวัน เพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืช มาทำลายใบและดอก
- เมื่อผลโต จนสมบูรณ์เต็มที่แล้ว จึงเก็บผลมารับประทาน โดยหากต้องการพริกหวานสีเขียวให้เก็บทานได้เลย แต่ถ้าอยากได้สีเหลือง สีส้ม หรือ สีแดง ให้รอจนกว่าผลจะเปลี่ยนเป็นสีตามที่ต้องการ แล้วจึงค่อยเก็บกิน
ส่วนใครสนใจอยากได้กระถางที่ปลูกพริกหวานได้แบบง่าย ๆ แนะนำให้ใช้ กระถางผ้า ของ SGE ผลิตจากผ้าใยชนิดพิเศษ ใช้งานทนทาน ช่วยให้อากาศถ่ายเทเข้า-ออกได้ดี ดินมีความชุ่มชื้น ช่วยเร่งรากและทำให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/plant-pot/
30 มกราคม 2024
โดย
Pres