กะทิ คืออะไร? หัวกะทิ หางกะทิ ต่างกันอย่างไร?
“กะทิ” เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ และอยู่คู่ครัวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีความหอมในตัวเอง นิยมใช้ในการประกอบอาหารประเภทแกง ผัด ต้ม ไปจนถึงเมนูขนมหวาน ช่วยทำให้อาหารมีรสชาติหวานมัน กลมกล่อม อร่อยลงตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งน้ำกะทินั้น มีหลายส่วน ที่เรียกว่า “หัวกะทิ” และ “หางกะทิ” ต่างกันอย่างไร? วันนี้ SGE เรามีคำตอบมาฝาก
กะทิ คืออะไร?
กะทิเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร มีลักษณะเป็นน้ำสีขาวข้นคล้ายนม ได้มาจากการคั้นน้ำ จากเนื้อมะพร้าวแก่ สี และรสชาติที่เข้มข้นของกะทิ มาจากน้ำมันมะพร้าว และ น้ำตาลมะพร้าวที่อยู่ในเนื้อมะพร้าว โดยมีรสชาติหวาน และมัน
หัวกะทิ หางกะทิ ต่างกันอย่างไร?
หัวกะทิ หางกะทิ เป็นคำที่เคยได้ยินกันบ่อย ๆ สำหรับคนที่ชอบทำอาหาร แต่คนทั่วไปฟังแล้วอาจจะยังงุนงงว่า กะทินี่มีแบ่งหัวแบ่งหางด้วยหรือ? แล้วแบ่งไปเพื่ออะไร? กะทิ 2 ส่วนนี้ต่างกันยังไง ดังนี้
- กะทิ คือ น้ำสีขาวข้น รสหอมมัน ที่คั้นออกมาจากมะพร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะพร้าวแก่ จะเหมาะกับการนำมาขูดเป็นกะทิอย่างมาก วิธีการคั้นกะทิอย่างง่าย ๆ คือ ขูดมะพร้าวแก่เป็นเส้นเล็ก ๆ จะใช้ที่ขูดธรรมดา หรือกระต่ายขูดมะพร้าวตามแต่จะสะดวก นำไปขยำกับน้ำอุ่นเล็กน้อย บีบคั้นเอาความมันของมะพร้าวออกมาให้หมด แล้วจึงกรองด้วยกระชอน จ ากนั้น นำมะพร้าวที่บีบแล้วมาเติมน้ำอุ่นเพิ่ม และคั้นกะทิต่อได้อีก แต่ความเข้มข้นของน้ำกะทิที่ได้จะลดลงไปตามลำดับขั้น
- หัวกะทิ คือ น้ำกะทิที่ได้จากการคั้นมะพร้าวครั้งแรก ซึ่งผสมน้ำเพียงเล็กน้อย หรือบางที่อาจไม่ผสมเลย เป็นกะทิที่มีความเข้มข้นสูงที่สุด นิยมใช้หยอดหน้าขนม หรืออาหารต่าง ๆ
- หางกะทิ คือ จากการคั้นมะพร้าวครั้งที่ 2-3 มีปริมาณน้ำผสมอยู่มากกว่า ความเข้มข้นของกะทิจึงลดลง นิยมนำไปผสมในขนม เช่น แกงบวด สาคู แกงเผ็ดชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
- กะทิสำเร็จรูปแบบกล่อง หรือ กะทิกระป๋อง คือ หัวกะทิ ดังนั้น ถ้าเราจะใช้หางกะทิ ก็ให้นำกะทิสำเร็จรูปเหล่านี้ไปผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 เท่านี้ก็ได้หางกะทิไปปรุงอาหารแล้ว
- กะทิแตกมัน คือ การนำกะทิไปตั้งไฟจนเดือด ไขมันในกะทิแยกตัวลอยขึ้นมาเป็นน้ำมันบนผิว ส่วนมากนิยมใช้กับการทำแกงเผ็ด เช่น แกงเขียวหวาน แกงแดง แบบที่เราจะได้เห็นน้ำมันผสมเครื่องเทศสีเขียวและแดงลอยอยู่ด้านบนดูน่ากินนั่นเอง
ประโยชน์ของกะทิ
- กะทิมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ อิเล็กโทรไลท์ โพแทสเซียม แคลเซียม และคลอไรด์ไขมันอิ่มตัว
- กะทิและน้ำมันมะพร้าว มีไขมันอิ่มตัว แต่เป็นกรดไขมันที่มีขนาดปานกลาง ย่อยง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก เมื่อกินแล้วจะเข้าไปเผาผลาญเป็นพลังงานในตับ โดยไม่สะสมเป็นไขมันเหมือนไขมันไม่อิ่มตัวโมเลกุลใหญ่
- ในกะทิ ยังมีกรดลอริค ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต้านไวรัส ป้องกันแบคทีเรีย จุลินทรีย์ และเชื้อรา ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
- กะทิยังกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ทำงานได้ดีขึ้น
- กะทิช่วยเผาผลาญสิ่งที่กินให้เปลี่ยนเป็นพลังงานแทนที่จะสะสมเป็นไขมัน จนบางที่ถึงกับกล่าวว่า กะทิช่วยลดน้ำหนักได้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีประโยชน์ แต่อย่าลืมว่า กะทิมีไขมัน และอาหารหรือของหวาน ที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ มักมีน้ำตาลสูง การบริโภคกะทิ และอาหารใส่กะทิจำนวนมากเกินพอดี จึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรบริโภคแต่พอเหมาะ และออกกำลังกายเป็นประจำควบคู่กันไปด้วย
กะทิสด VS กะทิกล่อง แบบไหนดีกว่ากัน?
กะทิเป็นเครื่องปรุงอาหารรสวิเศษของครัวไทย ทำได้หลากหลายเมนูตั้งแต่แกงกะทิ ต้มกะทิ น้ำยำที่มีส่วนผสมของกะทิ ผักต้มราดกะทิ หมี่ผัดกะทิ ขนมจีนน้ำพริก หลน และขนมไทยสารพัดประเภท อาหารภาคเหนือและอีสานอาจไม่ใช้กะทิมากนัก แต่ครัวภาคกลาง และภาคใต้นั้นขาดกะทิไม่ได้เลย
กะทิสด 🥥
ข้อดีของกะทิสด
- หอมกว่า แบบหอมธรรมชาติ
- หวานกว่า แบบหวานธรรมชาติ
- มันกว่า ยิ่งเวลาแตกมัน ยิ่งอร่อยแบบสุด ๆ เอาไปผัดแกงได้เด็ดสุด ๆ
- รสชาติละมุนกว่ากันเยอะ
- ทำมาจาก มะพร้าว ในประเทศไทย ตามท้องถิ่นทั่วไป
- คั้นเองที่บ้านได้ อยากทำเมื่อไหร่ก็ทำได้เลย
ข้อเสียของกะทิสด
- เสียง่าย เก็บไว้ได้ไม่นาน ไม่เกิน 3 ชม. ก็จะเสียแล้ว
- ต้องขูดมะพร้าว และคั้นเอง ยุ่งยาก ใช้เวลาเยอะ
- ราคาแพงกว่า
กะทิกล่อง 🥥
ข้อดีของกะทิกล่อง
- สะดวก รวดเร็ว
- เก็บเอาไว้ได้นาน
- ราคาถูกกว่า
ข้อเสียของกะทิกล่อง
- ไม่หอมเท่าที่ควร
- ไม่มันเท่าที่ควร และไม่แตกมันเวลาโดนความร้อน
- ทำมาจากมะพร้าวนำเข้า
ถ้าพูดถึงโดยรวมแล้ว กะทิสด ๆ จะเหนือกว่าในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น กลิ่น รสชาติ จะแตกต่างจากกะทิกล่องโดยสิ้นเชิง เพราะกะทิกล่อง มันถูกทำขึ้นมา เพื่อเลียนแบบ และใช้ทดแทน กะทิคั้นสด ๆ ของเทียม หากใครไม่แน่ใจว่ามีความแต่งต่างอย่างไร ลองทำเมนูเดียวกัน โดยใช้กะทิคนละชนิด ใส่เพื่อเปรียบเทียบกันได้เลย แนะนำว่า ให้ใช้เมนูขนมหวาน เช่น ทับทิมกรอบ มาเปรียบเทียบกัน จะชิมรสชาติได้ชัดเจนมาก ๆ
การเก็บรักษากะทิให้ใช้ได้นานขึ้น ทำได้อย่างไร?
การเก็บรักษาน้ำกะทิไว้ใช้ต่อได้อีก 3-5 วัน ตั้งหม้อเทน้ำกะทิลงไป ตั้งไฟจนน้ำกะทิร้อนจัด ๆ เพื่อเป็นการทำลายจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในกะทิ ตัวจุลินทรีย์ จะทำให้กะทิเสียง่าย เมื่อน้ำกะทิร้อนจัดแล้ว ยกลงมา รอจนกว่าจะหายร้อน จากนั้น เตรียมขวดโหลที่มีฝาปิดสนิด เทน้ำกะทิลงไป ปิดฝาให้มิชิด แล้วนำไปแช่ในตู้เย็น จะเป็นช่องแช่แข็ง หรือธรรมดาก็ได้
30 มกราคม 2024
โดย
ลำดวน