เคล็ดลับ กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด อย่างไร? เพื่อสุขภาพที่ดี!
อาหารตามกรุ๊ปเลือด อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจัยพื้นฐาน 4 อย่าง คือ สิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งอาหาร จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ถ้าร่างกายนำไปใช้ได้ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยหล่อเลี้ยง และซ่อมแซมร่างกาย แต่ถ้านำไปใช้ไม่ได้ ก็จะก่อให้เกิดความเป็นพิษ และเร่งความเสื่อมของร่างกาย ทำให้เกิดความเจ็บป่วยตามมาในที่สุด โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอาหารนั้น ๆ มีประโยชน์หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่า อาหารนั้น ๆ เหมาะกับร่างกายของเราหรือไม่นั่นเอง
วันนี้ SGE จะพาทุกคนไป “กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด” ว่ากินอย่างไรเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ละกรุ๊ปเลือด กินอะไรบ้าง?
อาหารตามกรุ๊ปเลือด มีอะไรบ้าง?
มีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกกินให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปเลือดมาฝากกัน แต่บอกก่อนว่า ไม่จำเป็นต้องกินเป๊ะ ๆ หรืองดอาหารตามที่เราแนะนำทุกอย่าง เพียงแค่นำไปปรับใช้ และทำให้สมดุลมากที่สุด เท่านี้ก็ช่วยให้การ ลดน้ำหนัก ได้ผลดีมากขึ้นแล้ว
เลือดกรุ๊ป A
ในร่างกายมีกรดเกลือ หรือกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการทำงานของเอนไซม์เปบซิน เพื่อให้เกิดกระบวนการย่อยโปรตีนในกระเพาะอาหารค่อนข้างต่ำ หมายความว่า ร่างกายของคนกรุ๊ป A จะย่อยโปรตีนจากสัตว์ค่อนข้างยาก แต่สามารถย่อยคาร์โบไฮเดรตได้ดี อีกทั้งคนกรุ๊ป A ยังมี Stress Hormone หรือฮอร์โมนความเครียดค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าเครียดเมื่อไหร่ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมามากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้ จะไปกระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้เก็บไขมันมากขึ้น ที่สำคัญร่างกาย จะรู้สึกอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่เป็นไขมันมากขึ้นด้วย จะเห็นได้ว่า คนกรุ๊ปนี้ ยิ่งเครียด ก็จะยิ่งอ้วน! ซึ่งการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของคนกรุ๊ป A คือ การกินผักผลไม้ให้มากขึ้น นั่นเอง
อาหารที่ควรกิน
👉🏻 ผักใบเขียว, บล็อคโคลี, แครอท, ผักกาดหอม, กระเทียม, คะน้า, หอมใหญ่, ฟักทอง, ผักโขม, ผักชี, หัวไชเท้า, น้ำมันที่สกัดจากผัก เช่น น้ำมันมะกอก, ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแมคเคอเรล, ปลากระพงแดง, ปลากระพงขาว, ปลาแซลมอน, ถั่ว, ข้าวโอ๊ต, เมล็ดฟักทอง, ผลไม้ประเภทเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่, แครนเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่, เชอร์รี่, น้ำผลไม้ เช่น สับปะรด, พรุน, แครอท และชาสมุนไพร เช่น จินเส็ง, ชาเขียว, ชาคาร์โมมายล์
อาหารที่ควรเลี่ยง
👉🏻 เนื้อสัตว์สีแดง, นม, โยเกิร์ต, ไข่, กระหล่ำปลี, มะเขือยาว, มะเขือเปราะ, มะเขือเทศ, มันฝรั่ง
ถ้าอยากผอมง่าย ๆ คนกรุ๊ป A ควรลดน้ำตาล แอลกอฮอล์ รวมถึงอาหารเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน กินอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลง แต่เพิ่มจำนวนมื้อให้มากขึ้น และไม่อดอาหารมื้อหลัก (เช้า, กลางวัน, เย็น) โดยเฉพาะอาหารเช้า และไม่อดหลับอดนอน ทำงานหนักมากเกินไป มีอารมณ์ด้านลบอยู่เสมอ เช่น ร้องไห้, เศร้า, เครียด, สูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่ที่มีเสียงดังมากเกินไป เพราะทั้งหมดนี้ จะทำให้คนกรุ๊ป A เกิดอาการเครียดได้ง่ายขึ้น
เลือดกรุ๊ป B
คนกรุ๊ป B จะคล้าย ๆ กับคนกรุ๊ป A คือ มีฮอร์โมนคอร์ติซอลค่อนข้างสูง ซึ่งฮอร์โมนนี้ คือฮอร์โมนที่ร่างกายจะหลั่งออกมา เมื่อเกิดความเครียดนั่นเอง และถ้าร่างกายหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ออกมามากจะกระตุ้นให้เรารู้สึกหิว และอยากกินอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานให้สูงขึ้น เพื่อชดเชยกับพลังงานที่เราสูญเสียไปกับความเครียด ซึ่งนั่นคือ ตัวการที่ทำให้คนกรุ๊ป B อ้วนขึ้นง่าย ๆ
โดยรวมแล้วคนกรุ๊ป B มีระบบย่อยอาหารที่ค่อนข้างสมดุลมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ สามารถกินอาหารได้หลากหลายประเภทหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือผักต่าง ๆ แต่ที่ต้องระวังมากที่สุด คือ เนื้อไก่ เพราะเป็นอาหารที่มีเลคตินโปรตีนค่อนข้างสูง ซึ่งหากมีเลคตินมาก จะเป็นอันตรายต่อระบบเลือดได้ ดังนั้น การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของกรุ๊ป B คือ การกินอาหารทุกอย่างอย่างสมดุล นั่นเอง
อาหารที่ควรกิน
👉🏻 อาหารประเภทนม เนย และไข่ แต่ควรเน้นแบบ Low Fat ผักสีเขียวทั้งหลาย, ปลาน้ำลึก เช่น ปลาหิมะ, ปลาจาระเม็ด, น้ำนมข้าว, ข้าวโอ๊ต, น้ำมันมะกอก และผลไม้เกือบทุกชนิด
อาหารที่ควรเลี่ยง
👉🏻 เนื้อหมู, เนื้อไก่, หอยเชลล์ เพราะมีเลคตินโปรตีนที่อันตรายต่อระบบเลือด และสมอง, ถั่วต่าง ๆ และอาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี ข้าวโพด เพราะไม่ดีต่อระบบเผาผลาญ ผัก และผลไม้ที่ควรเลี่ยง เช่น มะเขือเทศ, ข้าวโพด, มะเฟือง, ทับทิม เพราะมีผลต่อระบบย่อยอาหาร
เลือดกรุ๊ป O
คนกรุ๊ป O เป็นกรุ๊ปที่มีระบบการย่อยอาหารจำพวกเนื้อได้ดีกว่ากรุ๊ปอื่น และน้ำย่อยในระบบย่อยอาหารมีความเป็นกรดสูง จึงเหมาะกับการกินอาหารประเภทเนื้อแดง ซึ่งโปรตีนจากสัตว์ประเภทนี้ จำเป็นต่อคนเลือดกรุ๊ป O และคนเลือดกรุ๊ป O มักจะมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ และสารไอโอดีนในร่างกายค่อนข้างต่ำ ซึ่งสารไอโอดีนนั้น เป็นสารประกอบที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนไทรอยด์ หากขาดไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ เช่น โรคอ้วน และสภาวะบวมน้ำ ดังนั้น คนกรุ๊ป O ควรลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารที่มีโปรตีน และไอโอดีนสูง เช่น อาหารทะเล หรือสาหร่ายทะเลเพิ่มขึ้น
อาหารที่ควรกิน
👉🏻 เนื้อแดง, อาหารทะเล เพื่อป้องกันโรคไทรอยด์ และอาการเลือดไม่แข็งตัว (แต่ควรระวังเรื่องคอเลสเตอรอลด้วย) ผักต่าง ๆ ที่ดีมาก คือ บล็อคโคลี และถั่วกินได้เกือบทุกชนิด, ชาสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ชาขิง ส่วนผลไม้กินได้เกือบทุกชนิด ยกเว้น ส้ม
อาหารที่ควรเลี่ยง
👉🏻 เนื้อหมู, แฮม, ผักตระกูลกะหล่ำ เพราะมีผลต่อไทรอยด์, อาหารที่ทำจากแป้งสาลี เพราะมีผลต่อการย่อยอาหาร, น้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธี, ชาและกาแฟ เพราะจะยิ่งเพิ่มกรดในระบบย่อยอาหาร
เลือดกรุ๊ป AB
สำหรับคนกรุ๊ป AB มีลักษณะที่เป็นส่วนผสมของคนกรุ๊ป A และ กรุ๊ป B เข้าด้วยกัน โดยมีกรดในกระเพาะต่ำเหมือนคนกรุ๊ป A แต่สามารถกินอาหารได้หลากหลายเหมือนคนกรุ๊ป B ดังนั้น การลดน้ำหนักที่ดีของคนกรุ๊ปนี้ จึงต้องเป็นการกินผัก หรือมังสวิรัติหน่อย ๆ ผสมผสานไปกับการกินให้สมดุลแบบคนกรุ๊ป B และการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนกรุ๊ป AB นั้น จะเป็นประเภทแอโรบิก หรือการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น โยคะ จึงจะให้ผลดีที่สุด
อาหารที่ควรกิน
👉🏻 ปลาต่าง ๆ ยกเว้น ปลาเนื้อขาว, นม, เนย, ไข่, โยเกิร์ต และชีส สามารถกินได้ แต่ในปริมาณที่พอเหมาะ, ข้าวโอ๊ต, อาหารต่าง ๆ ที่ทำจากแป้งสาลี, ผักกินได้เกือบทุกชนิด เน้นบล็อคโคลี, แตงกวา และผักใบเขียว, เห็ด, กระเทียม, ผลไม้ที่ควรกิน เป็นพวกองุ่น, เชอร์รี่, สับปะรด, เลมอน, กีวี จะช่วยย่อยและล้างลำไส้, ชาสมุนไพร เช่น ชาเขียว, ชาคาโมมายล์ เป็นต้น
อาหารที่ควรเลี่ยง
👉🏻 เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อวัว, เนื้อหมู, ปลาหมึก, เป็ด, ห่าน เพราะย่อยยาก ถั่ว, ข้าวโพด, แป้งข้าวโพด เพราะจะไปชะลอการทำงานของอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดอาจลดลงได้อย่างเฉียบพลัน ผลไม้ เช่น มะม่วง, ฝรั่ง, กล้วย, มะพร้าว, อะโวคาโด, พริกไทยดำ, น้ำส้มสายชู, เครื่องดื่มอัดแก๊ส และโซดา
ทำไมต้อง กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด?
กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด เป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานแล้วว่า ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดย ดร.ปีเตอร์ ดี อาดาโม ผู้ที่ได้รับรางวัลแพทย์ธรรมชาติบำบัดยอดเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ.1990 ได้อธิบายไว้ในหนังสือ Eat Right for Your Type โดยเขาเชื่อว่า
“เลือดแต่ละกรุ๊ป มีสารเคมีในเลือดที่แตกต่างกัน โดยมีแอนติเจนกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งอาหารทุกชนิดล้วนมีโปรตีนที่เป็นอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการเหนี่ยวนำ และจับเกาะติดเลือดที่เรียกว่า “เลคติน” ถ้าเรากินอาหารที่มีเลกตินไม่เหมาะกับเลือด ก็จะทำให้เลกตินเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การเผาผลาญ การสร้างอินซูลิน และความสมดุลของฮอร์โมน”
จากความแตกต่างของสารเคมีในเลือดนี่เอง จึงทำให้เลือดแต่ละกรุ๊ป มีความสามารถในการย่อยต่างกัน ถ้าสามารถย่อยได้หมด ร่างกายก็จะนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าย่อยไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ในร่างกาย และเน่าเสีย เมื่อถูกดูดซึมกลับไปอีกครั้ง ก็จะทำให้ร่างกายป่วยง่ายขึ้นได้
รู้ไหม? 👉🏻 ในร่างกายเรามีกลุ่มเลือดหลักอยู่ คือ เอ บี โอ และเอบี โดยในเม็ดเลือดของเราจะมีโปรตีนแอนติเจน (Antigen) และในหมู่เลือดของมนุษย์จะมีหมู่เลือดที่เราคุ้นเคยและรู้จักกันดีอยู่ 2 ระบบ คือ
- ระบบ ABO (เอบีโอ) คือหมู่เลือดที่แบ่งเป็นเอ บี โอ และเอบี ซึ่งคนไทยส่วนมากจะอยู่ในหมู่เลือดโอ
- ระบบ Rh (อาร์เอช) จะแบ่งเป็น Rh (+) (อาร์เอชบวก) และ Rh (-) (อาร์เอชลบ) ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่มีหมู่เลือดอาร์เอชบวก มีเพียงประมาณ 0.3% ของประชากรทั้งหมดที่จะมีหมู่เลือดอาร์เอชลบ
อายุมีผลต่อกรุ๊ปเลือดหรือไม่?
ความจริงแล้วโรคภูมิแพ้และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ล้วนมีอายุเป็นตัวแปรเสมอ เช่น เด็ก และคนชรา ที่ร่างกายมีความอ่อนแออยู่แล้ว จะมีโอกาสป่วย หรือเสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ ได้มากกว่าคนหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรง ดังนั้นการ กินตามกรุ๊ปเลือด จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ร่างกายของทุกคนมีความแข็งแรงตามช่วงอายุ ถ้าเรากินเป็นประจำจนระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีแล้ว ก็จะส่งผลให้ร่างกายของเราแข็งแรงไปจนถึงวัยชรานั่นเอง
30 มกราคม 2024
โดย
ลำดวน