งาดํา ประโยชน์เยอะ พร้อมเคล็ดลับในการเลือกซื้อ และ วิธีการจัดเก็บให้ได้นาน
ทำความรู้จัก งาดำ
งาดำ เป็นธัญพืชอย่างหนึ่ง ลักษณะเป็นเมล็ดสีดำ ขนาด 2 – 3 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดบาง มีสีดำ และมีกลิ่นหอม ได้มาจากต้นงาดำ ซึ่งเป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 50 – 150 เซนติเมตร สำต้นตั้งตรง ใบสีเขียวรูปหอก ดอกเป็นดอกเดี่ยว กลีบดอกมีสีขาว ขาวอมชมพู หรือ ม่วงอ่อน ส่วนผลหรือฝัก มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว ฝักอ่อนมีสีเขียว ถ้าฝักแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ในฝัก 1 ฝัก จะมีเมล็ดประมาณ 80-100 เมล็ด ซึ่งงาดำที่เรารู้จักกันก็คือ เมล็ดที่มาจากฝักของต้นงาดำนั่นเอง
สำหรับถิ่นกำเนิดของ งาดำ เดิมอยู่ในทวีปแอฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย ก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลก ในช่วงแรก มักนำมาใช้เพื่อสกัดเป็นน้ำมันงา สำหรับทำยาและอาหาร แต่ด้วยความที่มีกลิ่นหอม จึงถูกนำมาทำเป็นเครื่องหอมด้วย เมื่อเริ่มมีการศึกษาถึงสรรพคุณของงาดำ จนพบว่ามันอุดมไปสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย จึงกลายเป็นธัญพืชสำคัญ ที่นิยมนำมาเป็นวัตถุดิบในอาหารเพื่อสุขภาพ
ประโยชน์และสรรพคุณของ งาดำ
1. มีแคลเซียมสูง บำรุงกระดูกให้แข็งแรง
ในงาดำ 100 กรัม จะมีแคลเซียมสูงถึง 1,452 มิลลิกรัม ซึ่งถ้าทานงาดำแค่ 15 กรัม ก็จะได้รับแคลเซียม 210 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับการดื่มนม 1 แก้วแล้ว จึงช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันความเสี่ยงจากโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ รวมถึงยังช่วยทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ปกติอีกด้วย
2. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่าง สารเซซามินและสารเซซาโมลิน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ในกลุ่มลิกแนน (Lignans) ที่มีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และ สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่จะช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย ทำให้การรับประทานงาดำ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ ป้องกันความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไขมันในหลอดเลือดสูง โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจ
3. ป้องกันโรคมะเร็ง
งาดำมีสารที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สารเซซามีน ที่จะเข้าไปช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย ไม่ให้ถูกเซลล์มะเร็งลุกลาม ตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งนั้น ๆ พร้อมกับช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้กลับคืนมา ไปจนถึง สารไฟโตสเตอรอล ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอก ทำลายเซลล์มะเร็งเต้านม และช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ทำให้การบริโภคงาดำ มีประโยชน์ต่อผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมาก ๆ
4. ช่วยให้ระบบและอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ปกติ
วิตามิน B หลากหลายชนิด อัดแน่นอยู่ในงาดำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน B1 B2 B3 B5 B6 B9 ทำให้เมื่อรับประทานงาดำแล้ว จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง บำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้มีสุขภาพดี และทำให้ระบบอวัยวะภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น ระบบประสาท การทำงานของสมอง รวมถึงยังช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ให้เป็นปกติอีกด้วย
5. ช่วยบำรุงสายตา
เบต้าแคโรทีนในงาดำ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะถูกเปลี่ยนให้เป็นวิตามิน A ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตา ทำให้ตาสามารถมองเห็นในตอนกลางคืนได้ดี เมื่อทำงานควบคู่กับวิตามิน A ก็จะยิ่งช่วยบำรุงสายตาให้มีสุขภาพดี ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา และ ป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจก
6. กระตุ้นระบบขับถ่าย
ด้วยความที่เป็นธัญพืช ทำให้งาดำมีไฟเบอร์สูง เข้าไปช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานได้ดี ขับถ่ายได้ง่าย พร้อมช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ไม่ว่าจะเป็นโรคท้องร่วง ท้องผูก ป้องกันความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้ในอีกทางหนึ่ง
งาดำ ทำเมนูอะไรได้บ้าง
งาดำ นำมาทำเมนูได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเครื่องดื่ม เช่น นมถั่วเหลืองผสมงาดำ น้ำเต้าหู้งาดำ สมูทตี้งาดำ สำหรับอาหาร มักนำมาเป็นวัตถุดิบในอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น สลัด ขนมปังงาดำ ซาลาเปางาดำ รวมถึงของหวานต่าง ๆ คือ พุดดิ้ง คุ้กกี้ ไอศกรีม บัวลอย ขนมเปี๊ยะ เป็นต้น โดยนอกจากจะนำมาเป็นวัตถุดิบหลักแล้ว ก็มักถูกนำมาคั่วแล้วโรยลงบนอาหารเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
เคล็ดลับในการเลือกซื้อและวิธีการจัดเก็บ
หากต้องการซื้อเมล็ดงาดำมาทำอาหารหรือเครื่องดื่มแล้วละก็ ควรเลือกซื้องาดำที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน และไม่ควรซื้อที่ที่แบ่งขายตามร้านขายของชำ เพราะอาจจะเสี่ยงกับมูลแมลงสาบและแมลงอื่น ๆ ได้ ที่สำคัญ ไม่ควรซื้อแบบที่บดสำเร็จมาแล้ว เนื่องจากอาจมีเชื้อราติดมาด้วย
สำหรับการจัดเก็บเมื่อซื้อมาใช้แล้ว ควรเก็บใส่ภาชนะที่สามารถปิดได้อย่างมิดชิด ไม่ว่าจะเป็น ถุงซิปล็อก หรือ ขวดโหล เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานโดยไม่ปิดให้มิดชิด จะทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนได้
งาดำมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด หากต้องการรับประทานธัญพืช เพื่อบำรุงสุขภาพแล้วละก็ สามารถหาซื้อเครื่องดื่มและอาหารที่มีส่วนผสมของงาดำ มารับประทานได้เลย หรือ จะทำเมนูที่มีส่วนผสมของงาดำด้วยตัวเองที่บ้านก็ได้ รับรองว่า ได้ทั้งความอร่อยและดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
สำหรับใครที่ซื้องาดำมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะจัดเก็บอย่างไรให้มิดชิด แนะนำให้จัดเก็บใน ถุงซีลสุญญากาศ ของ SGE ผลิตจากพลาสติก Food Grade มีแถบซีลหนา ป้องกันอากาศเข้าได้อย่างมิดชิด ช่วยให้คุณสามารถเก็บงาดำได้ยาวนาน สามารถนำมาทำอาหารได้แม้ผ่านไปหลายวัน สนใจคลิกดูเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/vacuum-bags/
30 มกราคม 2024
โดย
Pres