สาระดี ๆ ชาเขียว VS ชาเขียวมัทฉะ ต่างกันไหม มีประโยชน์อย่างไร?
ทำความรู้จัก ชาเขียว
ชาเขียว มีที่มาจาก ต้นชา (Camellia sinensis) ซึ่งเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในเขตที่ราบสูงและมีอากาศเย็น เดิมมีถิ่นกำเนิดในบริเวณรอยต่อระหว่างพม่า อินเดีย และจีน ก่อนที่จะถูกนำไปเพาะปลูกและขยายพันธุ์ไปทั่วโลก เมื่อนำยอดอ่อนของต้นชา มาต้มน้ำดื่ม จะให้กลิ่นหอมและมีรสชาติดี จึงทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม จนมีการนำใบชาไปทำเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ใบชาแห้ง ผงชาเขียวแห้งสำหรับชงดื่ม ชาเขียวสำเร็จรูปพร้อมดื่ม คุกกี้ ไอศกรีม ตลอดจนขนมเค้กต่าง ๆ
ชาเขียว มีกี่แบบ?
ชาเขียว ทุกแบบ มาจากต้นชาชนิดเดียวกัน แต่ที่มีชื่อเรียกหลายชื่อ นั่นเป็นเพราะมีกรรมวิธีการเก็บเกี่ยว กรรมวิธีการชง และรสชาติที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีการเรียกชื่อชาเขียวแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 แบบด้วยกันคือ
1. เคียวคุโระ (Kyokuro) ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชา ที่ถูกคลุมด้วยเสื่อฟางในช่วงสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดรสหวาน เวลาชงดื่ม จะชงโดยใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าและใช้เวลาแช่น้ำนานกว่าชาชนิดอื่น ๆ ทำให้เป็นหนึ่งในชาที่มีราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่น
2. เซนฉะ (Sencha) เป็นชาเขียวที่ใช้ยอดอ่อนของต้นชาที่เก็บเกี่ยวในเดือนแรก จึงได้ชื่อว่า “ชาใหม่” โดยมักจะมีรสหวานและมีสีเขียวเข้ม แต่รสชาติก็อาจเปลี่ยนไปได้ตามอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชงเช่นกัน ซึ่งถ้าชงด้วยน้ำร้อน รสชาติจะยิ่งขมมากขึ้น
3. โฮจิฉะ (Hojicha) ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชาที่ถูกนำไปคั่ว ทำให้ใบชามีสีน้ำตาลแดง เป็นการลดระดับคาเฟอีนและความขมของชาลง ทำให้เมื่อชงกับน้ำแล้ว จะดื่มง่ายขึ้น
4. เกนไมฉะ (Genmaicha) เป็นชาเขียวที่ใช้ยอดอ่อนของต้นชาผสมกับข้าวกล้อง ทำให้มีรสชาติคล้ายถั่ว จึงมีชื่อเล่นว่า ชาป๊อปคอร์น โดยชาเขียวชนิดนี้ ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมดื่มหลังอาหารเย็น
5. มัทฉะ ( Matcha ) ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชา ที่ถูกปลูกโดยไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง แล้วนำใบชามาบดให้ละเอียดเป็นผงสำหรับชงดื่ม ด้วยสามารถนำมาละลายกับน้ำได้ง่าย จึงนิยมนำไปใช้ในงานพิธีชงชา และเป็นส่วนผสมในขนมและเครื่องดื่มต่าง ๆ
ชาเขียว – ชาเขียวมัทฉะ แตกต่างกันอย่างไร
ชาเขียว Matcha เป็นชาเขียวรูปแบบหนึ่ง จากทั้งหมด 5 รูปแบบ แต่ด้วยมีกรรมวิธีการเก็บเกี่ยว กรรมวิธีการชง และรสชาติที่แตกต่างกัน จึงทำให้ ชาเขียวมัทฉะ แตกต่างจากชาเขียวชนิดอื่น ๆ โดยแบ่งได้เป็น 3 กรณีด้วยกันคือ
วิธีการปลูก : ชาเขียวมัทฉะ ผลิตจากยอดอ่อนของต้นชา ที่ถูกปลูกโดยไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง จึงมีความแตกต่างจาก ชาเขียว ชนิดอื่น ๆ ที่มักถูกปลูกอยู่กลางแจ้ง โดยเหตุผลก็เพื่อกระตุ้นให้ต้นชาเกิดการสร้างสารคลอโรฟิลล์เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยในการสังเคราะห์แสง ทำให้ใบชามีสีเขียวเข้มมากกว่าใบชาแบบอื่น ๆ
กรรมวิธีการชง : ยอดอ่อนของชาเขียวมัทฉะ จะถูกบดให้ละเอียดเป็นผงก่อน เมื่อนำมาชง จึงละลายไปกับน้ำได้เลย แตกต่างจากชาเขียวอื่น ๆ ที่จะต้องนำใบใส่ตัวกรอง แล้วใช้น้ำร้อนชงผ่าน ถึงจะดื่มได้ ทำให้มีกรรมวิธีการชงที่สะดวกกว่า และยังสามารถนำไปเป็นส่วนผสมในขนมและเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ง่ายอีกด้วย
รสชาติ : ชาเขียวมัทฉะมีรสชาติเข้มข้น หวาน กลิ่นหอมนวล ละมุน ๆ แตกต่างจากชาเขียวอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีรสชาติขม ออกฝาดเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายสาหร่าย
โดยชาเขียวมัทฉะคุณภาพดีนั้น ส่วนใหญ่ผงชาเขียวจะมีสีเขียวสดใส เมื่อนำมาชงอย่างพิถีพิถัน โดยใช้แปรงชงชา (Chasen) คนให้ละลาย จะเกิดชั้นฟองหรือฟองครีมอยู่ด้านบน ซึ่งแหล่งที่มาของผงชาเขียวมัทฉะที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดีที่สุดนั้น อยู่ที่เมืองนิชิโอะ และ เมืองอูจิ ประเทศญี่ปุ่น
ประโยชน์ของ ชาเขียวมัทฉะ ( Matcha )
1. ใช้ทำขนมและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ง่าย
เนื่องจากเป็นผงชาเขียว ในรูปแบบบดละเอียด ทำให้ชาเขียวมัทฉะ เหมาะกับการนำมาทำขนมและเครื่องดื่ม ๆ ต่าง เพื่อให้ได้รสชาติแบบชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน อย่าง โมจิ บิงซู ชีสเค้กมัทฉะ มัทฉะบานอฟฟี่ ไอศกรีมรสชาเขียวมัทฉะ หรือ เครื่องดื่มอย่าง ชาเขียวมัทฉะ ทั้งแบบร้อน เย็น หรือ ปั่น ฯลฯ
2. ช่วยในการลดน้ำหนัก
ชาเขียวมัทฉะ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ สารคาเทซิน (cathechin) จำนวนมาก ซึ่งมีฤทธิ์ในการช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน จึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในหลอดเลือดให้ปกติ ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานด้วย
3. ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ
นอกจากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว สารคาเทซินยังเข้าไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในหลอดเลือด (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอที่ดี (HDL) ในขณะเดียวกัน ทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไขมันอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ
4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
สารคาเทซิน ในชาเขียวมัทฉะ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีฤทธิ์ในการยับยั้งการแพร่กระจายและการอักเสบที่เกิดจากเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจากงานวิจัยพบว่ามันสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่
รู้ถึงความแตกต่างของ ชาเขียว กับ ชาเขียวมัทฉะ กันแล้ว จะสั่งชาเขียวครั้งหน้าก็เลือกกันให้ดี เพื่อให้ดื่มชาเขียวได้อย่างมีระดับ และดีต่อสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับใครที่อยากจะขายเครื่องดื่มชาเขียว Matcha แล้วอยากได้อุปกรณ์ที่ช่วยให้จ่ายน้ำใส่แก้วได้อย่างรวดเร็ว แนะนำ เครื่องจ่ายน้ำ ของ SGE มีหลายรุ่นหลายขนาด พร้อมหัวจ่ายน้ำสแตนเลส ใช้งานทนทาน เหมาะทั้งใช้งานในครัวเรือน รวมถึงธุรกิจ SME สนใจคลิกดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/juice-dispenser/
30 มกราคม 2024
โดย
Pres