ใบแมงลัก ประโยชน์ พร้อม วิธีปลูกต้นแมงลักในกระถาง แบบง่าย ๆ
ใบแมงลัก นอกจากนิยมนำมาทำอาหาร ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่แพ้ เม็ดแมงลัก หากใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง และ มีวิธีปลูกอย่างไร SGE มีประโยชน์ของใบแมงลักมาฝาก พร้อมกับ วิธีปลูกต้นแมงลักในกระถาง แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง รับรองว่า ทำตามได้ง่าย ๆ ต้นแมงลักโตเร็ว ใบเขียวสวยแน่นอน
ทำความรู้จัก ใบแมงลัก
ใบแมงลัก มาจากต้นแมงลัก ซึ่งเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 50 เซนติเมตร พบได้ทั้งในภาคเหนือภาคอีสาน และ ภาคกลาง ของไทย ลักษณะเป็นใบเดี่ยว สีเขียว ออกตามกิ่งของต้นแมงลัก ใบเป็นทรงรี ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่มหรือโค้งมน ขอบใบเรียบ มีขนอ่อนปกคลุมทั่วใบ
เนื่องจากเป็นพืชตระกูลเดียวกับโหระพาและกะเพรา ใบแมงลักจึงสามารถนำมารับประทานได้ โดยคนไทยนิยมนำมาประกอบอาหาร เพื่อช่วยดับกลิ่นคาวและเพิ่มกลิ่นหอมของอาหาร โดยเฉพาะเมนูแกงต่าง ๆ เช่น แกงเลียง แกงหน่อไม้ แกงอ่อม รวมถึงเมนูอาหารพื้นเมืองของคนภาคอีสานต่าง ๆ โดยคนไทยเรียกใบแมงลักในหลากหลายชื่อ คนภาคเหนือนิยมเรียกใบแมงลักว่า ก้อมก้อขาว ส่วนคนภาคอีสาน นิยมเรียกว่า ผักอีตู่
ด้วยความนิยมในการใช้ ใบแมงลัก มาทำอาหาร ตลอดจน นำ เม็ดแมงลัก มาผสมกับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อลดน้ำหนัก ทำให้คนไทยนิยมปลูกต้นแมงลักกันมากขึ้น เพื่อขายใบแมงลักและเม็ดแมงลักในเชิงพาณิชย์ โดยปัจจุบัน สายพันธุ์แมงลัก ที่นิยมปลูก คือ แมงลักสายพันธุ์ศรแดง เนื่องจากให้ใบใหญ่ ไม่มีขนาดเล็กจนเกินไป
ประโยชน์ของ ใบแมงลัก
1. ให้พลังงานและสารอาหารที่มีประโยชน์
หากรับประทาน ใบแมงลัก 100 กรัม จะได้รับพลังงาน 32 แคลอรี พร้อมกับสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย อาทิ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ วิตามิน A B1 B2 B3 วิตามิน C แคลเซียม ฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก ครบครัน จึงเป็นผักที่มีประโยชน์มากชนิดหนึ่ง
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดี
ในใบแมงลัก มีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน B3 และ วิตามิน C ที่ต่างมีคุณสมบัติ ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น ดูกระจ่างใส และ ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร โดยใบแมงลัก 100 กรัม จะมีวิตามิน C มากถึง 78 มิลลิกรัม
3. บำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง
ใบแมงลักมีธาตุเหล็ก จึงมีส่วนช่วยในการบำรุงเลือด และ ป้องกันโรคโลหิตจาง โดยหากรับประทานใบแมงลักปริมาณ 100 กรัม จะได้รับธาตุเหล็ก 4.9 มิลลิกรัม เหมาะกับการนำมาทำอาหารสำหรับผู้ที่มีอาการขาดธาตุเหล็ก
4. บำรุงสายตา ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
เนื่องจากใบแมงลัก 100 กรัม มีวิตามิน A มากถึง 10.6 กรัม จึงทำให้ใบแมงลักมีคุณสมบัติในการบำรุงสายตา ช่วยให้มองเห็นทั้งกลางวันและกลางคืนได้ดี นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ประสาทตา ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD)ในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
5. มีแคลเซียม ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
นอกจากวิตามิน A แล้ว ใบแมงลัก ยังมีแร่ธาตุอย่าง แคลเซียม สูงอีกด้วย โดยในใบแมงลัก 100 กรัม จะมีแคลเซียมมากถึง 350 มิลลิกรัม จึงมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่มีความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมลดลง และ สภาพกระดูกไม่แข็งแรง
6. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานปกติ
ใบแมงลักก็เหมือนกับผักทั่วไป ที่มีเส้นใยหรือไฟเบอร์สูง ทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ถ่ายอุจจาระได้ง่าย ลดการหมักหมมของเสียในลำไส้ และ ลดโอกาสดูดซับสารพิษจากของเสียกลับเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ลดลงตามไปด้วย
ใบแมงลัก ทำอาหารอะไรได้บ้าง
คนไทยนำใบแมงลักมาประกอบอาหารหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ห่อหมก แกงเลียง แกงอ่อม แกงคั่ว ขนมจีนน้ำยา ฯลฯ ยิ่งในภาคอีสาน คนท้องถิ่นจะนิยมนำมาประกอบอาหารเช่น แกงเปรอะ หมกฮวด ต้มส้ม แล้วแต่ความสะดวก เนื่องจากมีกลิ่นหอมและช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้
ซึ่งถ้าหากอยากซื้อหา ใบแมงลัก มาทำอาหารแล้วละก็ ควรรู้ความแตกต่างระหว่าง ใบแมงลัก กับใบโหระพา เนื่องจากมีลักษณะค่อนข้างคล้ายกัน โดยใบแมงลักขนาดต้นจะเล็กกว่าใบโหระพา หากดูที่สีของลำต้น ลำต้นของต้นแมงลักจะสีเขียวอ่อนเกือบขาว ส่วนใบโหระพาลำต้นจะออกสีม่วงแดง ในส่วนของใบ ใบแมงลักจะเป็นรูปรีปลายใบแหลม ขอบใบเรียวหรือหยักมน ๆ ต่างจากใบโหระพาที่ขอบใบจะหยักเป็นฟันเลื่อยห่าง ๆ ดังนั้น หากใครอยากซื้อใบแมงลักมาทำอาหารแล้วละก็ อย่าลืมจำแล้วนำไปสังเกต เพื่อให้ซื้อหากันมาทำอาหารได้อย่างถูกต้อง
วิธีปลูกต้นแมงลักในกระถาง แบบง่าย ๆ
ต้นแมงลัก เป็นพืชที่เติบโตได้ง่ายในเขตร้อน ดังนั้น จึงปลูกได้ทุกภาคในประเทศไทย โดยนอกจากปลูกในแปลงเพาะแล้ว ปัจจุบัน สามารถปลูกในกระถาง เพื่อสร้างผลผลิตได้ด้วย หากใครอยากปลูกต้นแมงลัก เพื่อเก็บใบแมงลักไว้บริโภคในครัวเรือน หรือ เก็บขาย เพื่อสร้างรายได้แล้วละก็ SGE มีเทคนิค วิธีปลูกต้นแมงลักในกระถาง ตามสไตล์ Youtuber ช่อง Koy Garden แบบง่าย ๆ มาฝาก
วิธีปลูกต้นแมงลักในกระถาง
- ผสมดินร่วน ปุ่ยคอก แกลบ ขุยมะพร้าว ทราย ปูนขาว ให้เข้ากัน จากนั้น พรวนดิน แล้วตากแดดทิ้งไว้ 7 วัน เสร็จแล้ว นำดินใส่กระถาง เตรียมไว้
- โรยเมล็ดแมงลักลงไปให้ทั่ว ๆ โรยดินทับลงไป แล้วรดน้ำให้ดินชุ่ม เสร็จแล้ว นำกระถางไปวางไว้ในที่ที่โดนแสงแดด รดน้ำวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ รอจนกว่าต้นแมงลักจะโตเป็นต้นกล้า
- พอต้นแมงลักโตเป็นต้นกล้าแล้ว ให้ย้ายต้นกล้าลงในกระถางใหญ่ โดยเวลาย้าย ให้ขุดดินพร้อมต้นกล้าขึ้นมา ใส่กระถางใหญ่ ซึ่งรดน้ำจนดินชุ่มดีแล้ว จากนั้น ฝังรากต้นแมงลักลงไปในดิน แล้วรดน้ำให้ดินชุ่มอีก 1 รอบ
- นำต้นแมงลักมาไว้ในที่แสงรำไร แล้วรดน้ำต่อวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3 – 5 วัน
- พอต้นแมงลักเริ่มแข็งแรงดีแล้ว ให้ย้ายไปไว้ในที่ที่โดนแสงแดดดี แล้วเริ่มใส่ปุ๋ยคอก และคอยรดน้ำให้ดินชุ่มสม่ำเสมอ
- ระหว่างปลูก ให้คอยเด็ดยอดอ่อน เพื่อให้ต้นโตเร็วมากยิ่งขึ้น (สามารถนำยอดอ่อนมาปักชำข้าง ๆ ตรงพื้นที่ว่างในกระถางได้)
- เมื่อต้นแมงลัก โตจนมีอายุ 2 เดือนขึ้นไป ก็สามารถเก็บใบแมงลัก มาบริโภค หรือ ขายเพื่อสร้างรายได้ ได้แล้ว
ใบแมงลัก เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย และ ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ๆ นอกจากนี้ ก็ยังสามารถเก็บใบขายเพื่อสร้างได้ได้อีกด้วย ดังนั้น หากใครสนใจอยากปลูกต้นแมงลักในกระถาง เพื่อเก็บใบแมงลักไว้บริโภค หรือ เก็บขายเพื่อสร้างรายได้แล้วละก็ สามารถลองทำตาม วิธีปลูกต้นแมงลักในกระถาง ที่ SGE นำมาฝากกันได้ รับรองว่า ทำตามได้ง่าย ๆ ต้นโตเร็ว เก็บใบแมงลักมากิน หรือ ขายได้จำนวนมากแน่นอน
สำหรับใครที่ต้องการปลูกต้นแมงลักในกระถาง แล้วอยากได้กระถางที่ช่วยให้ต้นกล้าเติบโตได้ดี แนะนำให้ใช้ กระถางต้นไม้ ของ SGE มีทั้งแบบ กระถางผ้า และ กระถางรุ่น Air pot ให้เลือก ช่วยให้ดินระบายน้ำและอากาศดี ทำให้ดินมีความชุ่มชื้น ช่วยเร่งรากและทำให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/plant-pot/
30 มกราคม 2024
โดย
Pres