รู้จักกับ ขนมจีน เมนูเส้น พร้อมสูตรวิธีทำขนมจีนแบบต่าง ๆ
เมนูขนมจีน อีกหนึ่งเมนูที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นอาหารพื้นบ้าน ที่คนไทยทุกคน ทุกภาค ทุกท้องถิ่นรู้จักกันดี ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ชื่อขนมจีน ในแต่ละภาคก็จะเรียกต่างกันไป เช่น ภาษาเหนือ เรียก ขนมเส้น ภาษาอีสาน เรียก ข้าวปุ้น ส่วนคนภาคกลาง ภาคใต้ และคนภาคตะวันออกเรียก ขนมจีน
ในบทความนี้ SGE จะพาไปรู้จักกับ ขนมจีน พร้อมทั้งแนะนำ เมนูขนมจีน ที่บอกเลยว่า อร่อยเด็ดทุก ๆ เมนูแน่นอน!
ขนมจีนมีกี่ชนิด?
- ขนมจีนแป้งสด ผลิตจากข้าว หรือแป้งสด โดยไม่ผ่านการหมักก่อน ทำให้ได้ เส้นขนมจีนสีขาว เส้นค่อนข้างตึง และกระด้าง มีความนุ่มน้อย ไม่มีกลิ่นหมัก จึงไม่เป็นที่นิยมผลิต และรับประทานกันมากนัก
- ขนมจีนแป้งหมัก เป็นขนมจีนที่นิยมทานกันมากในปัจจุบัน เนื่องจาก มีเส้นที่อ่อนนุ่ม เส้นลื่น มีกลิ่นหอมจากการหมัก ขั้นตอนการผลิตก็ง่าย ไม่ซับซ้อน ผลิตจากข้าว หรือแป้งที่มีการหมักไว้ 2-3 วัน ก่อนนำมาให้ความร้อน และรีดเป็นเส้น
- ขนมจีนแห้ง กึ่งสำเร็จรูป เป็นขนมจีนที่นำไปทำให้เป็น เส้นแห้ง เพื่อให้เก็บได้นาน และพร้อมทานได้ทุกเมื่อ ผลิตจากการหมักข้าว หรือแป้ง แล้วนำมานวด และขึ้นรูปให้เป็นเส้น หลังจากนั้น นำมาตัด และจัดเรียงก่อนเข้าเครื่องอบแห้ง จนได้ขนมจีนแห้ง สามารถเก็บไว้ได้นาน ส่วนการทำไปประกอบอาหาร คือ นำไปต้ม 5-10 นาที คล้าย ๆ กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไปนั่นเอง
วิธีทำขนมจีนแป้งหมัก
วัตถุดิบ
- ข้าวจ้าว
- น้ำ
- เกลือ
- สีผสมอาหาร
ขั้นตอนการทำขนมจีน
- ทำความสะอาด และแช่ข้าว โดยนำข้าวมาแช่น้ำ และล้างทำความสะอาด โดยเฉพาะสิ่งปนเปื้อนที่มักลอยอยู่ชั้นบนหลังแช่ข้าวในน้ำ หลังล้างเสร็จให้แช่ข้าวสักพัก ก่อนนำเข้าขั้นตอนการหมัก
- หมักข้าว มีทั้งการหมักข้าวแบบแห้ง และแบบแช่น้ำ แต่ทั่วไปนิยมหมักแห้งมากที่สุด
การหมักแห้ง เป็นวิธีการหมักที่ไม่ต้องแช่ข้าว แต่จะให้น้ำแก่เมล็ดข้าวเป็นช่วง ๆ เพื่อให้แป้งในเมล็ดข้าวมีการดูดซับน้ำ เกิดภาวะเหมาะสมของจุลินทรีย์ และทำให้นำมาบดได้ง่ายขึ้น ทำได้โดย
1) นำข้าวที่ล้างทำความ และแช่ได้เหมาะสมแล้ว ใส่ในภาชนะที่มีรูให้น้ำไหลผ่านได้ เช่น ตะกร้าไม้ไผ่ ตะแกรงลวด เป็นต้น การหมักจะเป็นการให้น้ำแก่เมล็ดข้าวทุกวันแบบไม่มีการแช่ จะหมักนาน 2-3 วัน (โรงงานมักหมักประมาณ 1-2 วัน/ ครัวเรือน 2-3 วัน)
2) เมื่อหมักข้าวครบตามวันแล้ว ให้สังเกตข้าวว่า มีลักษณะเม็ดพองโต มีสีใสออกคล้ำเล็กน้อย เมื่อบีบจะเปื่อยยุ่ยง่าย มีกลิ่นแรงจากการหมัก ถือว่าใช้ได้
** การหมักข้าวไม่ควรหมักนานเกิน 3-4 วัน เพราะจะทำให้ข้าวมีสีคล้ำ และมีกลิ่นคล้ายกลิ่นข้าวบูดได้ - การบดข้าว คือ นำข้าวมาบดผ่านเครื่องบด เพื่อให้เมล็ดข้าวแตกเป็นผงขนาดเล็ก โดยบดขณะที่ข้าวอิ่มน้ำ ร่วมกับเติมน้ำขณะบด โดยข้าวที่บด จะแตกเป็นผงละลายมากับน้ำ ผ่านผ้าขาวสำหรับกรองให้ไหลลงตุ่ม ขั้นตอนนี้ อาจเติมเกลือประมาณ 4 ส่วน สำหรับป้องกันการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
- การนอนแป้ง เป็นขั้นตอนที่ใช้ในระดับครัวเรือน ด้วยการแช่น้ำแป้งให้ตกตะกอน น้ำแป้งส่วนบน จะมีสีเหลือง และสิ่งปนเปื้อนสีดำคล้ำ จะลอยอยู่บนสุด ในขั้นตอนนี้ จะทำการล้างน้ำแป้ง ด้วยการให้น้ำ และปล่อยให้ตกตะกอน ซึ่งจะทำให้แป้งขาวสะอาด และมีกลิ่นน้อยลง
- การทับน้ำ หรือการไล่น้ำ เป็นวิธีการกำจัดน้ำออกจากน้ำแป้ง ด้วยการนำน้ำแป้ง ใส่ผ้าขาวที่มัดห่อให้แน่น แล้วนำของหนักมาทับ เพื่อให้น้ำไหลซึมผ่านออก ขั้นตอนนี้ จะใช้เวลาประมาณ 1 วัน หลังจากนั้น จะได้ก้อนแป้ง ที่มีน้ำประมาณ 40-50%
- ต้ม หรือนึ่งแป้ง เป็นขั้นตอนที่ทำให้แป้งสุกประมาณ 25-35% เท่านั้น เพื่อไม่ให้แป้งเหนียวมากเกินไป สำหรับทำภายในครัวเรือน จะใช้วิธีการต้ม ส่วนในโรงงานจะใช้วิธีการนึ่งแทน ในระดับครัวเรือน จะใช้วิธีการปั้นแป้งเป็นก้อน ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-25 ซม. นำใส่เสวียนหย่อนลงต้มในน้ำเดือด โดยให้แป้งสุกเข้าด้านในประมาณ 1-3 ซม. เท่านั้น อย่าให้แป้งสุกลึกมาก เพราะจะทำให้โรยเส้นได้ยาก
- การนวดแป้ง ให้นำก้อนแป้งมาบี้ ให้ส่วนแป้งสุก และแป้งดิบผสมกัน สังเกตเนื้อแป้งขณะนวด หากแป้งแห้งมาก ให้ผสมน้ำร้อน หากแป้งเหนียวติดกันมาก ให้ผสมแป้งดิบ หากต้องการเพิ่มสีขนมจีน อาจจะเทสีผสมอาหารผสมลงนวดพร้อมก้อนแป้งให้มีสีเนื้อเข้ากัน
- การกรองเม็ดแป้งหลังนวดด้วยผ้าขาว เพื่อกำจัดก้อนแป้งสุกออกไปให้หมด เมื่อนำไปโรยเส้น จะได้โรยได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด
- โรยเส้นเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ขนมจีนเป็นเส้น ด้วยการบีบดันก้อนแป้งเหลว ให้ไหลผ่านรูขนาดลงในน้ำเดือด เพื่อทำให้เส้นสุก
- ขั้นตอนสุดท้ายในการทำขนมจีน หลังจากต้มเส้นให้สุกลอยขึ้นด้านบนหม้อแล้ว ใช้ตะแกรงตักเส้นขนมจีนขึ้นมา แล้วจุ่มลงน้ำเย็นทันที รอจนเส้นเย็นพร้อมสามารถใช้มือจับได้
อ้างอิงข้อมูลจาก puechkaset.com
แนะนำ 5 เมนู ขนมจีน สูตรต่าง ๆ
สายชอบขนมจีน ต้องห้ามพลาด รวมเมนูขนมจีน สูตรต่าง ๆ มาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีนน้ำยา ขนมจีนน้ำเงี้ยว ขนมจีนซาวน้ำ ยำขนมจีน เป็นต้น บอกเลยว่า แต่ละเมนูเด็ด ๆ ทั้งนั้น วิธีทำก็ไม่ยากอย่างที่คิด เตรียมวัตถุดิบ อุปกรณ์ให้พร้อม แล้วไปเข้าครัวกันเลย
1. ขนมจีนน้ำยากะทิตีนไก่
เมนูขนมจีน น้ำยาตีนไก่สุดอร่อย หอมกะทิเข้มข้น ใส่ตีนไก่แบบจุก ๆ เติมเนื้อไก่ และลูกชิ้นไก่แน่น ๆ พอต้มจนตีนไก่เปื่อย จัดเสิร์ฟพร้อมขนมจีน อร่อยฟินจนคำสุดท้าย
วัตถุดิบ: ตีนไก่ เนื้อไก่บ้าน หรือเนื้อไก่, กะทิ, กระชาย, …
2. ขนมจีนน้ำเงี้ยว
ขนมจีนน้ำเงี้ยว เมนู อาหารภาคเหนือ มีส่วนประกอบ คือ ดอกงิ้ว มีการดัดแปลงมาจาก น้ำพริกอ่อง มีรสชาติเค็ม เผ็ด มีรสเปรี้ยวจากมะเขือเทศ น้ำเงี้ยวจะทานคู่กับขนมจีน หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำทานเองที่บ้านแบบไม่ต้องบินไปกินไกลถึงภาคเหนือ การันตีว่า สูตรนี้ อร่อย ไม่แพ้ต้นตำรับแน่นอน
วัตถุดิบ: เส้นขนมจีน, ดอกงิ้ว, หมูบด, …
3. ขนมจีนซาวน้ำ
เมนูขนมจีนซาวน้ำ น้ำเข้มข้น หอมมันกะทิสด ขนมจีน ราดด้วยน้ำกะทิลอยแจงลอน ลูกชิ้นปลากรายกลมกล่อม แล้วปรุงรสให้จัดจ้านขึ้นด้วยการคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน วิธีทำที่ไม่ยาก พร้อมแล้วไปทำกันเลย
วัตถุดิบ: กะทิ, มะพร้าวขูด, สับปะรด, …
4. ยำขนมจีน
เมนูยำขนมจีน เมนูยำรสแซ่บซี้ด อร่อยเด็ด จนต้องซู้ดปาก! ที่เคล้าเส้นขนมจีนนุ่ม ๆ กับน้ำปรุงปลาร้าสุดแซ่บ เพียงได้เห็นก็ต้องร้องซี้ด จะทำกินเองที่บ้าน หรือจะทำขาย ก็ได้กำไรงามแน่นอน
วัตถุดิบ: ปลาทูทอดแกะเนื้อ, ถั่วฝักยาวซอย, น้ำปลา, พริกป่น, …
5. ข้าวปุ้นซาวน้ำปลาร้า
ข้าวปุ้นซาวน้ำปลาร้า โดยเน้นใส่น้ำปลาร้าเน้น ๆ ราดลงบนขนมจีนและผักเคียงตามชอบ ใส่พริกป่นเพื่อเพิ่มความเผ็ด เพียงเท่านี้ ก็จะได้ ข้าวปุ้นซาว อร่อย ๆ ไว้ทานที่บ้าน อร่อยจนต้องซู้ดปาก!!
วัตถุดิบ: เส้นขนมจีน, ถั่วฝักยาวซอย, เมล็ดกระถิน, หอมแดง, …
เป็นอย่างไรกันบ้างกับขนมจีน และสูตรขนมจีน ที่เรานำมาฝากกัน แต่ละสูตรน่าทานกันทั้งนั้นเลยใช่ไหม ทำกินอิ่มสบาย ๆ ในครอบครัว หรือจะทำขายรายได้ดี รสชาติถูกใจลูกค้าติดตลาดแน่นอนจ้า
บทความดี ๆ ที่น่าสนใจ:
SGE ผู้นำด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ทำอาหาร เครื่องซีลสูญญากาศ และ ถุงซีลสุญญากาศ คุณภาพดีมากมาย เข้ามาช้อปไปพร้อมกับสูตรอาหารดี ๆ ที่นำมาฝากกันได้เลย พร้อมบริการดี ๆ หลังการขาย ที่แสนประทับใจอย่างแน่นอน
19 พฤศจิกายน 2024
โดย
ลำดวน