แจกทริค วิธีต้มข้าวโพด ยังไงให้หวานอร่อยเหมือนซื้อจากร้าน

บทความนี้มาแชร์ทริค วิธีต้มข้าวโพด ยังไงให้หวานอร่อย ไม่แพ้ที่ซื้อจากร้าน ที่สำคัญใช้วัตถุดิบไม่เยอะก็สามารถต้มข้ามโพดหวาน ๆ หม้อใหญ่ไว้กินเองได้แล้ว อย่ารอช้ารีบหยิบตะหลิวแล้ววิ่งเข้าครัวกันเลย!

วิธีต้มข้าวโพด ให้อร่อย ต้องเลือกข้าวโพดแบบไหน?

สำหรับ วิธีต้มข้าวต้ม ให้ได้รสหวานอร่อย ต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อวัตถุดิบ โดยข้าวโพดที่กินอร่อยที่สุด จะต้องเป็นข้าวโพดดิบที่พึ่งเก็บมาสด ๆ บทความนี้ SGE จะแอบบอกทริค วิธีเลือกซื้อข้าวโพดดิบให้ได้ของใหม่ไม่ค้างเก่าเก็บ

วิธีเลือกข้าวโพดดิบ

1. เลือกข้าวโพดฝักที่มีเปลือกสีเขียวอ่อน
2. เลือกข้าวโพดที่ใยข้าวโพดยังมีความสด ไม่แห้งกรัง
3. เลือกข้าวโพดที่เมล็ดเต่งตึงเรียงเป็นแถว ไม่มีช่องโหว่
4. สำหรับข้าวโพดที่ยังไม่ปอกเปลือก ให้ลองใช้เล็บจิกเมล็ดข้าวโพดที่ปลายฝัก หากข้าวโพดยังใหม่ จะมีน้ำแป้งไหลออกมา
5. ส่วนข้าวโพดที่ปอกเปลือกแล้ว ให้เลือกข้าวโพดฝักที่มีเมล็ดเต่งตึงไม่ลีบแบน เมล็ดมีสีเหลืองนวล ไม่แก่เกินไป และฝักต้องไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว

แจกทริค วิธีต้มข้าวโพด ยังไงให้หวานอร่อย

ส่วนผสมในการต้มข้าวโพดหวาน

1. ข้าวโพดหวาน 2 กิโลกรัม
2. น้ำ 4 ลิตร
3. ใบเตย 5 ใบ
4. น้ำตาล 4 ช้อนชา
5. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีต้มข้าวโพด

1. นำข้าวโพดดิบที่ได้มา ปอกเปลือกและแกะใยข้าวโพดออก จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด เตรียมไว้
2. ตั้งหม้อโดยยังไม่ต้องเปิดไฟ แล้วใส่น้ำลงไปในหม้อกะให้พอท่วมข้าวโพด
3. จากนั้นใส่น้ำตาลและเกลือเล็กน้อยลงในน้ำ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มรสชาติของข้าวโพดให้มีความหวานยิ่งขึ้น
4. ยกหม้อขึ้นวางบนเตา ใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรงและต้มน้ำให้เดือด
5. รอจนน้ำเดือด ให้ใส่ข้าวโพดตามลงไปในหม้อ แล้วลดความร้อนลงเหลือปานกลางและปล่อยให้ข้าวโพดเคี่ยวประมาณ 7-10 นาที
6. เมื่อข้าวโพดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดและนุ่มขึ้นเป็นอันใช้ได้ ให้นำข้าวโพดออกจากหม้อ แล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นสักครู่ พร้อมเสิร์ฟฃ

ประโยชน์ของข้าวโพด

1. คาร์โบไฮเดรต เป็นส่วนประกอบหลักของข้าวโพดเช่นเดียวกันกับธัญพืชชนิดอื่น โดยข้าวโพดฝัก 100 กรัม จะมีแป้ง 21 กรัม และน้ำตาล 4.5 กรัม ซึ่งข้าวโพดครึ่งฝักให้คาร์โบไฮเดรตเทียบเท่าข้าวสวย 1 ทัพพี จึงไม่แนะนำให้ทานสองอย่างนี้ร่วมกัน เนื่องจากจะได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น
2. เส้นใยอาหาร ข้าวโพดเป็นธัญพืชที่มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้การทำงานของระบบขับถ่ายและบรรเทาอาการผิดปกติทางลำไส้ได้อีกด้วย
3. สารต้านอนุมูลอิสระ ข้าวโพดมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากอนุมูลอิสระ อันเป็นปัจจัยก่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด เป็นต้น โดยประกอบด้วยกรดเฟอรูลิก (Ferulic Acid) และสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารสีที่ให้สีเหลือง สีส้ม และสีแดง
4. วิตามิน ข้าวโพดสดอุดมไปด้วยวิตามินบี ที่ช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารประเภทไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตาและเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น
5. แร่ธาตุ ข้าวโพดคั่วอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี และทองแดง แต่ข้าวโพดคั่วที่ขายตามท้องตลอด มักมีน้ำมัน มาการีน เนย เกลือ และน้ำตาลจำนวนมากเป้นส่วนผสม ควรรับประทานแต่พอดี

ของว่างของโปรดของหลาย ๆ คน ที่มักไปซื้อกินตลอด แต่ใครจะรู้ว่า วิธีต้มข้าวโพด ให้หวานอร่อยนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ทำง่าย อร่อย แถมได้หม้อใหญ่ ๆ ไว้กินแบบจุกๆ

บทความที่น่าสนใจ

• วิธี ปลูกข้าวโพด ให้ได้ผลผลิตดี ฝักใหญ่สวยงาม สร้างรายได้ให้เกษตรกร
• พาไปรู้จักกับ ข้าวโพดหวาน และ วิธีการปลูกอย่างไรให้โตไว
• วิธีทำ ตำข้าวโพด ใส่ไข่เค็ม เปรี้ยวหวานกรอบอร่อย แซ่บซี้ดโดนใจ
• วิธีทำ ข้าวโพดคลุกเนย ข้าวโพดอบเนย หอมหวาน ทานได้เพลิน ๆ
• 3 เมนูสร้างอาชีพ ข้าวโพดทอด กรอบ ๆ พร้อมน้ำจิ้มเด็ด

ข้อมูลอ้างอิง : Dek-D, TrueID, Pobpad

เครื่องซูวี

เครื่องซีลสุญญากาศ

เตาอบขนม

กระดาษไขรองอบ