เทคนิคเด็ด! 7 วิธีเปิดไวน์ ง่าย ๆ โดยใช้ของรอบตัว!
สารพัดเทคนิค วิธีเปิดไวน์ ทั้งแบบมีที่เปิด และ ไม่มีที่เปิด พร้อมเกร็ดความรู้ว่า ขวดไวน์ แต่ละแบบเรียกว่าอะไร? ดื่มไวน์วันละแก้ว ดียังไง? ตาม SGE ไปดูกัน!
วิธีเปิดไวน์ ง่าย ๆ ชิค ๆ แบบไม่มีที่เปิด!
วิธีเปิดขวดไวน์: มีดขนาดเล็ก
เริ่มกันที่วิธีแรก “มีด” อุปกรณ์ครัวที่หาง่ายสุด ๆ วิธีเปิด คือ จับด้ามมีดให้แน่น แล้วแทงปลายมีดลงไปในจุกคอร์ก ขยับมีดซ้ายขวา ใช้แรงกดเล็กน้อย ให้ลงลึกพอประมาณ แล้วค่อย ๆ แงะด้านข้าง สลับกับหมุนจุกคอร์กขึ้นมา เท่านี้ก็เปิดขวดไวน์ได้แล้ว! อย่าลืมว่ามีดเป็นของมีคม ถ้าจับด้ามไม่แน่น มือของเราอาจจะลื่น และโดนบาดได้ (วิธีนี้ใช้กรรไกรแทนก็ได้นะ)
วิธีเปิดขวดไวน์: กุญแจ
วิธีนี้คล้ายวิธีก่อนหน้า แต่รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน! แทงกุญแจด้านที่มีฟันลงไปในจุกคอร์กแนวเฉียง ประมาณ 45 องศา แล้วใช้แรงกดให้ส่วนของกุญแจเข้าจุกไวน์ จากนั้นบิดและงัดกุญแจขึ้นจนจุกไวน์หลุดออก
วิธีเปิดไวน์: ค้อนและตะปู
ค้อน และ ตะปู อุปกรณ์ช่างสารพัดประโยชน์ หากใครมีไว้ติดบ้าน การเปิดไวน์ก็เป็นเรื่องง่ายสุด ๆ ถ้าให้ลองเดาขั้นตอนการทำ ก็คงจะเดาไม่ยากเลยใช่ไหม? เพียงหาตะปูที่มีความยาวสักหน่อย แล้วค่อย ๆ ใช้ค้อนตอกลงตรงกลางของจุกคอร์ก (ตอกให้เบาที่สุด เดี๋ยวจุกแตกลงไปในไวน์) จากนั้นใช้ค้อนอีกด้านงัดตะปูขึ้น แล้วดึงจุกขึ้นทีละนิด จนหลุดออกมา แต่ถ้ายังไม่ออกมา ก็ทำอีกรอบได้เลย! (วิธีนี้ใช้สกรูกับไขควงแทนได้นะ)
วิธีเปิดไวน์: ไฟ ไฟแช็ก
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า จะเปิดจุกไวน์ยังไง ไม่มีอุปกรณ์งัดแงะอะไรเลย วิธีนี้เป็นการเปิดขวดไวน์ด้วยวิทยาศาสตร์ ใช้ไฟแช็ก หรือ เครื่องพ่นไฟ สร้างความร้อนรอบ ๆ ปากขวดไวน์ ประมาณ 1 นาที ความร้อนจะทำให้แรงดันอากาศภายในเพิ่มมากขึ้น และดันให้จุกคอร์กหลุดออกมาจากขวดโดยที่เราไม่ต้องออกแรงเลย
วิธีเปิดไวน์ แบบมีที่เปิด ฉบับนักดื่มตัวจริง!
ที่เปิดขวดไวน์สกรูปีกนก (The Winged Corkscrew)
ที่เปิดขวดไวน์สกรูปีกนก ได้รับความนิยมมากในยุครุ่งเรืองของไวน์ ลักษณะ คือ มีสกรูอยู่ตรงกลางและมีคันโยก(ปีกนก) 2 อันด้านข้าง ข้อดีคือ มีอายุการใช้งานนานหลายปี ส่วนข้อเสีย ใช้งานค่อนข้างยาก สูญเสียการควบคุมง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับที่เปิดขวดไวน์ในปัจจุบัน
วิธีใช้: กางคันโยกทั้งสองข้าง จ่อเกลียวที่กลางจุกคอร์ก ตั้งให้ตรง กดลงเบา ๆ แล้วหมุนไปเรื่อย ๆ เมื่อหมุนไปได้สักระยะ คันโยกจะค่อย ๆ ยกขึ้นจนสุด เมื่อคันโยกขึ้นสุดแล้ว ให้ดันคันโยกที่เปิดขวดไวน์ลง เพื่องัดจุดคอร์กออก (คลิกดูวิดีโอ)
ที่เปิดขวดไวน์แบบบริกร (Waiter’s Corkscrew)
ที่เปิดไวน์แบบบริกร ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีขนาดกะทัดรัด พกติดตัวสะดวก และใช้งานง่าย
วิธีใช้: กางคันโยกออก กดสกรูลงกลางจุกคอร์ก บิดตามเข็มนาฬิกาจนสุดเกลียว ใช้ด้ามเหล็กด้านที่เป็นขาเกี่ยวขอบปากขวด จับคอขวดให้แน่น ดึงคันโยกขึ้น เพื่องัดจุกคอร์กออก (คลิกดูวิดีโอ)
ที่เปิดขวดไวน์ก้านโยก (Lever Opener Corkscrew)
ที่เปิดขวดไวน์แบบก้านโยก หลายคนเรียกที่เปิดขวดไวน์แบบลีเวอร์ ได้รับความนิยมก่อนที่จะมีที่เปิดขวดไวน์แบบไฟฟ้า ข้อดี คือ เปิดจุกได้สมบูรณ์แบบและมีความเรียบง่าย
วิธีใช้: ดึงคันโยกขึ้น ล็อกสกรูให้อยู่กลางจุกคอร์ก ดึงคันโยกลง แล้วดึงขึ้น เท่านี้ จุกปิดไวน์ก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย (คลิกดูวิดีโอ)
เกร็ดความรู้! ขวดไวน์ แต่ละสไตล์ เรียกว่าอะไร?
ขวดไวน์บอร์กโดซ์ (Bordeaux Bottle) ขวดไวน์ที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดมาจากแคว้นบอร์กโดซ์ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ขวดไวน์ ยาว ไหล่สูง ส่วนสีขวด นิยมใช้สีน้ำตาล และสีเขียวเข้ม ใช้บรรจุ ไวน์แดง Full-Bodied
ขวดไวน์อาลซัส (Alsace Bottle) ต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมันนี ได้รับฉายาว่าเป็นขวดทรงไม้กลอง เพราะมีลักษณะเรียวสูง นิยมบรรจุไวน์ขาวที่มีรสชาติสดชื่น เช่น Riesling Muller-Thurgau และ Gewurztraminer
ขวดไวน์พอร์ต (Port Wine Bottle) ลักษณะคล้าย ขวดไวน์ สไตล์บอร์กโดซ์ แตกต่างกันที่คอขวดเป็นคลื่น เว้า เพื่อเก็บตะกอนไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูงในขณะริน ใช้สำหรับเก็บไวน์รสหวาน เช่น Fortified
ขวดไวน์เบอร์กันดี (Burgundy Bottle) ขวดไวน์แบบดั้งเดิม กำเนิดในศตวรรษที่ 19 ลักษณะเด่น คือ มีไหล่ลาด ก้นขวดกว้าง ต้นแบบของขวดไวน์มาตรฐาน หรือ Standard Size (750 มล.) นิยมใช้บรรจุ Pinot Noir, Chardonnay และ Sauvignon Blance
ขวดสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine Bottle) ถูกคิดค้นขึ้นที่แชมเปญ ประเทศฝรั่งเศส ลักษณะทรงโค้ง ไหล่ขวดลาด ก้นขวดลึก โดดเด่นด้วยความหนาของขวด เพื่อรักษาคุณภาพของสปาร์คกลิ้งไวน์ที่มีทั้งฟองและแก๊สเป็นจำนวนมาก นิยมบรรจุไวน์ Prosecco และ Cava
ดื่มไวน์วันละแก้ว ประโยชน์ดี ๆ ที่มากกว่ารสชาติ
1) ชะลอความแก่
สารต้านอนุมูลอิสระในไวน์แดง ช่วยป้องกันร่างกายจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ และจะชะลอกระบวนการชรา ไวน์แดง มีความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เรียกว่า โพลี มากกว่า เมื่อเทียบกับน้ำองุ่น นักวิจัยสเปน แนะนำว่า การดื่มไวน์แดง อาจช่วยชะลอความแก่ หลังพบสารเมลาโทนินในผิวองุ่น รวมถึงอาหารอีกหลายชนิด เช่น หอมหัวใหญ่ ข้าวและเชอร์รี สามารถปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งควรจะเริ่มกินตั้งแต่อายุย่างเข้า 30 ปี ดื่มไวน์วันละแก้วช่วยชะลอความแก่ ได้จริง แถมยังช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ แต่ก็ควรที่จะดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกัน
2) ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ในไวน์ ช่วยให้หัวใจแข็งแรง สารดังกล่าว ทำหน้าที่เปลี่ยนระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด เลือดไม่เกาะกันเป็นก้อน ลดปัญหาการอุดสันในเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจได้ 30-40 %
3) ลดและป้องกันมะเร็ง
สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้ในองุ่น ราสเบอร์รี ถั่วลิสง และพืชอื่น ๆ มีหลักฐานว่า เรสเวราทรอลนั้น ลดอนุมูลอิสระ และลดอัตราการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง รวมทั้งลดการเจริญเติบโตของมะเร็ง ในถาดเพาะเชื้อได้ นอกจากนั้น ยังลดสารเอ็นเอฟ แคปปา บี (NF kappa B) ซึ่งเป็นโปรตีน ที่สร้างโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นอีกด้วย ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ดื่มไวน์วันละแก้ว ช่วยต้านมะเร็งได้
4) ลดปริมาณคอเลสเตอรอล
ในไวน์แดง มีแทนนิน หรือความฝาด ซึ่งนอกจากจะป้องกันการเกิดโรคหัวใจแล้ว ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด หากมีคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดมาก ๆ อาจทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดผิดปกติได้
5) ลดและคลายความเครียด
การดื่มไวน์วันละแก้วช่วยเรื่องความเครียดได้ เพราะไวน์เป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จึงช่วยลดความเครียด หรือคลายกังวล ทำให้นอนหลับพักผ่อนได้ยาวนานขึ้น
6) ป้องกันโรคความจำเสื่อม
นักวิจัยพบว่า ไวน์แดง ช่วยลดความจำเสื่อมได้ โดยสาร สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ในไวน์แดง มีผลในการป้องกันการเสื่อมของสมอง
ทีมงานวิจัยได้ศึกษาคอไวน์ 7,983 คน ซึ่งดื่มไวน์เป็นประจำ วันละ 1-3 แก้ว ระหว่างปี 1990-1999 พบว่าบุคคลดังกล่าว ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ และ โรคพาร์กินสันแต่อย่างใด
7) สุขภาพเหงือกและฟันดีขึ้น
ไวน์มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียในช่องปาก และนอกจากนี้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า สารโพลีฟีน เป็นสารธรรมชาติที่พบในเมล็ดองุ่น และไวน์แดง จะมีคุณสมบัติ ช่วยในการต้านการอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของเหงือก หรือเหงือกอักเสบ
8) ป้องกันโรคหวัด
ส่วนประกอบที่มีอยู่ในไวน์ ช่วยป้องกันหวัดได้ ศูนย์โรคหวัดแห่งมหาวิทยาลัย คาร์ดีฟ เคยมีรายงานว่า คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์ อาจทำให้ไวน์แดง สามารถป้องกันหวัดได้ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่ ดื่มไวน์วันละแก้ว เป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มไวน์เลยถึงร้อยละ 44
ถนอมไวน์ที่ดื่มไม่หมด ให้คงคุณประโยชน์และรสชาติให้ดีดังเดิม!
ตู้แช่ไวน์ SGE ออกแบบตามหลักสากล มอบสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บไวน์
✓ควบคุมอุณหภูมิ (5 – 20 องศาเซลเซียส) ✓หน้าจอระบบสัมผัส✓ระบบไฟ LED
✓ชั้นวางวัสดุคุณภาพ✓ละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ✓สะอาดปลอดสาร CFC ✓ประหยัดพลังงาน
สนใจ ตู้แช่ไวน์ ตู้จ่ายไวน์ คลิกเลย >> https://www.sgethai.com/wine-cellar/