พาสเจอร์ไรซ์ คือ ? สำคัญต่อคนทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่างไร
พาสเจอร์ไรซ์ คือ อะไร ช่วยถนอมอาหารอย่างไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม SGE มีคำตอบ
ใครเป็นนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME ด้านอาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง เครื่องดื่ม หรือ ผลิตภัณฑ์จากนม แล้วละก็ ไม่ควรพลาด
พาสเจอร์ไรซ์ คือ
พาสเจอร์ไรซ์ คือ การนำอาหารและเครื่องดื่ม ไปผ่านความร้อน ที่อุณหภูมิ 50 – 60 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และเอนไซม์ ที่อาจทำให้เกิดการเน่าเสีย ทำให้อาหารและเครื่องดื่มนั้น ๆ เก็บรักษาได้นานขึ้น และ ปลอดภัยต่อการบริโภค โดยที่มาของคำว่า พาสเจอร์ไรส์ มาจากนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) ซึ่งเป็นผู้คิดค้นขึ้นเมื่อพ.ศ. 2407
พาสเจอร์ไรซ์ ช่วยถนอมอาหารอย่างไร
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า พาสเจอร์ไรซ์ คือ การนำอาหารและเครื่องดื่ม ไปผ่านความร้อน ที่อุณหภูมิ 50 – 60 องศาเซลเซียส ดังนั้น หากผ่านความร้อนอย่างต่อเนื่องและนานเพียงพอ ก็จะสามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคได้ ไม่ว่าจะเป็น Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งทำให้เกิดวัณโรค ยีสต์ รา แบคทีเรียแกรมลบ และ แบคทีเรียแกรมบวก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาจมีเชื้อจุลินทรีย์ที่ทนต่อความร้อน และ จุลินทรีย์ที่ชอบความร้อนสูงบางชนิด มีชีวิตรอดอยู่ หลังจากผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์แล้ว จึงควรเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มนั้น ๆ ไว้ที่อุณหภูมิต่ำ ไม่ว่าจะเป็นในตู้เย็น หรือ ช่องฟรีซ หรือ ถ้าหากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ก็อาจต้องใช้วิธีถนอมอาหารอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น ใส่สารกันเสีย การปรับให้เป็นกรด การรมควัน เป็นต้น
พาสเจอร์ไรส์ มีกี่วิธี
1. การพาสเจอร์ไรซ์ในภาชนะปิดผนึกสนิท
หรือ In-Container Pasteurization เป็นการพาสเจอไรซ์อาหาร ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์อาหารปิดผนึกสนิท เช่น กระป๋อง ขวดแก้ว ถุง ถ้วยพลาสติก ที่ทนความร้อนสูง โดยใช้เทคนิคการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก เข้าสู่ด้านในอย่างช้า ๆ ทำให้จุลินทรีย์ก่อโรคที่อยู่ด้านในถูกฆ่าเชื้อจนสิ้น ณ จุดที่ร้อนช้าที่สุด มักนำเอาเข้าเครื่องพาสเจอร์ไรซ์แบบอ่างน้ำร้อน หรือ เครื่องพาสเจอร์ไรซ์แบบอุโมงค์
2. การพาสเจอร์ไรซ์แบบเป็นกะ
มักใช้วิธีต้มในเครื่องพาสเจอร์ไรซ์แบบหม้อต้ม (Batch Pasteurizer) เพื่อให้ความร้อนแก่อาหาร ในอุณหภูมิและเวลาตามต้องการ โดยวิธีนี้ ใช้เทคนิคเดิม คือ ถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ด้านในอย่างช้า ๆ หรือ Low Temperature Long Time Proecess (LTLT) เมื่อครบกำหนดเวลา จึงบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ใส่ในบรรจุภัณฑ์
3. การพาสเจอร์ไรซ์แบบต่อเนื่อง
เป็นการพาสเจอร์ไรซ์อาหารและเครื่องดื่มในระบบท่อที่วางไว้ (in-line) โดยทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ในช่วงสั้น ๆ (High-Temperature Short-Time (HTST) เพื่อฆ่าเชื้อ แล้วคงอุณหภูมินั้นไว้ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะทำให้เย็นตัวลง เสร็จแล้ว จึงบรรจุใส่บรรจุภัณฑ์ เก็บรักษาไว้ที่อุณภูมิต่ำ หรือ แปรรูปในขั้นตอนต่อไป
ผลิตภัณฑ์ พาสเจอร์ไรซ์ มีอะไรบ้าง
1. อาหารกระป๋อง
ผลไม้กระป๋อง นมข้นหวาน นมข้นจืด
2. อาหารแช่แข็ง
แฮม ไส้กรอก เต้าหู้ ลูกชิ้น
3. เครื่องดื่ม
นมสด น้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์
4. ผลิตภัณฑ์จากนม
นมผง เนยแข็ง ไอศกรีม โยเกิร์ต
พาสเจอร์ไรส์ สำคัญต่อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่างไร
1. เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้นานขึ้น
เพราะการพาสเจอร์ไรซ์ ช่วยฆ่าจุลินทรีย์ก่อโรคและเอนไซม์ ที่ทำให้อาหารและเครื่องดื่มเน่าเสีย จึงช่วยถนอมอาหาร เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้นานยิ่งขึ้น
2. ช่วยคงความสดใหม่ และ รสชาติเอาไว้
เนื่องจากการพาสเจอไรส์ ใช้ความร้อนไม่สูงมากนัก ทำให้สามารถควบคุมความสดใหม่และรสชาติเอาไว้ได้ เหมาะสำหรับอาหาร และ เครื่องดื่ม ที่อาจรสชาติเปลี่ยนง่าย ถ้าเก็บไว้นานหลายวัน เช่น นมสด น้ำผลไม้ เป็นต้น
3. จัดส่งสินค้าไกล ๆ ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องเน่าเสีย
เมื่ออาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ถูก พาสเจอร์ไรซ์ จะทำให้เก็บได้นานขึ้น หากต้องการจัดส่งสินค้าไปยังต่างจังหวัด พื้นที่ห่างไกล หรือ แม้แต่ต่างประเทศ ก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องเน่าเสีย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวของ พาสเจอร์ไรซ์ ที่ SGE นำมาฝาก คงจะได้รับความรู้ไปไม่มากก็น้อยใช่มั้ยล่ะ หากใครอยากหาวิธีถนอมอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อย่าง อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง เครื่องดื่ม และ ผลิตภัณฑ์จากนม แล้วละก็ ลองไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม แล้วนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้เลย รับรองว่า จะช่วยให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ของคุณ เก็บได้นานขึ้น คงความสดใหม่ และ รสชาติได้ดี พร้อมจัดส่งได้ไกลกว่าเดิม ช่วยเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน
บทความที่น่าสนใจ