ทำไม? กาแฟดำ ถึงมีประโยชน์ พร้อมวิธีชงกาแฟ ง่าย ๆ แบบมืออาชีพ
กาแฟดำ หอมกรุ่น นอกจากจะทำให้กะปรี้กะเปร่า สดชื่นตลอดทั้งวันแล้ว รู้หรือไม่ว่า มันยังมีประโยชน์อื่น ๆ ที่คุณคาดไม่ถึง ใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง SGE จะมาเล่าให้ฟัง พร้อมกับ วิธีชงกาแฟดำ ด้วยตัวเอง อย่างกับบาริสต้ามืออาชีพมาเอง สายดริปกาแฟ หรือ คอกาแฟตัวจริงห้ามพลาด !!!!
กาแฟดำ ต่างจากกาแฟอื่น ๆ อย่างไร?
กาแฟดำ ต่างจากกาแฟอื่น ๆ ตรงที่ วิธีการชง หรือ ที่เรียกว่า วิธีดริปกาแฟ ซึ่งจะใช้ส่วนผสมของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วบด ผสมกับน้ำร้อนโดยตรง ไม่ใส่น้ำตาล ครีมเทียม เพื่อเพิ่มความหวาน ทำให้มีรสชาติขมเข้มข้น หรือ มีความเปรี้ยวบ้าง ตามชนิดของเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ใช้
ซึ่งด้วยความที่มีส่วนผสมของกาแฟและน้ำร้อนเท่านั้น ทำให้กาแฟดำเป็นที่นิยมของคอกาแฟตัวจริง ที่ต้องการสัมผัสถึงรสชาติของเมล็ดกาแฟแท้ ๆ จนเริ่มกลายเป็นกระแสและเทรนด์การดื่มกาแฟที่กำลังนิยมกันในปัจจุบัน
ประโยชน์ของการดื่ม กาแฟดำ
1. มีแคลอรี่ต่ำกว่ากาแฟทั่วไป
กาแฟดำ 1 แก้ว จะให้พลังงานเพียง 2 – 5 กิโลแคลอรีเท่านั้น เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือครีมเทียม จึงมีแคลอรี่ต่ำกว่ากาแฟทั่วไป เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการคุมน้ำหนัก
2. ช่วยในการลดน้ำหนัก
ใครว่าดื่มกาแฟแล้วอ้วน อาจไม่จริงเสมอไป หากคุณดื่มกาแฟดำ เพราะผลการวิจัยพบว่า ในกาแฟดำมี chlorogenic acid ที่จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น แถมยังช่วยลดการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ ๆ ในร่างกาย ทำให้มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
3. รู้สึกสดชื่น กะปรี้กะเปร่า
กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อเรื่องทำให้สดชื่น กะปรี้กะเปร่า เพราะมีสาร คาเฟอีน ที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ทำให้สมองตื่นตัว หายง่วงได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งคุณทานกาแฟดำ ก็จะทำให้ได้รับคาเฟอีนมากขึ้น โดยกาแฟดำ 1 แก้วนั้น อาจมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 60 – 200 มิลลิกรัม เลยทีเดียว
4. มีสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
ภายในเมล็ดกาแฟ ไม่ได้มีแค่สารคาเฟอีน หากแต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามิน B1 B2 B3 โพแทสเซียม ซึ่งจะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ฯลฯ
5. ลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2
ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 การดื่มกาแฟดำอาจช่วยได้ เพราะผลการวิจัยในต่างประเทศ พบว่า การดื่มกาแฟดำ สามารถช่วยลดความรุนแรงและโอกาสพัฒนาของโรคได้ถึง 7% เหมาะมากสำหรับผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ซึ่งมักสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
วิธีชงกาแฟดำ ด้วยตัวเอง
วิธีชงกาแฟ ด้วยตัวเองนี้ เป็นเทคนิคของ Tetsu Kasuya แชมป์โลก Brewing Cup ปี 2016 ที่ได้มาเผยเคล็ดลับในการดริปกาแฟดำด้วยตัวเองแบบหมดเปลือก โดยเทคนิคของเขานั้น หลัก ๆ มี 2 ส่วนด้วยกัน คือ ใช้สัดส่วนของกาแฟและน้ำร้อนในการชงอยู่ที่ 4 : 6 และแบ่งการเทน้ำร้อนออกเป็น 5 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก เป็นการคุมเรื่องรสชาติ ส่วน 3 ครั้งหลัง เป็นการคุม Body และความเข้มข้นของเนื้อกาแฟ โดยอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมเพื่อการชงกาแฟดำนั้น คือ
อุปกรณ์และวัตถุดิบ
- เมล็ดกาแฟ 20 กรัม
- น้ำร้อน 300 มิลลิลิตร
- เครื่องบดกาแฟ
- กาดริปกาแฟ
- ดริปเปอร์
- กระดาษกรองกาแฟ
- เครื่องชั่งดิจิตัล
วิธีทำ
- ใส่เมล็ดกาแฟลงในเครื่องบดกาแฟ บดให้แหลกหยาบ ๆ ในระดับ Frech Press
- วางเครื่องชั่งดิจิตัล ตามด้วยกาดริปกาแฟ และดริปเปอร์ ไว้ด้านบน ใส่กระดาษกรองกาแฟตรงดริปเปอร์ เสร็จแล้ว ใช้น้ำร้อนราดให้ทั่วกระดาษ เพื่อล้างกลิ่นกระดาษและวอร์มกระดาษให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม
- เทเมล็ดกาแฟบดลงไป จากนั้น จับเวลา 00:00 วินาที เทน้ำร้อนปริมาณ 60 มิลลิลิตรลงไปครั้งที่ 1
- 00:45 วินาที เริ่มเทน้ำร้อนเป็นครั้งที่ 2
- 01:30 วินาที เริ่มเทน้ำร้อนเป็นครั้งที่ 3
- 02:15 วินาที เริ่มเทน้ำร้อนเป็นครั้งที่ 4
- 03:00 วินาที เริ่มเทน้ำร้อนเป็นครั้งที่ 5 พอถึง 03:30 วินาที ให้ยกดริปเปอร์ออก ชงกาแฟดำดื่มได้เลย
ปรับรสชาติ กาแฟดำ ให้หวานขึ้น ทำอย่างไร?
หลังจากชงกาแฟด้วยตัวเองเสร็จแล้ว แต่รู้สึกว่า อยากได้หวานมากกว่านี้อีก จะต้องทำอย่างไร Tetsu Kasuya ก็ยังมีเทคนิคอีกเล็กน้อยมาฝาก นั่นก็คือ ให้คุณลดปริมาณที่จะเทน้ำในครั้งที่ 1 ลง คือ จาก 60 มิลลิลิตร ให้ปรับลดเป็น 50 มิลลิลิตร แล้วไปเพิ่มปริมาณน้ำในครั้งที่ 2 เป็น 70 มิลลิลิตรแทน ก็จะทำให้ได้กาแฟดำที่มีรสชาติหวานขึ้น
ในทางกลับกัน หากอยากได้รสชาติเปรี้ยวขึ้น ให้ทำตรงกันข้าม คือ ให้คุณเพิ่มปริมาณที่จะเทน้ำในครั้งที่ 1 ขึ้น คือ จาก 60 มิลลิลิตร ให้ปรับเพิ่มเป็น 70 มิลลิลิตร แล้วไปลดปริมาณน้ำในครั้งที่ 2 ลงเป็น 50 มิลลิลิตร ก็จะทำให้ได้กาแฟดำที่มีรสชาติเปรี้ยวขึ้น
นอกจากนี้ หากอยากได้กาแฟดำที่มี Body หนาขึ้น ก็อาจเพิ่มจำนวนการเทน้ำใน 3 ครั้งหลังให้มากขึ้น คือ แทนที่จะเทน้ำ 3 ครั้ง ก็ให้เปลี่ยนเป็น 4 ครั้ง ครั้งละ 45 มิลลิลิตรแทน ดังนั้น หากสนใจอยากปรับรสชาติรวมถึง Body ของ กาแฟดำ ให้เหมาะกับตนเองแล้วละก็ สามารถไปลองทำตามกันดูได้ ตามวิธีที่เรานำมาแนะนำกันได้เลย
12 มีนาคม 2024
โดย
Pres