พาไปรู้จัก ข้าวโพดหวาน พร้อมวิธีการปลูกอย่างไรให้โตไว
ข้าวโพดหวาน มีประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะนำมาทำอาหาร หรือ แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ และ สร้างรายได้กับผู้ปลูก หรือ เกษตกร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากใครอยากปลูกข้าวโพด เพื่อขายสร้างรายได้แล้วละก็ SGE มี วิธีปลูกข้าวโพดหวาน ด้วยตัวเองมาฝาก รับรองว่า ผลผลิตดี ปลูกขาย สร้างรายได้ได้แน่นอน
ทำความรู้จัก ข้าวโพดหวาน
ข้าวโพดหวาน คือ ข้าวโพด ฝักใหญ่ ที่คนนิยมปลูก เพื่อเก็บฝักสดมารับประทานโดยเฉพาะ เมล็ดมีลักษณะอ่อนใส โปร่งแสง มีความหวานสูง ไขมันต่ำ จึงสามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร ด้วยการต้มหรือการคั่ว หรือ ทำเป็นของหวาน แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้หลากหลาย โดยถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตกร เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี และ ให้ผลผลิตที่มีราคาสูง
ประโยชน์ของ ข้าวโพดหวาน
1. รับประทานแล้ว ดีต่อสุขภาพ
เมื่อนำ ข้าวโพดหวาน มารับประทาน จะส่งผลดีต่อสุขภาพหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบำรุงสายตา เพราะมี สารลูทีนและซีเซทีน (Lutein – Zeaxanthin) ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงแดด และ กรองแสงสีฟ้า ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
นอกจากนี้ ยังมีสารเควซิติน (Quercitin) และ กรดเฟอรูลิก (Ferulic Acid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอานุภาพสูง ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง สามารถป้องกันโรคร้ายได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไขมันในหลอดเลือดอุดตัน หลอดเลือดตีบ และ ยังช่วยต่อต้าน – ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิดอีกด้วย
2. นำมาทำอาหารได้หลากหลาย
ข้าวโพดหวาน สามารถรับประทานได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น นำทั้งฝักมาต้ม นึ่ง หรือ ปิ้งให้สุก เพื่อบริโภค หรือ จะนำมาทำเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ ก็ได้ เช่น ขนมข้าวโพด ข้าวโพดเปียก ข้าวโพดนึ่งอบเนย ข้าวโพดอบเนย ข้าวโพดคั่วเค็ม ข้าวโพดคั่วหวาน ข้าวโพดน้ำกะทิ ข้าวโพดคลุกเสวย ข้าวโพดปิ้งทาเนย ไอศกรีมข้าวโพดกะทิสด กระทงทองข้าวโพด ข้าวโพดหรุ่ม ข้าวโพดทอด เป็นต้น
3. แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
นอกจากนำมาทำเมนูอาหารต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถนำ ข้าวโพดหวาน มาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากมาย อาทิ แป้งข้าวโพด น้ำมันข้าวโพด น้ำเชื่อมข้าวโพด นม เหล้า เบียร์ วิสกี้ น้ำตาลผง เนยเทียม มายองเนส เครื่องสำอาง สบู่ น้ำยาทำความสะอาด ฯลฯ
4. เก็บฝักสดขายเพื่อสร้างรายได้
ด้วยมีความต้องการบริโภคสูง และ ยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้หลากหลาย หากปลูก ข้าวโพดหวาน เพื่อเก็บฝักสดขาย ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ได้เช่นกัน โดย 1 ไร่ เฉลี่ยแล้ว ลงทุนประมาณ 5,220 บาท จะได้ผลผลิต 2,200 กิโลกรัม/ไร่ หากขายในราคา 4.5 บาทต่อกิโลกรัม จะมีรายได้ 10,420 บาท ได้กำไรสุทธิ 5,200 บาท เลยทีเดียว ซึ่งการจะปลูกข้าวโพดหวานให้ได้ผลดีนั้น ก็ควรจะเลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดีและมีลักษณะที่สมบูรณ์สม่ำเสมอ
ข้าวโพดหวาน ปลูกพันธุ์ไหนให้ผลผลิตดี
อยากปลูก ข้าวโพดหวาน ไม่ใช่ว่าจะเลือกพันธุ์ไหนมาปลูกก็ได้ แต่ควรเลือกพันธุ์ที่ทดสอบแล้ว ให้ผลผลิตดีและมีลักษณะที่สมบูรณ์สม่ำเสมอ เพื่อให้เป็นที่ต้องการของตลาด และ ขายได้ราคาดี โดยพันธุ์ของทางราชการที่แนะนำ คือ พันธุ์อินทรีย์ 2 ของศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ
นอกจากนั้น ก็ควรเลือก พันธุ์ที่เป็นลูกผสม ที่พัฒนาโดยบริษัทเอกชนต่าง ๆ ซึ่งพันธุ์ที่แนะนำได้แก่ ข้าวโพดหวานลูกผสม จัมโบ้สวีท ซึ่งทดลองแล้ว ปลูกได้ผลผลิตดีในจังหวัดกาญจนบุรี และ ข้าวโพดหวานลูกผสมทดลอง S1538 S1557 และ S1577 ซึ่งทดลองแล้ว ปลูกได้ผลผลิตดีในจังหวัดปัตตานี
ทั้งนี้ พันธุ์ไหนจะได้ผลผลิตดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพดินและสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ด้วย หากใครคิดจะปลูก ก็ควรทดลองปลูกก่อน เพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวโพดหวาน ที่เหมาะกับสภาพพื้นที่ของตนเอง
วิธีปลูกข้าวโพดหวาน ให้โตไว
วิธีปลูกข้าวโพดหวาน ที่นำมาแนะนำ ขอยกตัวอย่าง ข้าวโพดหวาน พันธุ์อินทรีย์ 2 เพราะเป็นพันธุ์ที่ทดลองโดยหน่วยงานราชการคือ ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ แล้ว ได้รับการพิสูจน์ว่าให้ผลผลิต โดยมีรายละเอียดดังนี้
การเตรียมพื้นที่สำหรับปลูก
พื้นที่สำหรับปลูก ควรเป็นพื้นที่ราบ ไม่มีน้ำท่วมขัง (หากเป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง ควรขุดร่องเพื่อระบายน้ำ) ดินที่ใช้ควรเป็น ดินร่วน ดินร่วนเหนียว ดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำดี เนื้อดินไม่แน่น มีความเป็นกรดด่าง หรือ ค่า pH อยู่ที่ 5.5 – 6.5
ช่วงเวลาที่ควรปลูก
จริง ๆ แล้ว ข้าวโพดหวานปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ที่นิยมปลูกกัน มี 2 ช่วง คือ ช่วงต้นฤดูฝน เดือนพฤษภาคม เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอ ไม่ต้องดูแลบ่อย ๆ จากนั้น จึงเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และ ตุลาคม
อีกช่วงหนึ่งคือ ฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ซึ่งถ้าหากไม่มีน้ำฝน จะต้องขุดบ่อบาดาล หาแหล่งน้ำธรรมชาติเตรียมไว้ด้วย จากนั้น จึงเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม
วิธีปลูกข้าวโพดหวาน
- เตรียมดินโดยการไถดะ และ ตากดินประมาณ 3-5 วัน ให้แห้ง จากนั้น จึงไถแปรให้ดินละเอียดอีกครั้ง และ ตากดินประมาณ 3-5 วัน ก่อนไถแปร ควรหว่านปุ๋ยคอก เช่น ปุ๋ยขี้ไก่ อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ เพื่อให้ดินร่วนชุย และ เพิ่มธาตุอาหารให้กับข้าวโพดหวาน
- ขุดหลุมปลูก โดยให้ระยะห่างระหว่างต้นที่ 25 เซนติเมตร และระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร หรือที่ระยะ 50×50 เซนติเมตร โดยหยอดเมล็ดพันธุ์หลุมละ 2-3 เมล็ด พร้อมกลบดิน
การรดน้ำ
- เมื่อหยอดเมล็ด และ กลบดินเสร็จทั่วแปลง ควรให้น้ำทันที แต่หากปลูกในฤดูฝน อาจรอวันฝนตกหรือปลูกในขณะที่ดินชื้น
- หากเป็นดินร่วนหรือดินร่วนเหนียว ควรให้น้ำข้าวโพดหวานอย่างน้อย 2 วัน/ครั้ง และ เมื่อข้าวโพดตั้งต้นได้ อาจให้เพียง 4-6 วัน/ครั้ง ในอัตราที่ดินไม่แฉะ และ ไม่เกิดน้ำท่วมขัง
- หากเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินทราย ควรให้น้ำข้าวโพดหวานของระยะแรกอย่างน้อย 2 วัน/ครั้ง และ เมื่อข้าวโพดตั้งต้นได้อาจให้เพียง 2-3 วัน/ครั้ง ในอัตราที่ดินไม่แฉะ และไม่เกิดน้ำท่วมขังเช่นกัน
- หากพบข้าวโพดหวานมีลักษณะใบม้วนในช่วงเวลาแสงแดดจัด แสดงว่าดินมีความชื้นน้อย และ ข้าวโพดมีอาการขาดน้ำ ควรรีบให้น้ำทันที
- ก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 5-7 วัน ควรหยุดให้น้ำเพื่อให้ข้าวโพดหวานสะสมแป้ง และ น้ำตาลในเมล็ดให้มากที่สุดก่อนการเก็บฝัก
การใส่ปุ๋ย
- ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 ที่ 14 วันหลังปลูก โดยดินร่วนปนทราย ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ดินเหนียวใส่ปุ๋ยสูตร 16-20-0 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่
- ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อต้นข้าวโพดอายุ 25 – 30 วัน ปุ๋ยสูตร 21-0-0 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ หรือปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 อัตรา 25-30 กิโลกรัม/ไร่ หากสภาพดินทรายให้เพิ่มสูตร 21-0-0 เป็น 80 กิโลกรัม/ไร่ หรือปุ๋ยยูเรียเป็น 44 กิโลกรัม/ไร่
- ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 เมื่อต้นข้าวโพดอายุ 40-45วัน โดยใส่ปุ๋ยสูตร และอัตราเดียวกันกับครั้งที่ 2
การกำจัดวัชพืช
- วิธีที่ 1 ดายหญ้า และ การพรวนดินพูนโคน ด้วยการถากด้วยจอบให้วัชพืชหลุดจากดิน หลังจากนั้น ทำการพูนโคนต้นด้วยจอบ จากดินบริเวณร่องแปลงให้สูงขึ้น นิยมทำหลังจากต้นข้าวโพดหวานงอกแล้ว 3-4 สัปดาห์
- วิธีที่ 2 ใช้สารเคมี เช่น พาราควอท ไกลโฟเสท อะลาคลอร์ ฉีดพ่นลงไปในดิน ก่อนเตรียมดิน หรือ หลังการปลูกข้าวโพดหวาน เพื่อป้องกันวัชพืชเจริญเติบโต (ไม่ควรใช้ก่อนข้าวโพดออกดอก)
การกำจัดศัตรูพืช
ข้าวโพดหวาน มีศัตรูพืชมากมายที่ชอบมากัดกินและทำลายต้นข้าวโพด ไม่ว่าจะเป็น หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนเจาะสมอฝ้าย เพลี้ยอ่อนข้าวโพด มอดดิน หนอนกระทู้หอม ดังนั้น อาจใช้สารเคมี เช่น ไซเพอร์เมทริน ไตรฟลูมูรอน ฟลูเฟนนอกซูรอน ฉีดพ่นบริเวณที่ถูกทำลาย หรือ ตลอดทั้งลำต้นก็ได้ ทั้งนี้ การใช้สารเคมีควรใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว อย่างน้อย 5 – 14 วัน
การเก็บเกี่ยว
ระยะการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม คือ หลังข้าวโพดออกไหม 18-20 วัน หรือ พบว่า ไหมข้าวโพดเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือ เมล็ดส่วนปลายของฝักเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หากเมล็ดสีขาวแสดงว่าข้าวโพดอ่อนเกินไป หากเมล็ดสีเหลือง และ เมล็ดเริ่มเหี่ยวแสดงว่าแก่จัดเกินไป โดยวิธีการเก็บเกี่ยว ให้ใช้มือหักฝักสดบริเวณก้านฝักที่ติดลำต้น ฝักข้าวโพดหวาน จะคงความสดได้ประมาณ 24 ชั่วโมง แต่ยืดอายุความสดได้ด้วยการตัดให้มีส่วนลำต้นปล้องด้านบน และ ด้านล่างติดที่ฝัก ซึ่งยืดอายุความสด และความหวานได้อีก 24 ชั่วโมง รวมเป็น 48 ชั่วโมง
รู้ถึงประโยชน์ต่าง ๆ และ ประโยชน์ของ ข้าวโพดหวาน กันไปแล้ว หากใครอยากปลูกข้าวโพดหวาน เพื่อรับประทาน นำมาทำอาหาร แปรรูป หรือ เก็บผลผลิตขายแล้วละก็ ลองไปทำตาม วิธีปลูกข้าวโพดหวาน ที่ SGE นำมาฝากกันได้ รับรองว่า ปลูกแล้ว โตไว ได้ผลผลิตดีแน่นอน
ส่วนใครที่อยากลองปลูก ข้าวโพดหวาน โดยการปลูกในกระถาง ไว้ในบ้าน แนะนำให้ใช้ กระถางต้นไม้ ของ SGE มีทั้งแบบ กระถางผ้า และ กระถางรุ่น Air pot ให้เลือก ช่วยให้ดินระบายน้ำและอากาศดี ทำให้ดินมีความชุ่มชื้น ช่วยเร่งรากและทำให้ต้นข้าวโพดหวานเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/plant-pot/
30 มกราคม 2024
โดย
Pres