ผักกาดแก้ว ปลูกง่าย ประโยชน์มากมายที่คาดไม่ถึง
ผักสวนครัว ประโยชน์มากมาย ที่ทุกคนต้องรู้จัก อย่าง “ผักกาดแก้ว” นอกจากนำมาทำอาหารแล้ว ประโยชน์ก็มีมากกว่าที่คิด บทความนี้ SGE จะพาไปรู้จักกับ ผักกาดแก้ว วิธีปลูกผักกาดแก้ว ให้มากขึ้นกัน ไปดูกันเลย
รู้จักกับผักกาดแก้ว
ผักกาดแก้ว(Iceberg Lettuce) มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ Lactuca sativavar var. capitata และมีชื่อเรียกได้หลายชนิด คือ ผักสลัด ผักสลัดแก้ว ผักกาดหอม โดยผักกาดแก้ว มีถิ่นกำเนิดมาจาก ทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย ส่วนมากจะมีในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคม
โดยผักกาดแก้ว เป็นพืชชนิดล้มลุก ใบสีเขียวอ่อน ลำต้นเป็นกอ ขอบใบหยัก และบางกรอบ ม้วนห่อเป็นหัว แบบหลวม ๆ ทางทวีปยุโรป เรียกว่า lceberg ก็เนื่องมาจาก ที่กรุบกรอบ เหมือนอย่างก้อนน้ำแข็ง ไอซ์เบิร์กนั่นเอง
- ลำต้น เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุสั้นฤดูเดียว ลำต้นเดี่ยว มีลักษณะกลม ๆ อวบอ้วน มีข้อสั้น ๆ จะมีก้านใบหนา และอวบน้ำหุ้มอยู่ ออกเรียงสลับโดยรอบ ๆ ปกคลุมที่โคนลำต้น จะห่อหัวกลม สีขาวนวล เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุสั้นฤดูเดียว ลำต้นเดี่ยว มีลักษณะกลม ๆ อวบอ้วน มีข้อสั้น ๆ จะมีก้านใบหนา และอวบน้ำหุ้มอยู่ ออกเรียงสลับโดยรอบ ๆ ปกคลุมที่โคนลำต้น จะห่อหัวกลม สีขาวนวล
- ใบ เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ออกตรงโคนลำต้น ออกตามข้อสั้น ออกเรียงสลับรอบ ๆ ใบอยู่ด้านนอกใหญ่กว่าใบข้างในเล็กกว่า ห่อหัวกลมแน่น ใบมีลักษณะทรงกลมรี โคนใบกว้างใหญ่กว่า มีใบหนาเป็นคลื่น เห็นเส้นใบชัดเจน ขอบใบเว้า ใบมีสีเขียวอ่อน สีขาวนวล มีก้านใบสั้น เป็นกาบหนาอวบน้ำ ก้านมีสีขาวนวล รสชาติหวานกรอบ
- ราก เป็นระบบรากแก้ว มีลักษณะอวบกลม ๆ แทงลึกลงในดิน มีรากฝอยและรากแขนงเล็ก ๆ ออกรอบ ๆ บริเวณลำต้น มีสีน้ำตาล
- ดอก ออกเป็นช่อ ก้านช่อดอกใหญ่ยาว มีแขนงก้านย่อยมาก แบบเชิงหลั่น มีดอกย่อยออกโคนไปที่ปลายยอด ดอกมีลักษณะเล็ก ๆ กลีบดอกมีสีเหลือง กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน
- ผล มีผลเป็นเมล็ด อยู่ในรังไข่ มีเมล็ดจำนวนมาก มีลักษณะทรงหอก แบนยาวรี มีเปลือกหุ้มเมล็ด มีสีน้ำตาล
คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดแก้ว
รู้ไหมว่าผักกาดแก้ว 100 กรัม ให้พลังงาน 27 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม
- แคลเซียม 16 มิลลิกรัม
- โปรตีน 2 กรัม
- ไขมัน 0.4 กรัม
- เหล็ก 4.9 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม
- น้ำ 92.7 กรัม
- ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม
- ไทอะมิน 0.06 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.18 มิลลิกรัม
- วิตามินเอรวม 393 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 24 มิลลิกรัม
- วิตามินอี 1.82 มิลลิกรัม
- บีตาแคโรทีน 2356 ไมโครกรัม
ประโยชน์ และสรรพคุณของผักกาดแก้ว
- น้ำผักกาดแก้ว ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
- น้ำผักกาดแก้ว ยังเป็นยากล่อมประสาท หรือยานอนหลับ
- น้ำผักกาดแก้ว แก้เมาเรือ แก้ไอ
- ในผักกาดแก้ว ยังมีฮีโมโกลบิน ที่ช่วยต้านมะเร็ง และรักษาโรคโลหิตจาง โดยเฉพาะในหญิงมีครรภ์ และยังช่วยแก้อาการท้องผูก ได้อีกด้วย
- ผักกาดแก้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 3 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า
การกินผักกาดแก้ว นิยมกินเป็นผักสด แกล้มกับ ยำ ลาบ หรือสาคูไส้หมู เป็นต้น หรือนำมาใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ และแซนวิช หรือนำผักกาดแก้วมาผัดไฟแดงได้ แต่ส่วนใหญ่ คนจะนำผักกาดแก้ว มาใช้ในการทำสลัดมากที่สุด จึงได้ชื่อว่า “ราชาแห่งสลัด” และใช้เป็นผักตกแต่ง หัวจานอาหาร ส่วนเมล็ด นำมาทำเป็นน้ำมัน ผสมน้ำสลัดได้
วิธีปลูกผักกาดแก้ว
การปลูกและขยายพันธุ์ผักกาดแก้ว เป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย จะเจริญเติบโตได้ดี มีวิธีการปลูกโดยใช้เมล็ดพันธุ์ มีปลูก 2 วิธี คือโดยเพาะต้นกล้าก่อนแล้วย้ายลงปลูก และแบบหว่านเมล็ดลงแปลงโดยตรง หลังจากเพาะต้นกล้างอกได้ ประมาณ 20 วัน ควรย้ายต้นกล้าปลูก ในแปลงในดินที่เตรียมไว้ ให้จัดระยะต้น ถอนต้นที่แน่นติดกันเกินไป ให้มีระยะห่างประมาณ 30×50 เซนติเมตร
การเก็บเกี่ยวผลผลิตผักกาดแก้ว
ผักกาดแก้วจะเก็บเกี่ยว มีอายุประมาณ 60-80 วัน หลังปลูกลงแปลงตามสายพันธุ์ ให้สังเกตห่อหัวกลมแน่นโตเต็มที่ ให้ใช้มีดคม ๆ ในการตัดตรงโคนต้น แล้วตัดแต่งใบเสียทิ้งไป แล้วนำใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ให้ระวังอย่าให้โดนความร้อน หรือแสงแดด จะทำให้เหี่ยวได้
วิธีเก็บรักษาผักกาดแก้ว
จะนำต้นผักกาดแก้ว แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนาน ๆ คือ ให้ล้างน้ำให้สะอาดดี แล้วให้สะเด็ดน้ำออกให้หมด แล้วนำมาห่อด้วยกระดาษ หรือผ้าขาวบาง แล้วใส่ถุง หรือกล่องพลาสติก แล้วนำไปแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ได้นานขึ้น
จะเห็นได้ว่าผักกาดแก้วนั้น เป็นพืชที่มากประโยชน์เหลือเกิน นำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะนิยมนำมาทำสลัด เหมาะมากกับสาว ๆ หนุ่ม ๆ สายเฮลตี้ แต่อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน จึงจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงปลอดโรค เพื่อใช้ชีวิตทำกิจกรรมที่คุณรักไปได้ยาวนานด้วยนะจ๊ะ 👌🏻
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิงข้อมูลจาก thai-thaifood.com
30 มกราคม 2024
โดย
ลำดวน