รวม 5 สูตร พานาคอตต้า รสชาติ หอมนม หวานมัน นุ่มละมุนลิ้น

พานาคอตต้า อีกหนึ่งของหวานสไตล์ตะวันตก ที่เป็นที่นิยมของคนไทย ด้วยรสนุ่มละมุนลิ้นจากพุดดิ้งนมสด ผสานกับรสผลไม้และกลิ่นจากวัตถุดิบที่หอมหวาน ทำให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม รูปลักษณ์สวยงาม ชวนให้น่าลิ้มลอง

พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี่

พานาคอตต้า สตอเบอรี่ ถือเป็นรสชาติยอดฮิต ที่คนนิยมทานมากที่สุด เพราะด้วยมีทั้งรสชาติเปรี้ยว และหวาน อยู่ในผลไม้เดียว แถมยังมีสีแดง ซึ่งตัดกับเนื้อพุดดิ้งสีขาว เมื่อทำออกมาแล้ว จึงมีความสวยงามน่ารับประทานมาก ๆ  เรียกได้ว่า กินก็อร่อย ถ่ายรูปออกมาก็สวย

ส่วนผสมพานาคอตต้า

• วิปปิ้งครีมสด 600 กรัม
• นมสด 600 กรัม
• น้ำตาลทราย 150 กรัม
• วานิลลา 1/2 ช้อนชา
• ผงเจลาติน (ผง) 36 กรัม
• น้ำเปล่า 180 กรัม

ส่วนผสม ซอสสตรอว์เบอร์รี่

• สตรอว์เบอร์รี่แช่แข็ง 400 กรัม
• น้ำตาลทราย 120 กรัม

วิธีทำพานาคอตต้า

1. เริ่มด้วยการนำเจลาติน ค่อย ๆ โรย ใส่ลงไปในน้ำเปล่า  คนให้เจลาตินละลาย พักไว้ประมาณ 5-10 นาที เตรียมไว้
2. เมื่อครบเวลา ก่อนนำไปใช้ ให้นำเจลาติน เข้าไมโครเวฟ ประมาณ 20 วินาที ให้กลายเป็นของเหลวอีกรอบ และนำไปใช้งานได้
3. ทำพานาคอตต้า โดยเทนมสด วิปปิ้งครีมสด น้ำตาลทราย วานิลลา ใส่ลงในหม้อต้ม เปิดเตา ค่อย ๆ คนเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน พอร้อน แต่ไม่ถึงกับเดือด ประมาณ 60 องศาเซลเซียส หรือสังเกตจาก ไอร้อน ที่ลอยขึ้นมาได้ ปิดเตา
4. จากนั้น ใส่เจลาตินที่เตรียมไว้ ตามลงไป คนให้เจลาตินเข้ากับครีมนม
5. ก่อนหยอด พานาคอตต้า ลงพิมพ์ ขั้นตอนนี้ ให้กรองส่วนผสมที่ทำไว้ 1 รอบ เพื่อให้ได้เนื้อพานาคอตต้าที่เนียนนั่นเอง
6. เตรียมพิมพ์สำหรับหยอดพานาคอตต้า จะใช้เป็นถ้วยเจลลี่ หรือถ้วยพุดดิ้งก็ได้ เทส่วนผสมชั้นแรก คือ ชั้นครีมนม ลงไปประมาณเกือบเต็มถ้วย จากนั้น นำไปแช่เย็น ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
7. ทำซอสสตอเบอรี่ โดยนำสตอเบอรี่แช่แข็ง ใส่น้ำตาลทราย ลงในหม้อ ตั้งไฟใช้ไฟกลาง ค่อย ๆ ต้มและเคี่ยว ใช้ช้อนคนเรื่อย ๆ และบี้ เพื่อให้เนื้อสตรอว์เบอร์รี่นิ่ม ละลายเข้ากันกับน้ำตาล ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ปิดเตา พักซอสให้เย็น เตรียมไว้
8. นำพานาคอตต้า ที่แช่แข็งไว้ ออกมา นำซอสสตอเบอรี่ที่ทำไว้ ราดไว้ด้านบน Topping ด้วยสตอเบอรี่สด และใบมิ้นท์ตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

รวมสูตรอาหาร ทำง่าย ขายคล่อง จาก SGE ได้ที่นี่

พานาคอตต้าบลูเบอร์รี่

นอกจากสตรอเบอร์รี่ที่นิยมนำมาทำ พานาคอตต้า ก็มีบลูเบอร์รี่นี่และ ที่เป็นขาประจำอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งด้วยรสชาติที่เปรี้ยว ทำให้ตัดรสกับพุดดิ้งนมสดได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าจะให้อร่อย แนะนำให้ทำซอสแบบมีเนื้อบลูเบอร์รี่อยู่ด้วย จะช่วยเพิ่มรสสัมผัสและความอร่อยให้มากขึ้น

ส่วนผสมซอสบลูเบอร์รี่

• บลูเบอร์รี่ 150 กรัม
• น้ำตาลทราย 50 กรัม
• น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมพานาคอตต้า

• วิปปิ้งครีม 320 กรัม
• นมสด 140 กรัม
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
• เจลาติน 2 แผ่น
• น้ำเย็น

วิธีทำซอสบลูเบอร์รี่

1. ใส่บลูเบอร์รี่ 150 กรัม ลงในหม้อ แล้วเทน้ำตาลทราย 50 กรัม น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ลงไป ตั้งไฟใช้ไฟกลาง ค่อย ๆ ต้มและเคี่ยว ใช้ช้อนคนเรื่อย ๆ และบี้ เพื่อให้เนื้อบลูเบอร์รี่นิ่ม ละลายเข้ากันกับน้ำตาล ใช้เวลาประมาณ 5 – 10 นาที
2. เสร็จแล้ว เทใส่ขวดโหล พักไว้ให้เย็น

วิธีทำพานาคอตต้า

1. ใส่น้ำเย็นลงในจาน นำเจลาติน 2 แผ่นมาแช่น้ำ
2. เตรียมหม้อต้ม ใส่วิปปิ้งครีม 320 กรัม นมสด 140 กรัม น้ำตาลทราย 80 กรัม กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา ลงไป
3. นำไปต้ม เปิดไฟกลาง ใช้ไม้พายซิลิโคน คนให้ส่วนผสมเข้ากัน และน้ำตาลละลายจนหมด พอร้อนได้ที่แล้ว ให้ปิดไฟ ยกหม้อลงได้
4. ใส่แผ่นเจลาติน 2 แผ่นที่แช่น้ำไว้ลงไป คนให้เจลาตินละลาย จากนั้น เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วใช้กระชอนกรองเอากากออก
5. เทใส่แก้วเล็กที่เตรียมไว้ 3/4 ถ้วย จากนั้น นำไปแช่เย็น 2 – 3 ชั่วโมง
6. ตักซอสบลูเบอร์รี่ที่เย็นแล้ว ไว้ด้านบนเนื้อครีม ตกแต่งด้วยใบไม้สีเขียว ไว้ด้านบนให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ พานาคอตต้าบลูเบอร์รี่ เพิ่มเติมคลิก

พานาคอตต้า รสช็อกโกแลต

ใครชอบทานช็อกโกแลต ห้ามพลาด กับ พานาคอตต้า สูตรช็อกโกแลต ที่ผสานรสชาติไว้ได้อย่างลงตัว โดยการนำเอาดาร์กช็อกโกแลตมาทำเป็นเนื้อครีม ซึ่งถ้าใครอยากตกแต่งให้สวยงาม สามารถใช้เครื่องตีแป้ง ตีวิปครีมให้ตั้งยอดอ่อน แล้วหยอดไว้เป็นชั้นบาง ๆ ด้านบน ตกแต่งด้วยผลไม้อย่าง สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ หรือช็อกโกแลต ก็ได้ตามชอบ ก็จะช่วยให้พานาคอตต้าแก้วนี้ มีรสชาติเพิ่มมากขึ้น

ส่วนผสม

• ดาร์กช็อกโกแลต 80 กรัม
• วิปปิ้งครีม 200 กรัม
• วิปปิ้งครีม (สำหรับตกแต่ง)
• นมสด 3  ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 20 กรัม
• กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
• เจลาติน 4 กรัม
• น้ำเย็น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
• สตรอว์เบอร์รี่
• คุกกี้
• ใบมิ้นท์

วิธีทำ

1. ใส่เจลาติน ลงในถ้วยขนาดเล็ก แล้วใส่น้ำเย็น 1 ½ ช้อนโต๊ะ ลงไป ให้เจลาตินอิ่มน้ำ
2. เตรียมหม้อต้ม ใส่วิปปิ้งครีม 200 กรัม น้ำตาลทราย 20 กรัม กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา ลงไป แล้วนำไปต้ม เปิดไฟกลาง ใช้ไม้พายซิลิโคน คนให้ส่วนผสมเข้ากัน และน้ำตาลละลายจนหมด พอร้อนได้ที่ จนมีไอร้อนขึ้นมาแล้ว ให้ปิดไฟ ยกหม้อลงได้
3. ใส่เจลาติน ที่อิ่มน้ำแล้วลงไป ตามด้วยดาร์กช็อกโกแลต ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ คนให้เจลาตินและดาร์กช็อกโกแลตละลาย จากนั้น เทนมสด 3 ช้อนโต๊ะลงไป คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
4. เทใส่แก้วเล็กที่เตรียมไว้ 3/4 ถ้วย จากนั้น นำไปแช่เย็น 2 – 3 ชั่วโมง
5. ใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องตีแป้ง ตีวิปครีมให้พอตั้งยอดอ่อน จากนั้น เทลงในแก้วเป็นชั้นบาง ๆ ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่ ใบมิ้นท์ และคุกกี้ ไว้ด้านบนให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ พานาคอตต้าช็อกโกแลต เพิ่มเติมคลิก

พานาคอตต้า รสมะม่วง

อยากทานผลไม้ ที่เพิ่มรสหวานแบบธรรมชาติให้กับพานาคอตต้า แนะนำให้ทำ พานาคอตต้า รสมะม่วง รับรองว่า หวาน อร่อย ถูกปากคนบ้านเราแน่นอน โดยหากอยากทำในรูปแบบครีเอทสุดสร้างสรรค์ แนะนำให้วางแก้วในแนวเฉียง แล้วค่อยเทเนื้อครีมหรือเนื้อมะม่วงลงไป รับรองว่า เมื่อทำออกมาแล้ว พานาคอตต้าของคุณจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

ส่วนผสมซอสมะม่วง

• เจลาตินผงหรือผงวุ้น 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ก็ได้)
• เกลือเล็กน้อย
• มะม่วงปั่น 400 กรัม
• น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
• น้ำเย็น 40 กรัม

ส่วนผสมพานาคอตต้า

• เจลาติน 1 ช้อนชา
• นมสด 200 กรัม
• วิปปิ้งครีม 250 กรัม
• น้ำตาลทราย 70 กรัม
• กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
• เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำซอสมะม่วง

1. เตรียมถ้วยผสม ใส่เจลาติน 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำเย็น 40 กรัม จากนั้น พักทิ้งไว้ 10 นาที
2. ถ้าเจลาตินเกาะตัว ให้นำไปอุ่นในไมโครเวฟ จนเป็นน้ำ เสร็จแล้ว ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่นเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้น ตักมะม่วงปั่นมาบางส่วน ผสมให้เข้ากัน
3. นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมรวมกับเนื้อมะม่วงปั่น คนให้เข้ากัน เติมรสเปรี้ยวด้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
4. วางแก้วในแนวเฉียง แล้วเทให้ได้ครึ่งหนึ่งของแก้ว นำไปแช่ในตู้เย็น ให้เช็ตตัว ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง

วิธีทำพานาคอตต้า

1. ใส่นมสด 200 กรัมลงในหม้อ ตามด้วยเจลาติน 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ 10 นาที เสร็จแล้ว นำไปต้มด้วยไฟอ่อน
2. ใส่น้ำตาลทราย 70 กรัม เกลือป่นเล็กน้อย คนให้น้ำตาลละลาย พอละลายหมดแล้ว ให้ปิดเตา ใส่วิปปิ้งครีม 250 กรัม กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน เสร็จแล้ว พักทิ้งไว้ให้เย็น
3. เทใส่แก้วอีกครึ่งหนึ่ง ให้พอดีกับชั้นมะม่วงก่อนหน้านี้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซ็ตตัวอีก 2 ชั่วโมง
4. หั่นมะม่วงเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้ตกแต่งด้านบน เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ พานาคอตต้ามะม่วง เพิ่มเติมคลิก

พานาคอตต้าราสป์เบอร์รี่

ปิดท้ายกันด้วย พานาคอตต้าราสป์เบอร์รี่ ที่นำเอาราสป์เบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อีกหนึ่งอย่าง มาเป็นซอสเพิ่มความเปรี้ยวอมหวานให้กับพานาคอตต้า โดยวิธีการทำนั้น เนื้อครีมสามารถทำได้เหมือนกับสูตรอื่น ๆ ส่วนตัวซอสราสป์เบอร์รี่ จะนำไปเคี่ยวหรือนำไปใส่ในเครื่องปั่น ให้ทำซอสได้ง่ายขึ้นก็ได้

ส่วนผสมซอสราสป์เบอร์รี่

• ราสป์เบอร์รีแช่แข็ง 350 กรัม
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• น้ำมะนาว 1/2  ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมพานาคอตต้า

• เจลาตินชนิดแผ่น 3-4 กรัม 3 แผ่น
• วิปปิ้งครีม 720 มิลลิลิตร
• นมสดชนิดจืด 240 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 120 กรัม
• ฝักวานิลลา 1/2  ฝัก
• ราสป์เบอร์รี่สำหรับจัดเสิร์ฟ
• ใบมิ้นท์

วิธีทำซอสราสป์เบอร์รี่

1. ใส่ราสป์รี่ 350 กรัม ลงในเครื่องปั่น แล้วเทน้ำตาลทราย 80 กรัม น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้วปั่นให้ละเอียด
2. เสร็จแล้ว เทใส่ถ้วย โดยระหว่างเท ให้ใช้กระชอนกรองเอากากออกด้วย

วิธีทำพานาคอตต้า

1. ใส่น้ำเย็นลงในชาน นำเจลาติน 3 แผ่นมาแช่น้ำ
2. เตรียมหม้อต้ม ใส่วิปปิ้งครีม 720 มิลลิลิตร นมสด 240 มิลลิลิตร จากนั้น นำไปต้ม ใช้ไฟอ่อน
3. ใส่น้ำตาลทราย 120 กรัม ลงไป แล้วนำฝักวานิลา 1/2 ฝัก มากรีดผ่าครึ่ง ใช้มีดขูดเอาเมล็ดออกมา นำใส่ลงในหม้อพร้อมกับฝักวานิลาเลย
4. จากนั้น ใส่แผ่นเจลาตินที่แช่น้ำไว้ลงไป คนให้น้ำตาลและแผ่นเจลาตินละลายจนหมด พอร้อนได้ที่แล้ว ให้ปิดไฟ ยกหม้อลงได้
5. เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วใช้กระชอนกรองเอากากออก
6. เทใส่แก้วเล็กที่เตรียมไว้ 3/4 ถ้วย จากนั้น นำไปแช่เย็น 2 – 3 ชั่วโมง
7. ตักซอสราสป์เบอร์รี่ที่เย็นแล้ว ไว้ด้านบนเนื้อครีมเป็นชั้นบาง ๆ ตกแต่งด้วยใบมิ้นท์ พร้อมผลราสป์เบอร์รี่อีกเล็กน้อย ไว้ด้านบนให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ พานาคอตต้าราสป์เบอร์รี่ เพิ่มเติมคลิก

สำหรับใครที่อยากตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟูง่าย ๆ เพื่อทำให้เนื้อพานาคอตต้ามีความเนียนนุ่ม  สวยงาม หรือ ทำชั้นวิปปิ้งครีมเพื่อตกแต่ง พานาคอตต้า ได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่อยากออกแรงให้เหนื่อยและเสียเวลา แนะนำให้ใช้เครื่องตีแป้ง จาก SGE ในการตีวิปปิ้งครีม เพราะจะทำให้วิปปิ้งครีมขึ้นฟูได้ง่าย ลดระยะเวลาในการทำ ให้สามารถทำเสร็จได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงยังสามารถตีวิปปิ้งครีม สำหรับทำขนมหวานอื่น ๆ ได้อีก โดยตัวเครื่องสามารถปรับความแรงได้ถึง 5 ระดับ และกดควบคุมการทำงานได้ในปุ่มเดียว จึงสะดวกสบายต่อการใช้งานสุด ๆ 

หากใครสนใจเครื่องตีแป้งจาก SGE แล้วต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.sgethai.com/stand-mixer/ หรือสอบถามทางโทรศัพท์ เว็บไซต์ หรือ ไลน์ SGE ได้เลย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

• 5 สูตร วุ้นมะพร้าว วุ้นกะทิ หวานหอม แช่เย็นทานดับร้อน ทำขายได้เลย
• 5 เมนูวุ้น สุดแฟนซี ทำตามง่าย ๆ ทำขายก็ปัง