วิธีทำ เค้กโบราณ ขนมเค้กยุค 90 ทำเองก็อร่อย ทำขายก็ง่าย
เค้กโบราณ เค้กหน้าแยมส้ม มีวิปครีมเป็นรูปดอกไม้อยู่ด้านบน คงจะเป็นขนมเค้กที่ใครหลายคนโดยเฉพาะ เด็ก Gen X หรือ เด็ก ยุค 90 คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก แล้วอยากจะทำเค้กชนิดนี้ ไว้รับประทานที่บ้านแล้วละก็ SGE มีสูตรและ วิธีทำเค้กโบราณ มาฝาก รับรองว่า อร่อย กินแล้ว รู้สึกวันวาน ยังหวานอยู่ แน่นอน
เค้กโบราณ คือ ?
เค้กโบราณ ไม่ได้มีที่มาโบราณตามชื่อ แต่เป็นชื่อเรียกเค้กชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็น เค้กหน้าแยมส้ม ชิ้นเล็ก ๆ แบบคัพเค้ก ด้านบนตกแต่งด้วยวิปครีมหลากสีเป็นรูปดอกไม้ มักขายอยู่ตามหน้าโรงเรียน หรือ ร้านโชห่วยใกล้บ้าน ๆ โดยหากใครเป็นเด็ก Gen X หรือ เด็ก ยุค 90 ถ้าเห็นกล่องบรรจุเค้ก ก็จะร้องอ๋อได้ทันที เพราะกล่องเค้กมักจะมีสีแดงและสีขาวลายขวาง ซึ่งเค้กโบราณยี่ห้อที่โด่งดังที่สุดนั้นก็คือ ป.ประดิษฐ์ หรือ ปังสยาม
ทำไมถึงชื่อ เค้กโบราณ ?
คนไทยรู้จักการกินเค้ก เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง จากการที่ได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติมากขึ้น ทำให้เพิ่งมีความรู้ในการผลิตเค้กในช่วงนี้ เค้กที่ออกมาจึงเป็นเค้กหน้าแยมส้มชิ้นเล็ก ๆ แบบคัพเค้ก ตกแต่งด้วยวิปครีมเป็นรูปดอกไม้ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มีหลักฐานบ่งบอกว่าเป็นเค้กชนิดแรกที่เกิดขึ้นในไทยหรือไม่ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ประกอบกับวิทยาการในการทำเค้กเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น ด้วยวันเวลาที่เค้กชิ้นนี้ออกมา รวมถึง รูปลักษณ์ของเค้กที่ล้าสมัย ทำให้คนไทยเรียกกันติดปากว่า เค้กโบราณ มาจนถึงทุกวันนี้
วิธีทำเค้กโบราณ
วิธีทำเค้กโบราณ ง่ายมาก ๆ โดยจะแยกออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ ตัวเนื้อเค้ก หน้าแยมส้ม และ บัตเตอร์ครีม ซึ่งตัวบัตเตอร์ครีมนั้น ทำเพื่อตกแต่งเป็นรูปดอกไม้ด้านบน สามารถใส่สีผสมอาหารได้ตามชอบ เพื่อให้มีสีสันตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น สีส้ม สีเขียว สีม่วง สีชมพู ฯลฯ แล้วบีบเป็นลวดลายอีกชั้นหนึ่งด้านนอก เพื่อให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
สูตร เค้กโบราณ
ส่วนผสมเค้ก
- ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 1 ฟอง
- น้ำตาลทราย 120 กรัม
- เนยเค็มละลาย 120 กรัม(พักไว้จนอุ่นลง)
- แป้งเค้ก 150 กรัม
- ผงฟู 2 ช้อนชา
- กลิ่นนมเนยหรือกลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
- นมจืด 115 กรัม
- น้ำส้มสายชู 1 ½ ช้อนชา
ส่วนผสมหน้าแยมส้ม
- แยมส้ม 200 กรัม
ส่วนผสมบัตเตอร์ครีม
- เนยสดรสเค็ม 85 กรัม
- เนยขาว 70 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
- น้ำร้อน 2 ½ ช้อนโต๊ะ
- สีผสมอาหาร สีเขียว สีส้ม ตามชอบ
อุปกรณ์
- ตะกร้อมือ หรือ เครื่องตี
- พิมพ์คัพเค้ก เบอร์ 3217
- ถ้วยจีบอะลูมิเนียม หรือ ถ้วยจีบกระดาษ
วิธีทำเค้ก
- เตรียมชามผสม ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมสด น้ำส้มสายชู กลิ่นวานิลลา เนยละลาย แล้วใช้ตะกร้อมือ หรือ เครื่องตี ตีให้เข้ากัน
- ร่อนแป้งเค้กและผงฟูผ่านกระชอนลงไป ตีให้เข้ากัน
- เตรียมพิมพ์คัพเค้ก รองด้วยถ้วยจีบให้เรียบร้อย แล้วเทแป้งเค้กลงไป 3/4 ถ้วย เกลี่ยหน้าเค้กให้เรียบ
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 – 25 นาที เสร็จแล้ว นำมาพักให้เย็นสนิท
วิธีทำหน้าแยมส้ม
- ตั้งหม้อ ใส่แยมส้มลงไป แล้วเปิดไฟอ่อน รอให้แยมส้มเริ่มละลายแล้ว กวนให้ละลายดี และ ต้มให้เดือด จนแยมส้มเหลวและข้นดี เสร็จแล้ว ปิดไฟ
- เทแยมส้มผ่านกระชอน กรองให้ได้เนื้อละเอียด
วิธีทำบัตเตอร์ครีม
- เตรียมชามผสม ใส่น้ำตาลไอซิ่ง ผสมกับ น้ำร้อน คนให้ละลายเข้ากัน จนได้น้ำเชื่อมเนื้อเนียนละเอียด
- ตั้งหม้อ ใส่เนยสดลงไป แล้วใช้ตะกร้อมือ หรือ เครื่องตี ตีให้เนยขึ้นฟู
- ใส่เนยขาวลงไป ตีให้เข้ากัน จนขึ้นฟู ใช้เวลา 5 – 8 นาที
- จากนั้น ใส่น้ำตาลไอซิ่งที่ละลายไว้ลงไป ตีต่ออีก 3 – 5 นาที จนบัตเตอร์ครีมเนื้อครีมข้น ติดตะกร้อมือ
- แบ่งบัตเตอร์ครีมออกเป็น 3 ส่วน 1 ส่วนเก็บไว้เป็นกลีบดอกสีขาว อีก 2 ส่วน ผสมกับสีผสมอาหาร สีส้ม สีเขียว ตามชอบ
วิธีประกอบเค้กโบราณ
- นำเค้กจุ่มแยมส้มให้เต็มหน้าเค้ก แล้วพักให้แยมส้มเซ็ตตัว ประมาณ 10 – 15 นาที
- ตักบัตเตอร์ครีม แต่ละสี ใส่ถุงบีบ ติดหัวบีบเป็นลายแฉก แล้วบีบลงไปเป็นรูปดอกไม้บนหน้าเค้ก ตามชอบ
- บีบเป็นลวดลายรอบเค้กให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ
รู้จัก เค้กโบราณ และ วิธีทำเค้กโบราณ กันไปแล้ว หากใครคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก โดยเฉพาะ ยุค 90 นอกจาก กาแฟดริป แผ่นเสียง หรือ เทปคาสเซ็ต แล้ว เค้กโบราณ ก็ถือเป็นของอย่างหนึ่งที่เราเติบโตมาด้วยกัน ดังนั้น ลองทำเอง แล้วรับประทานดู อาจจะช่วยย้อนความทรงจำดี ๆ ในวัยเด็กให้กลับคืนมา ยามที่เรารู้สึกหมองหม่นได้ไม่มากก็น้อย
สำหรับใครที่อยากได้อุปกรณ์ ซึ่งช่วยให้การตีแป้งเค้กโบราณ ทำได้ง่ายขึ้น ขอแนะนำ เครื่องตีแป้ง ของ SGE มีหัวตี 3 แบบ ช่วยให้คุณสามารถผสมแป้งเค้กได้แบบง่ายดาย รวมถึงตีเมอแรงค์ให้ขึ้นฟู เหมาะสำหรับทำเค้กโบราณ รวมถึงเค้กและเบเกอรี่อื่น ๆ แบบสุด ๆ ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยเท่านั้น หากสนใจคลิกดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/stand-mixer/
22 เมษายน 2024
โดย
Pres