ตะลิงปลิง

4,656 Views

คัดลอกลิงก์

ตะลิงปลิง ประโยชน์ ข้อควรระวัง พร้อม วิธีปลูกตะลิงปลิง ให้ได้ผลผลิตดี

ตะลิงปลิง แม้มีรสเปรี้ยว กินอร่อย และ เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพชนิดหนึ่ง แต่ก็มีข้อควรระวังบางอย่าง ที่ทุกคนควรรู้ด้วย
เพื่อให้สามารถรับประทานแล้ว จะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต หากใครอยากรู้ว่า ประโยชน์ และ ข้อควรระวัง ของตะลิงปลิง มีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

ทำความรู้จัก ตะลิงปลิง

ตะลิงปลิง

ตะลิงปลิง เป็นพืชร่วมวงศ์กับมะเฟือง แต่จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนตรงขนาดของผล โดยผลมะเฟืองจะมีขนาดใหญ่กว่าผลตะลิงปลิง  ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นสีชมพู ผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมอยู่ตามกิ่ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีสีเขียวอ่อนและมีขุยนุ่มปกคลุม ใบคล้ายรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนดอก จะออกดอกเป็นช่อหลายช่อ ตามกิ่งและลำต้น แต่ละช่อจะมีความยาวไม่เกิน 6 นิ้ว ลักษณะดอกมีกลีบ 5 กลีบ ดอกสีแดงเข้ม มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวอมชมพู มีเกสรกลางดอกสีขาว

ส่วนผลของตะลิงปลิง มีลักษณะกลมยาวปลายมน เป็นพูตามยาว ออกผลเป็นช่อห้อย ผิวมีลักษณะเรียบสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีเหลือง เนื้อข้างในเป็นเนื้อเหลว มีรสเปรี้ยว และมีเมล็ด ลักษณะแบนยาว มีสีขาว สามารถนำมารับประทานได้ โดยถิ่นกำเนิดเดิมของต้นตะลิงปลิง อยู่ในแถบชายฝั่งทะเลของประเทศบราซิล ก่อนที่จะกลายเป็นไม้ผลที่นิยมปลูกทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพราะลำต้นมีพวงแน่น สวยงาม และ ให้ผลที่สามารถนำมารับประทานและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ประโยชน์ของ ตะลิงปลิง

ตลิงปลิง

1. แก้ไข้ แก้ไอ

จากหนังสือ ประมวลสรรพคุณสมุนไพรไทย ระบุว่า ผลของตะลิงปลิง สามารถรับประทานเพื่อแก้ไข้ แก้ไอ ได้ ทำให้คนนิยมนำผลมาปั่นให้ละเอียด จากนั้น จึงเติมเกลือ และ น้ำเชื่อมลงไป เพื่อทำเป็นน้ำตะลิงปลิงไว้ดื่มกิน

2. รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

โรคเลือดออกตามไรฟัน เกิดจากร่างกายได้รับวิตามิน C ไม่เพียงพอ ซึ่งหากรับประทานผล ตะลิงปลิง 100 กรัม จะทำให้ได้รับวิตามิน C สูงถึง 15.5 มิลลิกรัม จึงช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้

3. ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ปกติ

ผลของตะลิงปลิงมีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ปกติ ส่งผลให้จังหวะของหัวใจเต้นได้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ  รักษาสมดุลการใช้วิตามินและแร่ธาตุของร่างกาย และ ยังช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายอีกด้วย

4. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ใบตะลิงปลิง อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากมีสารเควอซิทินซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มฟีนอลที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยงานวิจัยหนึ่งพบว่า เมื่อให้หนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกินใบตะลิงปลิง จะช่วยให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดและระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ของหนูทดลองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่เนื่องจากยังเป็นผลการทดลองในสัตว์เล็ก ยังไม่เคยมีงานวิจัยในคน จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า ใบของตะลิงปลิง สามารถกินเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดได้จริงหรือไม่

5. ช่วยสมานแผลบนผิวหนังได้ดี

คนโบราณนิยมนำรากและใบของตะลิงปลิงมาพอกบนผิวหนัง เพื่อสมานบาดแผล สอดคล้องกับผลงานวิจัยที่พบว่า สารฟลาโวนอยด์ ซึ่งพบได้ในใบตะลิงปลิง มีฤทธิ์ช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นงานวิจัยขนาดเล็กที่ทดลองกับสัตว์ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า ใบของตะลิงปลิงใช้รักษาแผลได้จริงหรือไม่ จึงควรรอผลการค้นคว้าเพิ่มเติม ก่อนที่นำตะลิงปลิงมาใช้สมานบาดแผล

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ข้อควรระวังในการรับประทานตะลิงปลิง

ตะลิงปลิง

ด้วยผลของ ตะลิงปลิง มีเนื้อฉ่ำน้ำ และ มีรสเปรี้ยว ทำให้คนไทยนิยมนำผลตะลิงปลิงมากินสด ๆ จิ้มกินกับน้ำพริกต่าง ๆ หรือ นำมาต้มดื่ม และ บีบคั้นน้ำไว้ปรุงรสเปรี้ยวในเมนูอาหาร เช่น แกงส้ม ต้มยำ น้ำพริก ฯลฯ แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทาน เนื่องจากในตะลิงปลิง มีกรดออกซาเลตสูง ซึ่งหากได้รับมาก ๆ จะเข้าไปสะสมที่ไต ทำให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะรวมถึงอาจเกิดการตกตะกอน จนเข้าไปอุดตันในเนื้อไตและท่อไต ทำให้เป็นโรคไตวายได้

เวลาบริโภค จึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานเป็นน้ำปั่น เพราะอาจกินตะลิงปลิงเกินพอดีได้ โดยคนทั่วไปสามารถรับประทานได้ตามปกติ ส่วนผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยง เพราะหากร่างกายได้รับกรดออกซาเลตสูง จะเกิดการสะสมและส่งสัญญาณไปกระตุ้นสมอง ทำให้เกิดอาการชักถึงขั้นเสียชีวิตได้

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ตู้อบลมร้อน ตู้อบเบเกอรี่

วิธีการปลูกตะลิงปลิงให้ได้ผลดี

ตลิงปลิง

ตะลิงปลิง จะปลูกให้ได้ผลดี ควรปลูกโดยการเพาะเมล็ด เพราะให้ต้นที่แข็งแรง เติบโตได้เร็ว วิธีการคือ ให้เตรียมเมล็ดที่สมบูรณ์ เช็กด้วยการแช่น้ำ หากเมล็ดไหนลอยน้ำก็ถือว่าใช้ไม่ได้ จากนั้น ก็นำลงปลูกในถุงเพาะกล้า ยังไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไร เพียงแค่รดน้ำและวางต้นกล้าในตำแหน่งที่ได้รับแดดช่วงเช้าก็พอ เมื่อต้นกล้าสูงสักประมาณ 16-20 นิ้ว ก็สามารถนำไปปลูกลงดินได้ โดยดินที่ปลูก ควรเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี ถ้าเป็นดินร่วนปนทรายก็จะดีมาก เสร็จแล้ว ขุดหลุมให้กว้างและลึกพอสำหรับต้นกล้า รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกผสมดินร่วน แล้วนำต้นกล้าลงปลูก

โดยการดูแลรักษา ให้คอยรดน้ำทุกวัน เช้า-เย็น ใส่ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง และเพิ่มปุ๋ยชีวภาพเพื่อกันแมลงในช่วงออกผลประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง ที่สำคัญคือ ต้องคอยตัดแต่งกิ่งของต้นตะลิงปลิงสม่ำเสมอ เนื่องจากกิ่งค่อนข้างแผ่ขยายได้กว้างและมีความเปราะ แม้จะไม่โดนลมพายุก็สามารถหักลงมาเองได้ อาจเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน และ คนที่เดินผ่านไปผ่านมา จึงควรใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งต้นตะลิงปลิงอยู่ตลอด เพื่อให้ต้นตะลิงปลิงมีขนาดของกิ่งก้านที่เหมาะสม แข็งแรง และ ออกผลให้เรารับประทานได้ตามที่ต้องการ

หากต้องการ กรรไกรตัดแต่งกิ่ง ที่ช่วยให้การตัดกิ่งของต้นตะลิงปลิง หรือ ต้นไม้พันธุ์ต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้ กรรไกรตัดกิ่งไฟฟ้า ของ SGE เพียงแค่กดปุ่ม ใบมีดก็จะทำงานอัตโนมัติ ช่วยให้ตัดกิ่งน้อยใหญ่ได้ง่าย โดยไม่ต้องออกแรง ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับใบมีดทั้งสเตน แข็งแรงทนทาน ช่วยให้รอยตัดคมกริบ หมดปัญหาเสี้ยนตำมือ หรือ บาดเจ็บจากการใช้มีดหรือกรรไกรตัดแบบเดิม ๆ หากสนใจ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/product/electric-pruning-shears/ หรือสอบถามผ่านทาง โทรศัพท์ Line ของเราได้เลย


⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

30 มกราคม 2024

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

guest
0 Comments
โหวตสูงสุด
ใหม่สุด เก่าสุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด