12 สูตร อาหารเหลา ทำเองง่าย ๆ อร่อยเหมือนเชฟภัตตาคารทำเอง
อาหารเหลา ใครอยากกิน ไม่ต้องไปสั่งโต๊ะจีน หรือ ภัตตาคารดัง เพราะ SGE รวม 11 สูตรยอดนิยมมาให้แล้ว รับรองว่า ทำเองได้ง่าย ๆ อร่อยไม่แพ้เชฟระดับมืออาชีพ ให้คุณกินอาหารราคาแพงได้ ในราคาสบายกระเป่า ส่วนจะมีเมนูอะไร และ ทำได้ง่ายแค่ไหนนั้น ตามมาดูกันเลย
ข้าวผัดหยางโจว
ข้าวผัด สไตล์จีน ที่รวมวัตถุดิบชั้นดีไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง ปู หมูแดง กุนเชียง ไว้ด้วยกัน ยิ่งผัดด้วยไฟแรงแบบครัวจีน ก็ยิ่งหอมอร่อย น่ารับประทาน ทำให้เป็น อาหารเหลา ขึ้นชื่อ ที่ทุกภัตตาคาร และ ร้านอาหารชั้นนำต้องมี
ส่วนผสม
- ข้าวสวย 1 จาน
- เนื้อปู ตามชอบ
- เนื้อกุ้ง 5 – 6 ตัว
- หมูแดงหั่นสไลด์ ตามชอบ
- กุนเชียงหั่นเต๋า 1 ชิ้น
- ไข่ไก่ 5 ฟอง
- คะน้า 3 ต้น
- ต้นหอมซอย 3 – 4 ต้น
- ซอสหอยนางรม 3 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
- พริกไทย 1 ช้อนชา
- น้ำมันหมูสำหรับผัด
วิธีทำ
- ใช้มีดหั่นหมูแดง กุนเชียง เป็นชิ้น ๆ ตามด้วย คะน้า และ ต้นหอม ซอยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำเปล่าลงไป ต้มให้เดือด แล้วใส่เนื้อกุ้ง เนื้อปู และ กุนเชียง ลงไป ลวกให้สุก เสร็จแล้ว ตักขึ้นเตรียมไว้ แล้วเทน้ำในกระทะออก
- ตั้งกระทะใหม่ ใส่น้ำมันหมูลงไป 1 ทัพพี แล้วใช้ตะหลิวคนให้น้ำมันเคลือบทั่วกระทะ แล้วเทน้ำมันออก
- ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป 5 ฟอง ตามด้วยข้าวสวย แล้วใช้ตะหลิวตักน้ำหมูลงไปเล็กน้อย แล้วผัดข้าวกับไข่ไก่ให้เข้ากัน จนไข่สุก
- ใส่คะน้า กุนเชียง หมูแดง แล้วปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส พริกไทย ผัดให้เข้ากัน ด้วยไฟแรง
- โรยต้นหอมซอย แล้วใส่เนื้อกุ้ง เนื้อปูลงไป ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ
เป๋าฮื้อเจี๋ยนน้ำมันหอย
คะน้าน้ำมันหอย สูตร อาหารเหลา ที่ถือได้ว่าเป็น เมนูคะน้า ระดับจักรพรรดิ ด้วยใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยมอย่าง หอยเป๋าฮื้อ เข้ามาเป็นส่วนผสม จึงช่วยเพิ่มความอร่อยและประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยหากใครหาไม่ได้ เพราะว่าแพงเกินไป สามารถใช้เห็ดหอมแทนได้ สูตรจากรายการ ป้อมโชว์ตวงชิม
ส่วนผสมคะน้าน้ำมันหอย
- คะน้าฮ่องกง 5 – 6 ต้น
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- น้ำมันสำหรับผัด
ส่วนผสมหอยเป๋าฮื้อผัดน้ำหอย
- หอยเป๋าฮื้อ 3 ชิ้น (ใช้เห็ดหอมแทนได้)
- น้ำซุป 1 ช้อนโต๊ะ
- เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- แป้งมันฮ่องกงผสมน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำคะน้าน้ำมันหอย
- นำคะน้าฮ่องกงไปล้างน้ำให้สะอาด ถ้าก้านคะน้าแข็ง หรือ มีเสี้ยน ให้ใช้มีดปอกออก
- ตั้งหม้อ ต้มน้ำให้เดือด ใส่คะน้าฮ่องกงลงไป ลวกให้สุก
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ตามด้วย คะน้าฮ่องกง เหล้าจีน น้ำเปล่า ผัดให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ผัดด้วยไฟแรงให้เข้ากัน
- พอผัดเสร็จแล้ว จัดคะน้าใส่จานเตรียมไว้
วิธีทำเป๋าฮื้อผัดน้ำมันหอย
- ใส่ซอสหอยนางรม เหล้าจีน น้ำซุป คนให้ละลายเข้ากัน
- ใส่หอยเป๋าฮื้อลงไป แล้วปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ผัดด้วยไฟแรงให้เข้ากัน
- ใส่แป้งมันฮ่องกงผสมน้ำเปล่าลงไป ผัดให้เข้ากัน จนกว่าจะได้น้ำมันหอยเข้มข้น
- พอผัดจนได้ที่แล้ว ตักราดคะน้าฮ่องกงที่จัดจานไว้แล้วลงไป เป็นอันเสร็จ
ผัดโหงวก๊วย
1 ใน อาหารเหลา ที่มักจะเห็นคนสั่งมารับประทานบ่อย ๆ เพราะอุดมไปด้วยผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น แปะก๊วย เกาลัด พุทราเชื่อม แห้ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แถมบางที่ยังเสิร์ฟมาในรังเผือกทอดคล้ายรังนก ทำให้มีความสวยงามน่ารับประทานเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งถ้าใครไม่อยากเสียเงินไปซื้อทานที่ภัตตาคารแล้วละก็ สามารถทำตามสูตรนี้ได้เลย รับรองว่า อร่อยไม่แพ้กัน
ส่วนผสม
- เนื้ออกไก่ 150 กรัม
- แป้งทอดกรอบ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม
- เกาลัด 50 กรัม
- แปะก๊วย 50 กรัม
- แห้วต้ม 50 กรัม
- พุทราเชื่อม 50 กรัม
- เห็ดหอมสด 50 กรัม
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว
- พริกหวานเขียว/เหลือง/แดง อย่างละ 1/2 ผล
- ต้นหอมหั่นท่อน 3 ต้น
- พริกชี้ฟ้าแห้ง 3 เม็ด
- น้ำตาลทราย 2 ½ ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปพอเหมาะ ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป ทอดให้สุกเหลืองสวย เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- จากนั้น ทยอยใส่พริกหวานเขียว เหลือง แดง หอมหัวใหญ่ แปะก๊วย เกาลัด เห็ดหอม ลงไปทอดทีละอย่าง ๆ ให้สุก
- นำเนื้อไก่มาคลุกกับแป้งทองกรอบ แล้วใส่ลงในกระทะ ทอดให้สุก จากนั้น ใส่พริกชี้ฟ้าแห้งลงไปทอดให้กรอบเล็กน้อย
- เทน้ำมันที่ใช้ทอดออก แล้วตั้งกระทะใหม่ ใส่น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม เหล้าจีน จากนั้น เปิดไฟอ่อน คนให้ทุกอย่างละลายเข้ากัน และ เคี่ยวต่อสักพัก ให้ซอสมีความเหนียวข้นขึ้น
- พอซอสข้นดีแล้ว ใส่ใส่พริกหวานเขียว เหลือง แดง หอมหัวใหญ่ ไก่ทอด แปะก๊วย เกาลัด เห็ดหอม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แห้วต้ม พุทราเชื่อม เห็ดหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่พริกทอดลงไป ตามด้วย ต้นหอมหั่นท่อน ผัดให้เข้ากันอีกรอบ เป็นอันเสร็จ
หมูสามชั้นตุ๋นผักกาดดอง
อาหารเหลา แบบกวางตุ้ง ที่เป็นเมนูดังของหลาย ๆ ภัตตาคาร มีชื่อเรียกว่า หมุ่ยชอยเคาหยก หรือ โค่วโหย่ว(扣肉 koù roù) ในภาษาจีนกลาง มีวิธีทำโดยการนำหมูสามชั้นไปตุ๋นจนนิ่มลง ทานคู่กับหมุ่ยชอย หรือ ผักกาดดองเค็ม ราดด้วยน้ำซอสข้นมัน จะทำให้ได้หมูที่นุ่ม และมีรสชาติหวานเค็ม เหมาะกับทำทานในเทศกาลไหว้เจ้าสำคัญ ๆ หรือ เนื่องในโอกาสพิเศษ
ส่วนผสม
- หมูสามชั้น 1 กิโลกรัม
- ผักกาดดองแห้ง 350 กรัม
- กระเทียมบุบ 5 กลีบ
- ขิงหั่น 5 แว้น
- ต้นหอมหั่นท่อน 5 ต้น
- เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- ซอสเห็ดหอม 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 2 ช้อนชา
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ (ล้างกลิ่นคาว)
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ (ล้างกลิ่นคาว)
- แป้งมันฮ่องกง + น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสต็อค 3 ถ้วย
วิธีทำ
- ตั้งหม้อ ต้มน้ำให้เดือด นำหมูสามชั้นลงไปต้มให้พอสุก จากนั้น นำขึ้นมาพักให้เย็นลง
- ใช้ส้อมจิ้มหนังหมูให้ทั่ว เสร็จแล้ว โรยเกลือและน้ำส้มสายชูลงไป ทาให้ทั่ว
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป วอร์มให้น้ำมันร้อนจัดแล้ว วางเนื้อหมูสามชั้นลงไปทอดให้สุก จนเหลืองทองพอดี ๆ โดยให้วางด้านหนังหมูลงไปก่อน พอเหลืองทองทั่วกันทุกด้านแล้ว ให้นำขึ้นไปน็อคในน้ำเย็น ทิ้งไว้ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วใช้มีดหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย เคลือบน้ำมันให้ทั่วกระทะ จากนั้น เปิดไฟแรง แล้วใส่ขิงแว่น กระเทียมบุบ ผักกาดดองแห้งลงไป ผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้ว เริ่มปรุงรสโดยใส่ เหล้าจีน ซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำตาล ซีอิ๊วดำ ผัดให้เข้ากันอีกหนึ่งครั้ง แล้วค่อยเติมน้ำสต็อคลงไป ลดเป็นไฟกลางค่อนไฟอ่อน เคี่ยวต่ออีก 30 นาที ให้งวดลง
- จัดวางหมูสามชั้น ใส่ชามก้นลึก วางผักกาดแห้งที่ผัดไว้ ตามด้วยน้ำซอสที่เหลือ เสร็จแล้ว นำไปนึ่งในซึ้งนึ่ง ด้วยไฟกลางค่อนไฟแรงเป็นเวลา 2 – 3 ชั่วโมง หรือจนกว่าหมูสามชั้นจะนุ่มลง
- พอครบเวลาให้นำออกมา เทน้ำซอสที่ได้จากการนึ่งลงในกระทะ ตั้งไฟให้พอเดือด เสร็จแล้ว ตักแป้งมันฮ่องกงผสมกับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ เทลงไปคนให้เข้าน้ำซอส เคี่ยวต่อให้ซอสงวดลง จนข้นขึ้น
- จัดเสิร์ฟใส่จาน วางหมูสามชั้นพร้อมผัดกาดดองเค็มลงไป ราดด้วยน้ำซอสที่เคี่ยวไว้ เป็นอันเสร็จ
กระเพาะปลา
ถึงแม้จะหาทานได้ทั่วไป จนกลายเป็นอาหารสตรีทฟู้ดอย่างหนึ่งไปแล้ว แต่ในระดับภัตตาคาร กระเพาะปลา ยังคงเป็น อาหารเหลา ที่ขายดีอยู่เสมอ เพราะการจะทำให้อร่อย กระเพาะปลา ต้องใช้ของดี ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ถึงจะอร่อย น้ำแดงก็ต้องมีความเข้มข้นถึงจะได้รสชาติ ดังนั้น หากใครอยากทำให้เหมือนที่ทานกันตามภัตตาคารแล้วละก็ เพียงแค่เลือกซื้อกระเพาะปลาที่มีคุณภาพ และ ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข่นกกระทา น่องไก่ อกไก่ฉีกเป็นเส้น เห็ดหอม และ หน่อไม้ ใส่ลงไป เพียงเท่านี้ก็จะได้กระเพาะปลาอร่อย ๆ ไว้ทานที่บ้านแล้ว
ส่วนผสมน้ำสต็อกไก่
- โครงไก่ 1 โครง
- ผักกาดขาว
- กะหล่ำปลี
- กระเทียม 30 กรัม
- พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี 4 ราก
ส่วนผสมกระเพาะปลา
- กระเพาะปลา 250 กรัม
- ขิงแก่ 50 กรัม
- ไข่นกกระทาต้มสุก
- เห็ดหอม 10 ชิ้น (ล้างแล้วแช่น้ำเตรียมไว้)
- หน่อไม้
- อกไก่ ปีกบนไก่ เลือดไก่
- ผักชี
- ซอสจิ๊กโฉ่ว
เครื่องปรุง
- ซีอิ๊วขาว 5 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 5 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
- เหล้าจีนสำหรับปรุงอาหาร 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมันฮ่องกง 6 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำสต็อกไก่
- ใส่น้ำลงในหม้อต้ม แล้วตั้งไฟ ล้างทำความสะอาดรากผักชี ใช้มีดทุบให้พอแหลก ให้ส่งกลิ่นหอม เสร็จแล้วใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยกระเทียม ทุบให้พอแหลก แล้วใส่ลงในหม้อเช่นกัน
- เตรียมครกและสาก ใส่พริกไทยเม็ดลงไป ทุบให้แตก ใส่ตามลงไปในหม้อ ตามด้วยโครงไก่ ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วใส่ตามลงไป
- ใส่ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ลงไป เพื่อเพิ่มความหวาน (หากใครไม่มี ไม่ต้องใส่ก็ได้) ตามด้วยอกไก่ ปีกบนไก่
- จากนั้น ปิดฝา ใช้เวลาต้ม 1 ชั่วโมง (ถ้าใครใช้หม้ออบลมร้อน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) ระหว่างนี้ ถ้าอกไก่ ปีกบนไก่ สุกได้ที่แล้ว ให้ตักขึ้นมาได้เลย
- พอครบเวลา ให้ตักไขมันที่ลอยอยู่ด้านบนออก แล้วกรองเอาแต่น้ำสต็อกออกมา ใส่หม้อที่จะทำกระเพาะปลาต่อไป
วิธีทำกระเพาะปลา
- ต้มกระเพาะปลาเพื่อไล่น้ำมันออกก่อน โดยให้เตรียมกระทะใส่น้ำให้พอต้มกระเพาะปลา แล้วตั้งไฟอ่อนให้เรียบร้อย หั่นสไลด์ขิงแก่ ใส่ลงไป จากนั้น แบ่งกระเพาะปลาออกเป็นชิ้นสั้น ๆ ใส่ลงไป ลวกให้กระเพาะปลานิ่มลงและคายน้ำมันออกมา ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พอเนื้อชุ่มน้ำและนิ่มลงหมดแล้ว ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำเตรียมไว้
- หั่นเห็ดหอมออกเป็นเส้น ๆ แล้วนำมาผัดในกระทะ โดยใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่เห็ดหอมลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม
- ใส่น้ำแช่เห็ดหอม ลงไปในหม้อน้ำสต็อกไก่ที่เตรียมไว้ โดยเทใส่กระชอนกรองเอาเศษที่ไม่ต้องการออก แล้วใส่เห็ดหอมที่ผัดไว้ ตามลงไป ต้มจนเดือด
- พอเดือดแล้ว ให้ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว 5 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำ 5 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ เหล้าจีนสำหรับปรุงอาหาร 2 ช้อนโต๊ะ ชิมรสชาติ หากขาดอะไรให้ปรุงรสเพิ่มได้ตามใจชอบ
- นำกระเพาะปลามาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสร็จแล้ว ใส่ลงไป ต้มให้เดือด
- นำเลือดไก่ หน่อไม้ มาหั่นเป็นชิ้น ๆ ใส่ตามลงไป รอจนเดือดอีกรอบ แล้วให้ใส่แป้งมันฮ่องกงลงไป 6 ช้อนโต๊ะ ระหว่างใส่ ให้คอยคนส่วนผสมไปด้วย จนกว่าจะได้น้ำซุปข้นหนืดตามที่ต้องการ
- พอเดือดได้ที่แล้ว ตักเสิร์ฟใส่ชาม ใส่ไข่นกกระทา น่องไก่ อกไก่ฉีกเป็นเส้น ๆ เรียงไว้ด้านบน โรยผักชี ปรุงรสเพิ่มด้วยซอสจิ๊กโฉ่วตามชอบ เป็นอันเสร็จ
หมูหัน
เมนู อาหารเหลา แบบ Main Course ที่ใคร ๆ ก็ชอบทาน โดยหากไปทานที่ร้าน อาจจะมีราคาหลายร้อยเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าทำกินเองได้ ก็จะช่วยประหยัดเงินได้ดีกว่า แถมยังเหมาะกับการจัดงานเลี้ยง สังสรรค์ต่าง ๆ อีกด้วย โดยเทคนิคในการทำให้อร่อยก็คือ ควรเลือกใช้ลูกหมูที่อายุไม่ถึง 1 เดือน จะเหมาะกับการนำมาทำหมูหันมากที่สุด
ส่วนผสม
- ลูกหมูสด 1 ตัว (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
- น้ำร้อน
- ซีอิ๊วดำ 4 ส่วน
- น้ำส้มสายชู 1 ส่วน
- น้ำมันพืช (ชโลมหนังหมู)
อุปกรณ์
- แท่งเหล็ก (สำหรับเสียบหมู)
- เตาถ่าน
วิธีทำ
- ตั้งเตาถ่าน ใส่ถ่าน ก่อไฟให้ไฟแรง
- นำแท่งเหล็ก มาเสียบลูกหมูสด แล้วนำไปพิงไว้กับไม้กั้น หรือ ผนังของกำแพง แล้วใช้น้ำร้อน ราดลงไปบนผิวของหนังหมู เพื่อให้หนังหมูตึง
- ผสมซีอิ๊วดำหวานกับน้ำส้มสายชูให้เข้ากัน แล้วนำไปชโลมให้ทั่วหนังหมู
- นำหมูไปตั้งบนเตาถ่าน แล้วคอยหันหมู ให้โดนไฟบนเตาถ่านจนทั่ว ๆ พลิกกลับไปกลับมา ย่างเป็นเวลา 15 นาที
- พอครบเวลา ให้นำไปพักทิ้งไว้สักพัก ให้หมูเย็นตัวลง
- นำไปย่างต่ออีกรอบ โดยรอบนี้ให้ชโลมน้ำมันพืชลงไปให้ทั่ว ย่างจนกว่าหนังจะกรอบ และแดงสุกได้ที่ทั้งตัว
- ใช้มีดเลาะหนังหมูออกมา แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ จัดเสิร์ฟใส่จาน เป็นอันเสร็จ
เป็ดปักกิ่ง
อีกหนึ่ง อาหารเหลา ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของหลาย ๆ ภัตตาคาร สามารถเลือกรับประทานแทน หมูหัน ได้ อร่อยเหมือนกัน โดย เป็ดปักกิ่ง ภาษาจีนจะเรียกว่า Běi jīng kao yā (北京烤鸭 ) มักกินคู่กับหมั่นโถว ราดด้วยซีอิ๊วดำหวาน มีผักเคียงเป็นแตงกวาและขิงดอง ไว้ทานคู่กัน
ส่วนผสมเป็ดปักกิ่ง
- เป็ด 1 ตัว
- ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1½ ช้อนโต๊ะ
- ขิงแก่สับ 40 กรัม
- ผักชีหั่นฝอย 1 ถ้วย
- สามเกลอ ได้แก่ พริกไทย กระเทียม และรากผักชี โขลกให้ละเอียด
ส่วนผสมน้ำราดตัวเป็ด
- น้ำส้มสายชู 3-4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า
ส่วนผสมน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่ง
- น้ำมะขามเปียก ¼ ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย
- พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 2 ช้อนชา
- น้ำปลา ¼ ถ้วย
วิธีทำ
- ล้างเป็ดที่เตรียมไว้ให้สะอาด นำเครื่องในเป็ดออกให้หมด
- นำส่วนผสมทำเครื่องหมักเป็ดที่เตรียมไว้ ผสมให้เข้ากัน แล้วยัดเข้าไปในท้องเป็ด โดยใช้มือล้วงเข้าไปแล้วทาเครื่องหมักให้ทั่วท้องเป็ด เสร็จแล้วพักไว้
- ทำน้ำราดตัวเป็ด โดยเริ่มจาก ตั้งหม้อน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ส่วนผสม น้ำส้มสายชู น้ำผึ้ง ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และเกลือลงไป คนให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้ง แล้วยกลง
- นำน้ำราดตัวเป็ด ตักราดตัวเป็ดให้ทั่ว จากนั้น หมักทิ้งไว้ และผึ่งให้แห้งประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- หลักจากผึ่งเป็ดทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงแล้ว นำเป็ดที่ได้อบในหม้ออบลมร้อน โดยใช้ฟอยล์รองตัวเป็ดก่อน เพื่อกันน้ำเป็ดตก ตั้งไฟที่ความร้อน 160 องศาเซลเซียส อบเป็ด 2 รอบ รอบที่ 1 ใช้เวลาอบ 45 นาที จากนั้น พลิกตัวเป็ด แล้วอบต่ออีก 35 นาที
- ทำน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่ง โดยนำส่วนผสมทั้งหมด ปั่นด้วยเครื่องปั่นให้เข้ากัน นำตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวจนเหนียว จากนั้น ใส่พริกป่นคนให้ทั่ว ปรุงรสเปรี้ยวหวานเค็ม ตามชอบ เสิร์ฟคู่กับเป็ดปักกิ่งได้เลย พร้อมเสิร์ฟ
กุ้งแม่น้ำเผา
แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ อาหารเหลา แท้ ๆ แต่ถ้าร้านไหนมีแล้วละก็ ใครเห็นเป็นต้องสั่งแน่นอน ซึ่งถ้าหากไปนั่งกินที่ร้าน อาจจะมีเสียเงินถึง 7xx – 8xx บาทเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าหากใครอยากประหยัดเงิน เพียงแค่หากุ้งแม่น้ำมา แล้วเผาให้สุก เพียงเท่านี้ ก็จะได้กินของอร่อย ๆ ในราคาที่ประหยัดแล้ว
ส่วนผสม
- กุ้งแม่น้ำ ตามชอบ
ส่วนผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด
- พริกแดง 3 เม็ด
- พริกขี้หนูสวน 7 – 8 เม็ด (ปรับได้ตามชอบ)
- กระเทียม 10 กลีบ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 2 ช้อนชา
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ใช้กรรไกรตัดหนวด ตัดขากุ้งแม่น้ำให้เรียบร้อย
- ตัดผ่าครึ่งกุ้งแม่น้ำ ตรงช่วงท้องไปจนถึงโคนหาง จากนั้น ใช้มีดกดลงไปตามรอย จนสามารถแผ่กุ้งออกมาได้
- ดึงถุงตรงปาก และ เส้นดำตรงช่วงท้องออก
- ใช้ช้อนตักส่วนมันกุ้งออก เพื่อให้เวลาย่าง มันกุ้งจะได้ไม่ไหลเยิ้ม
- ตั้งเตาย่าง วาง กุ้งแม่น้ำ ลงไป แล้วใช้ฝาอบปิดลงไป เพื่อให้สุกเร็วขึ้น
- พอกุ้งแม่น้ำใกล้สุกดีแล้ว ให้ตักมันกุ้งลงไป แล้วย่างต่อจนสุก เป็นอันเสร็จ
วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
- เตรียมครกกับสาก ใส่พริกแดง พริกจินดา กระเทียม และ เกลือ ลงไป ตำให้แหลกพอหยาบ ๆ
- ใส่น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ปรุงรสตามใจชอบ เป็นอันเสร็จ
ปูผัดผงกะหรี่
ปูผัดผงกะหรี่ สูตรนี้ เป็นสูตร อาหารเหลา ที่เสิร์ฟกันในภัตตาคารหรือร้านอาหารดังทั่วไป โดยนำปูทั้งตัวมาจัดเสิร์ฟ ทำให้มีความพรีเมี่ยมและน่ารับประทาน ขายกันทีจานหนึ่ง ราคาหลายร้อย บางที่ขายกันหลักพันก็มี ซึ่งถ้าไม่อยากจ่ายเงินขนาดนั้น แนะนำให้ซื้อปูเอง แล้วมาทำตามสูตรของ Youtuber ช่อง กินได้อร่อยด้วย สูตรนี้ รับรองว่า อร่อยเหมือนร้านดัง แถมประหยัดกว่ากันแน่นอน
ส่วนผสม
- ปูม้า 800-1,000 กรัม
- กระเทียม 1 หัว
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- หอมใหญ่ 1 หัว
- ขึ้นฉ่าย 3 ต้น
- ต้นหอม 3 ต้น
- พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
- นมข้นจืด 150 มิลลิลิตร
- ผงกะหรี่ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่นตามชอบ
- น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพริกเผาเล็กน้อย
- น้ำเปล่าเล็กน้อย (สำหรับผัดปู)
วิธีทำ
- แกะปู แยกเอาส่วนขา ก้าม และกระดอง ออกเป็นชิ้น ๆ
- ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย รอให้น้ำมันร้อนได้ที่แล้ว ใส่กระเทียมลงไป ผัดให้มีกลิ่นหอม ตามด้วย ขา ก้าม และกระดอง ของ ปู ทั้งหมด ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้น เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย แล้วใช้ฝาอบปิดไว้ อบให้สุก
- ระหว่างอบปูให้สุก ให้เตรียมถ้วยผสม ใส่นมข้นจืด ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม พริกไทย น้ำพริกเผา คนให้ละลายเข้ากัน จากนั้น ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ตีให้เข้ากัน แล้วเทผสมรวมกันให้เรียบร้อย
- พอปูสุกได้ที่แล้ว ให้เปิดฝาอบออก แล้วใส่ผงกะหรี่ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่ส่วนผสมเหลวลงไป ตามด้วยหอมใหญ่ ปรับไฟเป็นไฟแรง ใช้ตะหลิวคนเล็กน้อย เพื่อให้ไข่เริ่มเซ็ตตัว
- จากนั้น ใส่ต้นหอม และ ขึ้นฉ่าย ผัดคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ
ปลานึ่งซีอิ๊ว
อาหารเหลา ที่ใคร ๆ ก็นึกถึง โดยเฉพาะเวลาไปทานตามภัตตาคารและร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งถ้าหากซื้อทาน รับรองว่าแพงแน่นอน แต่ถ้าใครอยากทานเมนูนี้ในแบบประหยัด ๆ แล้วละก็ สามารถทำตามสูตรที่นำมาฝากได้เลย รับรองว่าเหมือนต้นฉบับ แถมยังทำทานได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย
ส่วนผสม
- ปลากระพง 1 ตัว (ปลาอื่น ๆ ก็ได้)
- ขิงแก่ 1 แง่ง
- ต้นหอม 5 ต้น
- ขึ้นฉ่าย 3 ต้น
- พริกชี้ฟ้าแดง 3 เม็ด
- น้ำมันสำหรับผัด 2-3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
- เหล้าจีน 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
วิธีทำ
- ทำความสะอาดปลากะพง โดยการถอดเกล็ด ผ่าท้องแล้วควักไส้ และ ถอดเหงือกออก ให้เรียบร้อย จากนั้น นำเกลือมาทาให้ทั่ว แล้วใช้น้ำล้างออก ซับด้วยกระดาษทิชชู่ซับมันให้แห้ง เมื่อแห้งแล้ว ให้ใช้มีด บั้งเนื้อปลา 3 บั้ง แต่ละด้าน เท่า ๆ กัน
- เตรียมซึ้งนึ่ง โดยต้มน้ำร้อนให้ร้อนจัด ด้วยไฟแรง จากนั้น นำปลากระพงใส่จานที่จะจัดเสิร์ฟ วางลงในซึ้งนึ่ง นึ่งปลาจนสุก ใช้เวลาประมาณ 10-12 นาที
- ปอกเปลือกขิง หั่นขิงเป็นแว่น ๆ แล้วซอยให้เป็นเส้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ จากนั้น นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง เอาส่วนที่เป็นเมล็ดออก แล้วหั่นซอยให้เป็นเส้นเล็ก ๆ
- นำต้นหอม มาตัดเอาส่วนโคนแยกออกจากส่วนใบ แล้วหั่นโคนต้นหอมออกเป็นเส้น ๆ ส่วนใบต้นหอมให้หั่นออกเป็นท่อน ๆ ขนาดเท่ากัน เช่นเดียวกับขึ้นฉ่าย ให้ทำแบบเดียวกัน
- เตรียมทำน้ำราดซีอิ๊ว โดยตั้งกระทะ เปิดไฟแรง ใส่น้ำมันลงไป กลิ้งจนน้ำมันเคลือบกระทะทั้งหมด พอน้ำมันร้อนจัด จนมีไอร้อนขึ้นมาแล้ว ให้ใส่ ขิงซอย พริกชี้ฟ้าแดงซอย ขึ้นฉ่ายซอย ต้นหอมซอย ลงไป ผัดให้เข้ากัน แค่ให้พอมีกลิ่นหอม พอผักสลดดีแล้ว ให้ปิดไฟ แล้วนำผักเหล่านี้ มาโรยไว้บนตัวปลาตัวกระพง
- ตั้งกระทะใหม่ (ยังไม่ต้องเปิดไฟ) ใส่ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วดำหวาน ซีอิ๊วขาว เหล้าจีน น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ลงไป จากนั้น เปิดไฟกลางค่อนไฟแรง คนและผัดซอสให้เข้ากัน จนกว่าจะเดือดและข้นได้ที่ ระหว่างนี้ ให้คอยคนเป็นระยะ เพื่อไม่ให้ไหม้
- เมื่อซอสข้นเหนียวได้ที่แล้ว ให้ปิดไฟ นำน้ำซีอิ๊วมาราดลงบนตัวปลากระพง เป็นอันเสร็จ
ขาห่านอบหม้อดิน
อาหารเหลา ระดับคลาสสิค ที่หลาย ๆ ภัตตาคารต้องมี โดยเคล็ดลับในการทำให้อร่อยก็คือ จะต้องต้มขาห่านจนเนื้อเปื่อยนุ่ม ถึงจะกินได้อร่อยและแทะง่าย ยิ่งกินกับบะหมี่ที่คลุกเคล้ากับซอสรสเข้มข้น ก็ยิ่งอิ่มอร่อยมากกว่าเดิม
ส่วนผสมเครื่องต้มขาห่าน
- ขาห่านไทยหรือเทศ 2 คู่
- ขิงหั่นแว่น 4 – 5 ชิ้น
- ข่าหั่น 4 ชิ้น
- อบเชย 3 ชิ้น
- โป๊ยกั๊ก 2 ชิ้น
- รากผักชี 6 ราก
- กระเทียม 6 กลีบ
- พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- เหล้าขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
- น้ำมันพืช(สำหรับทอด)
- น้ำเปล่า 2 – 3 ทัพพี
ส่วนผสมเครื่องอบหม้อดิน
- หมูสามชั้น 4 ชิ้น
- กระเทียมจีน 10 กลีบ
- ต้นหอม 4 ต้น
- ขิงหั่นแว่น 5 ชิ้น
- รากผักชี 2 กลีบ
- ชวงเจีย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำอบหม้อดิน
- น้ำซุป 1/2 ถ้วย
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วดำ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำขาห่าน
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว และ น้ำเปล่าเล็กน้อย คนให้ละลายเข้ากัน แล้วผัดให้กลายเป็นซอสคาราเมล มีสีน้ำตาลไหม้
- ใส่ขาห่านลงไป เคลือบซอสคาราเมลให้ทั่ว แล้วใส่ ขิง ข่า อบเชย โป๊ยกั๊ก รากผักชี กระเทียม พริกไทยขาว ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน
- ใส่เหล้าขาวลงไป เพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้น เติมน้ำเปล่าลงไป ให้พอท่วม
- เสร็จแล้ว เทใส่หม้อต้ม แล้วนำไปต้มต่อด้วยไฟอ่อน เป็นเวลา 4 ชั่วโมง จนกว่าขาห่านจะเนื้อนุ่มตามที่ต้องการ
วิธีทำขาห่านอบหม้อดิน
- เตรียมเครื่องอบหม้อดิน โดยใส่หมูสามชั้น กระเทียมจีน ต้นหอม ขิงหั่นแว่น รากผักชี ลงไปในหม้อดิน
- ใส่ชวงเจีย และ พริกไทยขาว ลงในถุงเครื่องเทศ แล้วใส่ลงไปให้หม้อ
- ผสมน้ำอบหม้อดิน โดยเตรียมชามผสม ใส่น้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว เหล้าจีน น้ำมันงา น้ำมันพืช และ น้ำซุป คนให้ละลายเข้ากัน
- เทน้ำอบหม้อดิน ใส่หม้อ จากนั้น ใส่เส้นบะหมี่เหลือง ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่ขาห่านลงไป
- นำไปต้มด้วยไฟแรง จนกว่าน้ำอบจะระเหยออกหมด และ เส้นบะหมี่แห้งดี เป็นอันเสร็จ
โอนีแปะก๊วย
ปิดท้ายกับด้วยของหวานสุดฮิต ที่เหมาะกับการการกินปิด อาหารเหลา นั่นก็คือ โอนีแปะก๊วย ที่รสชาติหวานจากข้าวเหนียวมูนและเผือกกวนที่มีรสหวาน เมื่อผสมผสานกับน้ำเชื่อมที่มีแปะก๊วยและพุทราจีนเชื่อมเป็นส่วนผสมแล้ว จะทำให้รู้สึกสดชื่น และ อิ่มอร่อย เกินคำบรรยาย
ส่วนผสมน้ำเชื่อม
- แปะก๊วยต้มสุก 180 กรัม
- พุทราจีนเชื่อม 130 กรัม
- แป้งมันละลายน้ำเปล่า 30 กรัม
- น้ำตาลทราย 130 กรัม
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- มะพร้าวขูดเส้น ตามชอบ
ส่วนผสมเผือกกวน
- เผือกหั่นเต๋า 400 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
ส่วนผสมข้าวเหนียวมูน
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู (แช่น้ำ 1 คืน) 250 กรัม
- กะทิ 150 มิลลิลิตร
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
วิธีทำน้ำเชื่อม
- ตั้งหม้อ หรือ กระทะ ใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย แปะก๊วยต้มสุก พุทราจีนเชื่อม จากนั้น ต้มให้น้ำเดือด
- ใส่แป้งมันละลายน้ำลงไป คนให้เข้ากันและต้มต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำเชื่อมจะมีความข้นเหนียว
วิธีทำเผือกกวน
- นำเผือกมาหั่นเต๋า จากนั้น ตั้งซึ้งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด แล้วรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่เผือกลงไป ห่อผ้าขาวบางให้มิด เว้นช่องให้มีรูระบายไอน้ำขึ้นมา นึ่งเป็นเวลา 30 นาที
- เตรียมชามผสม ใส่เผือกที่นึ่งสุกแล้วลงไป แล้วใช้ที่บด บดเผือกให้ละเอียด
- ตั้งกระทะ เปิดไฟอ่อน ใส่น้ำตาลทรายและเผือกบดลงไป กวนเผือกกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียว
วิธีทำข้าวเหนียวมูน
- นำข้าวเหนียเขี้ยวงูไปแช่น้ำ 1 คืน เสร็จแล้ว เทน้ำออก พักให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งซึ้งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด รองด้วยผ้าขาวบาง ใส่ข้าวหนียวเขี้ยวงูลงไป ห่อผ้าขาวบางให้มิด เว้นช่องให้มีรูระบายไอน้ำขึ้นมา นึ่งเป็นเวลา 30 นาที
- เตรียมชามผสม ใส่กะทิ เกลือ น้ำตาล คนให้ละลายเข้ากัน แล้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟเป็นเวลา 2 นาที ให้กะทิพอร้อน ไม่ต้องเดือด
- จากนั้น นำข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่ยังร้อนออกมาใส่ชามผสม แล้วเทน้ำกะทิที่อุ่นไว้ลงไป ปิดฝา แช่ทิ้งไว้ 10 นาที เสร็จแล้ว ใช้ทัพพีกวนข้าวเหนียวให้ดูดซึมน้ำกะทิจนแห้ง
- ทำเผือกกวน โดยเตรียมชามผสม ใส่เผือกที่นึ่งสุกแล้วลงไป แล้วใช้ที่บด บดเผือกให้ละเอียด
- ตั้งกระทะ เปิดไฟอ่อน ใส่น้ำตาลทรายและเผือกบดลงไป กวนเผือกกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียว
วิธีทำโอนีแปะก๊วย
- เตรียมชามทรงกลม ตักเผือกกวนลงไป แล้วกดลงไปให้แน่น จากนั้น ตักข้าวเหนียวมูนลงไปจนเต็มชาม
- พลิกชามทรงกลม ลงไปบนชามสำหรับจัดเสิร์ฟ ให้เผือกกวนอยู่ด้านบนของข้าวเหนียวมูน
- เสร็จแล้ว ราดน้ำเชื่อมลงไป ให้แปะก๊วย และ พุทราจีน อยู่รอบ ๆ แล้วตกแต่งด้านบนด้วยมะพร้าวขูดเส้น ให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ
อยากกิน อาหารเหลา ระดับภัตตาคาร ไม่จำเป็นต้องไปถึงภัตตาคารชื่อดัง หรือ สั่งโต๊ะจีนมากินอีกต่อไป เพียงแค่ทำตาม 12 สูตร อาหารเหลา ที่ SGE นำมาฝาก เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้กินอาหารแพง ๆ ในราคาสบายกระเป่า ให้ทุกคนในครอบครัวสามารถกินได้อย่างเอร็ดอร่อย พร้อมทำกินได้ทุกวัน ทุกเวลา
30 มกราคม 2024
โดย
Pres