ขนมหวานไทย

6,568 Views

คัดลอกลิงก์

12 สูตร ขนมหวานไทย ทำเองได้ง่าย ๆ หวานอร่อยทุกเมนู

ขนมหวานไทย มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติ สีสัน รวมถึงรูปลักษณ์ที่สวยงาม หากใครชอบทานขนมหวานไทย แล้วอยากจะอนุรักษ์รวมถึงสืบสานกรรมวิธีการทำ ให้ยังคงอยู่ SGE คัด 10 สูตร ขนมหวานไทย ยอดฮิตมาฝาก รับรองว่า ทำทานเองได้ด้วยตัวเอง แถมยังสามารถต่อยอด นำไปทำขาย สร้างรายได้ในอนาคตได้อีกด้วย

ทองหยิบ

ขนมหวานไทย

ทองหยิบ เป็นขนมไทยที่คล้ายทองหยอด แต่จะมีรูปลักษณ์ที่ประณีตกว่า นั่นคือ มีจีบแยกออกเป็น 3 แฉกบ้าง 4 แฉกบ้าง จึงมีความสวยงาม ทำให้เป็นขนมหวานไทย ที่คนไทยนิยมรับประทานกันชนิดหนึ่ง

ส่วนผสม

  • ไข่เป็ด 30 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  • น้ำสะอาด 1/2 ลิตร
  • ดอกมะลิ
  • กระดังงา

วิธีทำ

  1. ทำน้ำลอยดอกมะลิ โดยเตรียมน้ำ 1/2 ลิตร ใส่ลงในภาชนะที่สะอาด จากนั้น ใส่ดอกมะลิ และกระดังงา แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน พอถึงช่วงเช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ให้เอาออก เพื่อไม่ให้ดอกมะลิทำน้ำขม ทั้งนี้ ในส่วนของกระดังงา ให้เอาไฟลนที่กระเปาะของกระดังงา จะช่วยให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น
  2. เริ่มทำน้ำเชื่อม โดยตักน้ำลอยดอกมะลิ ใส่ลงในหม้อต้ม ผสมกับน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม โดยใช้ไฟกลางค่อนไฟอ่อน คอยคนให้น้ำตาลละลายเข้ากันกับน้ำอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้น้ำตาลไหม้ติดก้นหม้อ
  3. ตอกไข่เป็ด แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ให้ไม่เหลือเมือกไข่ขาวติดออยู่ จากนั้น ใส่ลงในผ้าขาวบาง พอตอกและแยกไข่แดงครบหมดแล้ว ให้รวบผ้าแล้วบิด กรองเอาไข่แดงออกจากผ้าขาวบางลงในชามผสมใบใหญ่
  4. พอได้ไข่แดงที่ผ่านการกรองแล้ว ให้ใช้ตะกร้อมือ ตีไข่ให้เข้ากัน โดยให้ตีเข้าหาตัว ทิศทางเดียวตลอด และให้ยกต่ำไว้ จะทำให้ไข่ไม่กระเด็นออกจากชามผสม เมื่อมีฟองอากาศเข้า และไข่เริ่มข้นเหนียวดีแล้ว แสดงว่า เนื้อไข่ได้ที่แล้ว พร้อมสำหรับการทำทองหยิบ
  5. เตรียมทำทองหยิบ โดยหากน้ำเชื่อมกำลังเดือด มีฟองฟู่อยู่ ให้เติมน้ำลอยดอกมะลิลงไป สักครึ่งกระบวย เสร็จแล้ว ปิดไฟ ให้น้ำพอร้อนกำลังดี จากนั้น ให้งอปลายช้อนที่จะหยอดเข้าหากัน ตักเนื้อไข่ แค่พอดีช้อน หยอดลงไปในหม้อ โดยลักษณะการหยอด ให้เทเนื้อไข่ลงไปแล้วยกช้อนตั้งฉากกับน้ำขึ้นมาทันที จะทำให้ได้เป็นไข่แผ่นกลมเล็ก ๆ ออกมา ทำอย่างนี้ จนกว่าจะเต็มหม้อ หรือ ได้จำนวนตามที่ต้องการ (ทั้งนี้ หากใครตีเนื้อไข่เกินพอดีไป เวลาหยอด เนื้อไข่จะแตก ไม่จับตัวเป็นแผ่น วิธีแก้ ให้เติมไข่แดงเปล่า ๆ ที่ไม่ได้ตีเพิ่มลงไป จะแก้ปัญหานี้ได้)
  6. พอหยอดเสร็จแล้ว ให้เปิดไฟกลางค่อนไฟอ่อน ต้มน้ำให้เดือด พอขึ้นฟองฟู่แล้ว ให้ใช้กระชอน กลับเนื้อไข่แต่ละแผ่นเป็นอีกด้านหนึ่ง ให้สุกทั่วกัน พอแต่ละชิ้นพองดีแล้ว ให้ตักน้ำลอยดอกมะลิเพิ่มลงไปเล็กน้อย ให้น้ำหายเดือด เสร็จแล้วปิดไฟ เตรียมตักขึ้น โดยเมื่อจะตักขึ้น ให้ตักแต่ละขิ้นแกว่งกับน้ำเชื่อม เพื่อล้างฟองอากาศที่ติดด้านบนออก จะทำให้เนื้อทองหยิบสีเหลืองสวย จากนั้น ตักใส่พักไว้ในน้ำเชื่อมอีกทีหนึ่ง
  7. จับเนื้อไข่ทำทองหยิบ โดยใช้มือข้างที่ถนัดเตรียมจับ ถ้าทำทองหยิบ 3 จีบ ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง จับลงไปที่เนื้อไข่ แล้วบีบในลักษณะงุ้มขึ้นมา มืออีก 1 ข้างช่วยประคอง จับลงในถ้วยขนาดเล็ก พอจับลงไปได้แล้ว ให้ใช้ไม้หรือเหล็กเส้นขนาดเล็ก ดันเข้าไปตามร่องที่เราจับจีบ จะทำให้ร่องจีบลึกขึ้น และออกมาสวยงาม (หากใครต้องการ 4 จีบ ให้ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ ทั้งซ้ายขวา จับแล้วบีบเข้ากัน ใส่ลงในถ้วย แล้วใช้ไม้หรือเหล็กเส้นขนาดเล็ก ดันเข้าไปตามร่องที่เราจับจีบ) เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ตู้อบลมร้อน ตู้อบเบเกอรี่

ทองหยอด

ขนมหวานไทย

ทองหยอด เชื่อว่าเป็นขนมหวานไทย ที่ใคร ๆ ก็เคยรับประทาน เพราะมีรูปร่างกลมสวย รสชาติหวานมัน สีเหลืองทองสวยงาม ทำให้เป็นขนมหวานยอดฮิตที่ขายดิบขายดีทุกยุคทุกสมัย ระดับที่ว่าใครเห็นเป็นต้องหยิบทานจนหมด

ส่วนผสม

  • ไข่เป็ด 30 ฟอง
  • แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  • น้ำสะอาด 1 ½ ลิตร
  • ดอกมะลิ
  • กระดังงา
  • เทียนอบ

วิธีทำ

  1. ทำน้ำลอยดอกมะลิ โดยเตรียมน้ำ 1 ½ ลิตร ใส่ลงในภาชนะที่สะอาด จากนั้น ใส่ดอกมะลิ และกระดังงา แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน พอถึงช่วงเช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ให้เอาออก เพื่อไม่ให้ดอกมะลิทำน้ำขม ทั้งนี้ ในส่วนของกระดังงา ให้เอาไฟลนที่กระเปาะของกระดังงา จะช่วยให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น
  2. นำแป้งข้าวเจ้าไปร่อน จากนั้น ตากแดดเพื่อไล่ความชื้นออกให้หมด แล้วใช้เทียนอบ อบแป้งข้าวเจ้า เพื่อให้แป้งมีกลิ่นหอม
  3. เริ่มทำน้ำเชื่อม โดยตักน้ำลอยดอกมะลิ ใส่ลงในหม้อต้ม ผสมกับน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม โดยใช้ไฟกลางค่อนไฟอ่อน คอยคนให้น้ำตาลละลายเข้ากันกับน้ำอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้น้ำตาลไหม้ติดก้นหม้อ
  4. ตอกไข่เป็ด แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ให้ไม่เหลือเมือกไข่ขาวติดออยู่ จากนั้น ใส่ลงในผ้าขาวบาง พอตอกและแยกไข่แดงครบหมดแล้ว ให้รวบผ้าแล้วบิด กรองเอาไข่แดงออกจากผ้าขาวบางลงในชามผสมใบใหญ่
  5. พอได้ไข่แดงที่ผ่านการกรองแล้ว ให้ใช้ตะกร้อมือ ตีไข่ให้เข้ากัน โดยให้ตีเข้าหาตัว ทิศทางเดียวตลอด และให้ยกต่ำไว้ จะทำให้ไข่ไม่กระเด็นออกจากชามผสม โดยจะต้องตีไข่ให้ขึ้นฟู จนเป็นเนื้อครีมข้นและมีความหนืดมากกว่าไข่ที่ใช้ทำทองหยิบ เมื่อไข่ข้นเหนียว หนืดได้ที่ดีแล้ว แสดงว่า เนื้อไข่ได้ที่แล้ว พร้อมสำหรับการทำทองหยอด
  6. ตักไข่บางส่วนออกมาใส่ชามใบเล็ก แล้วตักแป้งข้าวเจ้าอบควันเทียน ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ มาผสม ค่อย ๆ ใช้ช้อนคนเบา ๆ ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อไข่กับแป้งผสมกันจนเป็นเนื้อเดียวแล้ว ไม่เห็นเม็ดแป้ง ให้เตรียมช้อนสำหรับทำทองหยอด ตักไข่ขึ้นมา โดยช้อนที่ใช้ ต้องงอปลายช้อนเข้าหากันทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้ทองหยอดกลม
  7. เตรียมทำทองหยอด โดยต้มน้ำเชื่อมให้เดือด จนขึ้นฟองฟู่ ตลอดเวลา จากนั้น ใช้ช้อนตักไข่ขึ้นมา เวลาตักให้ตักเข้าหาขอบชามขึ้นมาทีละน้อย แล้วทำการหยอด โดยเวลาหยอดให้ทำมือตั้งฉาก แล้วใช้นิ้วโป้งบีบไข่ลงไป จะทำให้ทองหยอดกลม ทำอย่างนี้ จนกว่าจะได้จำนวนตามที่ต้องการ (หากใครต้องการเช็กว่า ทองหยอดกลมหรือไม่ ให้เติมน้ำดอกลอยมะลิเพิ่มลงไป จะทำให้ฟองเดือดหายไป และเห็นตัวทองหยอดได้) พอทองหยอดมีลักษณะใสมันวาวดีแล้ว ให้ปิดไฟ แล้วตักแช่ในน้ำเชื่อมสักพักนึง แล้วยกขึ้น รับประทานได้เลย

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

สแลนกันแดด NetShade
สแลนกันแดด NetShade

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ลอดช่องน้ำกะทิ

ขนมหวาน

ลอดช่อง เดิมแม้จะมีที่มาจากประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็ถือได้ว่า กลายเป็น ขนมหวานไทย ยอดฮิต ที่คนไทยชอบทานมาก ๆ อย่างหนึ่ง ดังนั้น หากใครอยากได้สูตรเพื่อไปทำขาย ก็ลองทำตามสูตรที่นำมาฝากกันได้เลย ซึ่งเป็นสูตร ลอดช่องวัดเจษ เรียกได้ว่าเป็นสูตรการทำแบบคนไทยแท้ ๆ โดยน้ำกะทินั้นจะเคี่ยวและเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลมะพร้าว ทำให้มีสีน้ำตาลอ่อน ๆ เมื่อตักทานคู่กับเส้นลอดช่องที่มีลักษณะเรียวเล็ก เนื้อเนียนนุ่ม มีกลิ่นหอมจากใบเตย ก็จะทำให้ได้รสชาติที่อร่อย ถูกปากคนไทย

ส่วนผสมลอดช่อง

  • แป้งข้าวเจ้า 600 กรัม
  • แป้งมัน 200 กรัม
  • ใบเตย 200 กรัม
  • น้ำปูนใส 5 กิโลกรัม

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  • หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
  • น้ำตาลมะพร้าวแท้ 6 ขีด

วิธีทำลอดช่อง

  1. หั่นใบเตยอย่างหยาบ ๆ แล้วนำใส่เครื่องปั่น เทน้ำปูนใสลงไปเล็กน้อย ปั่นจนกว่าใบเตยจะละเอียด เสร็จแล้ว นำมากรองผ่านผ้าขาวบาง ใส่ชามผสม
  2. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน คนให้แป้งและน้ำใบเตยละลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้น เทผ่านกระชอน กรองใส่ลงในหม้อต้ม
  3. ต้มด้วยไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ และคอยเติมน้ำปูนใสลงไปเป็นระยะ จนกว่าแป้งที่เป็นเม็ด จะละลายเป็นเนื้อเนียน แต่ระวังอย่าเติมมากเกินไปเดี๋ยวแป้งจะเหลว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
  4. เมื่อแป้งละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อเนียนสีเขียวสวย ไม่จับตัวเป็นเม็ดแล้ว ให้เตรียมน้ำสะอาดแช่น้ำแข็งไว้ พอครบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ให้เทแป้งลงในหม้อกดลอดช่อง ให้ลอดช่องไหลลงในน้ำเย็น เสร็จแล้ว นำไปกรองผ่านกระชอน กรองเอาน้ำออก เป็นอันเสร็จ

วิธีทำน้ำกะทิ

  1. บี้น้ำตาลมะพร้าวให้แตกเป็นเนื้อหยาบ ๆ แล้วนำใส่ลงในหัวกะทิ ใช้มือบี้และคนให้น้ำตาลมะพร้าวละลายเป็นเนื้อเดียวกันกับหัวกะทิ
  2. นำน้ำหัวกะทิไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ลงในหม้อ จากนั้น นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ คนให้หัวกะทิร้อน แต่อย่าให้เดือดจนแตกมัน จากนั้น ตักขึ้นใส่ชาม ทานคู่กับลอดช่องและน้ำแข็ง เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ทับทิมกรอบน้ำกะทิ

ขนมหวาน

ขนมหวานไทย ที่ร้านน้ำแข็งไสชื่อดังหรือร้านริมทางที่ไหนก็ต้องมี เพราะด้วยรสชาติกรุบกรอบของแห้วที่อยู่ด้านใน ผสมกับความหนุบหนับของแป้งมันที่หุ้มไว้ด้านนอก มีน้ำกะทิเย็น ๆ ไว้ซด ทานคู่กันให้เย็นชื่นใจ ทำให้ ทับทิมกรอบน้ำกะทิ ยังคงครองใจหลาย ๆ คน ถึงขนาดไปร้านน้ำแข็งไสทีไรเป็นต้องสั่ง

ส่วนผสมตัวทับทิมกรอบ

  • แห้วดิบ 500 กรัม
  • แป้งมัน

ส่วนผสมกะทิสด

  • กะทิอบควันเทียนแบบพาสเจอร์ไรส์ 500 กรัม
  • น้ำเปล่า 90 กรัม
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • นมข้นจืด 40 กรัม

ส่วนผสมน้ำเชื่อม

  • น้ำเปล่า 400 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาว 500 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม

วิธีทำทับทิมกรอบ

  1. ล้างแห้วให้สะอาด ล้างหลาย ๆ รอบ จนกว่าน้ำที่ล้างแห้วจะใส จากนั้น พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
  2. ต้มน้ำให้เดือดจัด เสร็จแล้ว ใส่แห้วลงไป ต้มให้เดือดจนกว่าจะมีฟองลอยปุดขึ้นมา แสดงว่าแห้วต้มจนสุกแล้ว ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำและเย็นสนิท
  3. นำแห้วที่เย็นสนิทแล้ว แช่น้ำหวานสีแดง ในกะละมังก้นแบน ประมาณ 20 นาที หรือให้สีซึมเข้าไป
  4. พอครบเวลาและสีซึมเข้าไปดีแล้ว ให้คลุกแห้วกับน้ำหวานที่เหลือ เพื่อไม่ให้แห้ง ถ้ามีน้ำเยอะมากเกินไปให้ตักออก จากนั้น ใส่แป้งมันลงไป คลุกเคล้าให้ทั่ว
  5. ตักแห้วใส่กระชอน เขย่าเอาแป้งส่วนเกินทิ้งไป
  6. นำไปลวกในน้ำเดือด เมื่อลอยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักขึ้น น็อกในน้ำเย็น
  7. นำไปล้างน้ำให้หายร้อนอีกครั้งหนึ่ง ใส่ตะกร้า พักให้สะเด็ดน้ำ
  8. เติมน้ำเชื่อมลงไปเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ทับทิมกรอบติดกันเป็นก้อน

วิธีทำน้ำกะทิ

  1. เตรียมหม้อต้ม ใส่กะทิ น้ำเปล่า เกลือ คนก่อนเล็กน้อย แล้วยกขึ้นตั้งไฟ ให้ร้อนจัด ๆ แค่พอมีควัน ไม่ร้อนจนเดือดปุด ๆ
  2. เติมนมข้นจืด คนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ นำไปน็อคน้ำเย็นทันที เพื่อให้กะทิเก็บได้นานขึ้น

วิธีทำน้ำเชื่อม

  1. ใส่น้ำเปล่าในหม้อต้ม ตั้งน้ำให้เดือด
  2. พอน้ำเดือดให้ใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง คนให้น้ำตาลละลาย พอเดือด ให้หรี่ไฟ แล้วเคี่ยวต่อ 5 นาที
  3. พอครบเวลา ให้ยกออก พักไว้ให้เย็นสนิท

วิธีจัดเสิร์ฟ

  1. ตักทับทิมกรอบใส่ชาม ราดน้ำเชื่อมเล็กน้อย ตามด้วยน้ำแข็งใส และ น้ำกะทิ เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้
กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

บัวลอยไข่หวาน

ขนมหวานไทย

บัวลอยไข่หวาน สุดยอด ขนมหวานไทย ยอดฮิตอันดับ 1 ของใครหลายคน โดดเด่นทั้งในเรื่องของสีสันและรสชาติ รวมถึงความหวานจากน้ำกะทิเข้มข้น ทำให้นึกจะทานขนมหวานทีไร หลายคนมักนึกถึง บัวลอยไข่หวาน เป็นอันดับแรก ซึ่งถ้าหากอยากผสมแป้งบัวลอยสีต่าง ๆ ให้นุ่มได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องนวดเองให้เมื่อยมือ แนะนำให้ใช้ เครื่องตีแป้ง เครื่องผสมอาหาร ของ SGE ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ พร้อมหัวตะกร้ออีก 3 แบบ ให้คุณทำเมนู ขนมหวานไทย และ เบเกอรี่อื่น ๆ ได้อย่างหลากหลาย สนใจคลิกดูเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/stand-mixer

ส่วนผสมบัวลอยสีม่วง

  • มันเทศสีม่วงนึ่งสุก 1/2 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
  • แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำร้อน

ส่วนผสมบัวลอยสีฟ้า

  • แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
  • แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำร้อน

ส่วนผสมบัวลอยสีแดง

  • แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
  • แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำบีทรูท 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำร้อน

ส่วนผสมไข่หวาน

  • น้ำตาลทราย 150 กรัม
  • น้ำ 300 ml.
  • ขิงแก่ 1 แง่งเล็ก

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  • มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ (สำหรับคั้นหางกะทิ) 700 มิลลิลิตร
  • น้ำมะพร้าว 650 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลโตนด 120 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • เนื้อมะพร้าวอ่อน 200 กรัม
  • ใบเตย 4 ใบ

วิธีทำบัวลอยสีม่วง

  1. บดมันม่วงให้ได้เนื้อละเอียด ใส่ลงในชามผสม
  2. ใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน คลุกเคล้าให้พอเข้ากัน
  3. พอเข้ากันแล้ว ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปเป็นระยะ ๆ แล้วใช้มือนวดแป้งสลับกันไป เพื่อไม่ให้แป้งเหลว
  4. เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้นวดต่อจนกว่าจะได้แป้งที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้ว ใส่ชาม ใช้พลาสติกแรปปิดเอาไว้
  5. ดึงเนื้อแป้งออกมา ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ

วิธีทำบัวลอยสีฟ้า

  1. เตรียมชามผสม ใส่น้ำอัญชันลงไป ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน คลุกเคล้าให้พอเข้ากัน
  2. พอเข้ากันแล้ว ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปเป็นระยะ ๆ แล้วใช้มือนวดแป้งสลับกันไป เพื่อไม่ให้แป้งเหลว
  3. เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้นวดต่อจนกว่าจะได้แป้งที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้ว ใส่ชาม ใช้พลาสติกแรปปิดเอาไว้
  4. ดึงเนื้อแป้งออกมา ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ

วิธีทำบัวลอยสีแดง

  1. เตรียมชามผสม ใส่น้ำบีทรูปลงไป ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน คลุกเคล้าให้พอเข้ากัน
  2. พอเข้ากันแล้ว ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปเป็นระยะ ๆ แล้วใช้มือนวดแป้งสลับกันไป เพื่อไม่ให้แป้งเหลว
  3. เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้นวดต่อจนกว่าจะได้แป้งที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้ว ใส่ชาม ใช้พลาสติกแรปปิดเอาไว้
  4. ดึงเนื้อแป้งออกมา ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ

วิธีทำไข่หวาน

  1. หั่นขิงสไลด์เป็นแว่น ๆ ใส่ลงในหม้อ จากนั้น ใส่น้ำตาล น้ำเปล่า ลงไป แล้วนำไปต้มให้เดือด คนให้น้ำตาลละลาย
  2. พอน้ำตาล ละลายและน้ำเดือดดีแล้ว ให้ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ต้มต่อ 3-4 นาที พอครบเวลาให้ยกขึ้นพักไว้

วิธีทำน้ำกะทิ

  1. ใส่เนื้อกะทิลงในชามผสม ใส่เกลือตามลงไป คลุกเคล้าให้ทั่ว
  2. เตรียมซึ้งสำหรับนึ่งให้พร้อม ต้มน้ำให้เดือด พอน้ำเดือดแล้ว ให้ใส่กะทิลงในผ้าขาวบาง แล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลา 10 นาที
  3. พอครบเวลา ให้พักทิ้งไว้จนกว่าจะคลายความร้อน จากนั้น ใช้มือขยำ คั้นเอาน้ำกะทิออกมา ใช้เวลา 7-8 นาที เสร็จแล้ว ค่อย ๆ ตักแบ่งใส่ผ้าขาวบาง บีบคั้นน้ำกะทิใส่ลงในหม้อ ทำอย่างนี้จนกว่าจะหมด (น้ำกะทิที่ได้จากส่วนนี้ เรียกว่า หัวกะทิ)

วิธีทำน้ำกะทิบัวลอย

  1. เตรียมหม้อต้ม ใส่ใบเตย น้ำตาลโตนด น้ำหัวกะทิ น้ำมะพร้าว เสร็จแล้ว เปิดไฟ ใช้ไฟกลางค่อนไฟอ่อน คนให้น้ำตาลโตนดละลาย ต้มต่อให้พอเดือด
  2. พอน้ำกะทิเดือดดีแล้ว ให้ใส่เม็ดแป้งบัวลอยที่ปั้นไว้ลงไป ต้มต่อ 1 นาที
  3. เมื่อเม็ดบัวลอย ลอยขึ้นมาด้านบนแล้ว แสดงว่าสุก ให้ใส่เนื้อมะพร้าวลงไป ต้มต่ออีกเล็กน้อย ให้ปิดเตาม แล้วตักขึ้นรับประทานได้เลย เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ตู้อบลมร้อน ตู้อบเบเกอรี่

ซ่าหริ่มน้ำกะทิ

ขนมหวาน

ขนมหวานไทย ในน้ำกะทิ ที่ตีคู่กันมากับ ทับทิมกรอบน้ำกะทิ รวมถึง บัวลอยไข่หวาน ด้วยสีสันและรสชาติ รวมไปถึงผลลัพธ์ของการทานแล้วอยู่ท้อง ทำให้หลายคนมักทาน ซ่าหริ่ม เป็นของหวานตบท้ายอยู่เสมอ

ส่วนผสมซ่าหริ่ม

  • แป้งถั่วเขียว 100 กรัม
  • น้ำสะอาด 650 กรัม
  • สีผสมอาหาร แดง เขียว

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  • กะทิอบควันเทียนพาสเจอร์ไรส์ 600 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาว 400 กรัม
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำซ่าหริ่ม

  1. ตั้งกระทะก้นลึก ใส่แป้งถั่วเขียว และน้ำ คนให้แป้งละลายเข้ากันในกระทะ
  2. พอเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่น้ำหวาน หรือสีผสมอาหารตามชอบ
  3. เปิดไฟ ใช้ไฟกลาง คนตลอดเวลาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แป้งที่สุก มีลักษณะใส และติดกันเป็นก้อนเหนียว
  4. ตักใส่กระป๋องกดสลิ่ม กดลงในน้ำเย็นจัด ทิ้งไว้ให้เซ็ตตัว
  5. ตักขึ้นใส่กระชอนสะเด็ดน้ำไว้ พร้อมเสิร์ฟ
  6. ทำเส้นซ่าหริ่มสีอื่น ๆ ตามขั้นตอนแบบเดียวกัน

วิธีทำน้ำกะทิ

  1. ตั้งหม้อ ใส่น้ำกะทิอบควันเทียนพาสเจอร์ไรส์ น้ำตาลทรายขาว เกลือ ใส่ลงไปในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำตาลทรายละลาย
  2. เคี่ยวต่อไป ให้น้ำกะทิร้อน แค่พอมีควัน ห้ามต้มจนเดือด
  3. ยกลงจากเตานำไปน็อคน้ำเย็นทันที เพื่อให้กะทิเก็บได้นานขึ้น

วิธีจัดเสิร์ฟ

  1. ตักเส้นซ่าหริ่มลงในชาม ตักน้ำแข็งใส น้ำกะทิราดลงไป เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้
กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ขนมชั้น

ขนมหวานไทย

ขนมชั้น มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม เด้ง เคี้ยวสู้ฟัน ทำให้เป็น ขนมหวานไทย ที่คนไทยแทบทุกคนคงได้ทานกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งด้วยความเชื่อที่ว่า ทานแล้ว จะมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า แก่ผู้รับประทาน รวมถึงผู้ที่ทำ ทำให้เป้นขนมไทย ที่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน

ส่วนผสม

  • แป้งมันสำปะหลัง 480 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 30 กรัม
  • แป้งท้าวยายหม่อม 150 กรัม
  • หัวกะทิ  900 กรัม
  • หางกะทิ 100 กรัม
  • ใบต้นใบเตย
  • น้ำใบเตยเข้มข้น 100 กรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 100 กรัม
  • น้ำตาล 950 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และ แป้งท้าวยายหม่อม ผสมกัน อบด้วยควันเทียนไว้ 1 คืน
  2. นำหัวกะทิ มาเคี่ยวจนกว่าจะได้น้ำมันใส ๆ ซึ่งเรียกว่า น้ำมันขี้โล้ กรองเอาแต่น้ำมัน ไม่เอากาก สำหรับไว้ทาถาดอบขนม
  3. นำใบต้นใบเตยมาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เสร็จแล้วใส่เครื่องปั่น เทหัวกะทิลงไปเล็กน้อย ปั่นจนละเอียด นำมากรองเอากากออก จนเหลือแต่น้ำใบเตย
  4. จากนั้น นำน้ำใบเตยที่กรองมาแล้ว ใส่เครื่องปั่นใหม่ เป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับใบเตยที่หั่นไว้ ปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้ว นำมากรองเอากากออก จนเหลือแต่น้ำใบเตย แล้วเทใส่เครื่องปั่นพร้อมกับใบเตยหั่น ปั่นอีกครั้ง ทำอย่างนี้ซ้ำ 3-4 รอบ เสร็จแล้ว จนเมื่อได้น้ำใบเตยออกมาในรอบสุดท้าย ให้นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ก็จะได้น้ำใบเตยที่เข้มข้นออกมา
  5. เตรียมชามผสมอาหาร ใส่น้ำตาลทรายขาวผสมกับเกลือเพียงเล็กน้อย แล้วใส่น้ำหางกะทิลงไป เสร็จแล้วนำไปตั้งไฟ ค่อย ๆ คนให้น้ำตาลละลายจนหมด จนกลายเป็นน้ำเชื่อม
  6. ต่อมา ให้ค่อย ๆ ตักน้ำหัวกะทิที่เคี่ยวไว้ ใส่ลงในชามผสมแป้งทั้ง 3 ชนิด แล้วใช้มือค่อย ๆ นวด จนเนื้อแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ติดภาชนะ ไม่ติดมือ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  7. เสร็จแล้ว ให้เทน้ำหัวกะทิลงในชาม ค่อย ๆ นวดให้แป้งละลายไปกับน้ำหัวกะทิ จนเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่เทเยอะจนเกินไป แค่พอให้แป้งละลายจนหมด)
  8. จากนั้น นำน้ำเชื่อมที่เคี่ยวไว้จนเดือด ค่อยเท ๆ ลงไป ระหว่างเท ให้ใช้ตะกร้อมือคนไปด้วย ขั้นตอนนี้สำคัญ ควรคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวกันเป็นเม็ด
  9. แยกน้ำแป้งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เป็นสีขาวและสีเขียว โดยสีขาว ให้เติมด้วยน้ำลอยดอกมะลิ 100 กรัม สีเขียวเติมน้ำใบเตยเข้มข้น 100 กรัม แล้วนำส่วนผสมสีขาวมากรองกับผ้าขาวบาง แล้วค่อยกรองสีเขียว
  10. นำน้ำมันขี้โล้ทาถาด ให้ทั่วรวมถึงขอบด้านข้างด้วย แล้วนำเฉพาะถาดไปนึ่งก่อน ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยเทแป้งสีเขียวสลับกับสีขาว เป็นชั้นบาง ๆ ลงไปให้ทั่วถาด เป็นจำนวน 9 ชั้น โดยระหว่างเทแต่ละชั้น ต้องดูให้ดีว่า ระดับเท่ากันหรือไม่ เพื่อให้ทุกชั้นระดับเท่ากัน แล้วนึ่งแต่ละชั้นแยกกัน โดยชั้นที่ 1 – 5 นึ่งชั้นละ 5 นาที ชั้นที่ 6 ใช้เวลานึ่ง 6 นาที ชั้นที่ 7 – 8 ใช้เวลานึ่ง 7 นาที และชั้นที่ 9 นึ่งเป็นเวลา 7นาที
  11. อบเสร็จแล้ว นำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ตกแต่งตามสะดวก เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ตู้อบลมร้อน ตู้อบเบเกอรี่

ขนมถ้วย

ขนมหวาน

ขนมถ้วย หน้ากะทิเข้มข้น สอดไส้แป้งผสมกับน้ำตาล เป็น ขนมหวานไทย ที่หาทานได้ง่ายมาก ๆ ในสมัยก่อน และมีราคาถูกด้วย ทำให้หลายคนทานแล้ว คงมีที่จะต้องกินแข่งกัน จนซ้อนถ้วยให้สูงขึ้นไปอยู่บ้าง แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้หาทานได้ยากขึ้นทุกวัน หากใครอยากให้รุ่นลูกรุ่นหลาน รู้จักกับขนมหวานนี้แล้วละก็ ลองทำให้ทานกันดู นอกจากจะได้ย้อนวัยเด็กแล้ว ยังทำให้ลูกหลานรู้จักกับขนมหวานไทยชนิดนี้อีกด้วย

ส่วนผสมไส้แป้ง

  • แป้งข้าวเจ้า 65 กรัม
  • แป้งมันหรือแป้งท้าวยายม่อม 15 กรัม
  • น้ำตาลโตนด 120 กรัม
  • กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์  200 กรัม
  • น้ำใบเตย 200 กรัม

ส่วนผสมหน้ากะทิ

  • กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์  400 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 20 กรัม
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • เกลือ 3 กรัม (1 ช้อนชา)

วิธีทำไส้แป้ง

  1. นำใบเตยมาหั่นหยาบ ๆ ใส่เครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อย จากนั้น ปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปกรองผ่านถุงชา ก็จะได้น้ำใบเตยเข้มข้นออกมา
  2. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลโตนด กะทิ และน้ำใบเตย จากนั้น คนส่วนผสมทั้งหมดให้ละลายเข้ากัน
  3. เตรียมซึ้งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด แล้ววางถ้วยตะไลลงไป นึ่งถ้วยให้ร้อน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
  4. พอครบเวลา ให้ตักแป้งหยอดลงไปครึ่งถ้วย จากนั้น ปิดฝา ใช้ไฟกลาง นึ่งต่ออีก 5-8 นาที

วิธีทำหน้ากะทิ

  1. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น คนให้เข้ากัน
  2. จากนั้น เทหัวกะทิลงไป คนให้น้ำตาลและแป้งละลายเข้ากัน
  3. ตักกะทิหยอดใส่ถ้วยตะไลให้พอดี อย่าล้นเกินขอบถ้วย จากนั้น ปิดฝาซึ้ง ใช้ไฟแรง นึ่งต่ออีก 7 นาที
  4. พอหน้ากะทิแตกมันดีแล้ว ให้ยกมาพักไว้ให้เย็น เป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ถุงซีลสูญญากาศ

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🥺🙏🏻

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ขนมเบื้อง

ขนมหวานไทย

อีกหนึ่ง ขนมหวานไทย ยอดฮิตที่มีขายกันทั่วไป ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับขนมเบื้อง ซึ่งสูตรนี้ สามารถทำได้ทั้งไส้เค็ม ไส้หวาน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนโดยการใส่ฝอยทอง เป็นไส้หวาน ส่วนกุ้งแห้ง ทำเป็นไส้เค็ม เพียงเท่านี้ ก็พร้อมทำขาย สร้างรายได้ได้แล้ว

ส่วนผสมแป้งขนมเบื้อง

  • แป้งข้าวเจ้า 240 กรัม
  • แป้งถั่วเขียว 100 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
  • น้ำปูนใส 200 มิลลิลิตร
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เกลือป่น ½ ช้อนชา

ส่วนผสมไส้ครีม

  • ไข่ขาว 4 ฟอง
  • น้ำตาลไอซิ่ง 2 ถ้วยตวง
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ฝอยทอง (ไส้หวาน)
  • หน้ากุ้ง (ไส้เค็ม)

วิธีทำ

  1. ทำแป้งขนมเบื้อง โดยเตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว จากนั้น เติมน้ำปูนใส ใช้ตะกร้อมือคนแป้งให้เข้ากัน จนเริ่มจับตัวเป็นก้อน
  2. ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ ใช้มือนวดทุกอย่างให้เข้ากัน จนได้แป้งสีน้ำตาลอ่อนเนื้อเนียนละเอียด
  3. ทำไส้ครีม โดยเตรียมชามผสม ใส่ไข่ขาว น้ำมะนาว จากนั้น ใช้เครื่องตี ตีจนไข่ขาวขึ้นฟู ระหว่างนี้ ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลไอซิ่งลงไปด้วย ตีต่อไปจนกว่าจะได้เนื้อครีมเนียนละเอียด ไม่ถึงกับข้น จนตั้งยอดติดกับตะกร้อ เมื่อเสร็จแล้ว ให้ปิดเครื่องตี พักไว้
  4. ตั้งกระทะ เปิดไฟอ่อน ใช้ช้อนตักแป้งขนมเบื้อง ค่อย ๆ หยอดลงในกระทะ ให้เป็นแผ่นกลมเล็ก ๆ หลาย ๆ ชิ้น พอแป้งเริ่มสุกดีแล้ว ให้ตักไส้ครีมลงไปตรงกลาง หยอดฝอยทองด้านบน ทำเป็นไส้หวาน และ กุ้งแห้งทำเป็นไส้เค็ม
  5. เสร็จแล้ว ใช้มีดกับมือประคอง พับแผ่นแป้งให้งอเข้าหากัน จากนั้น ตักใส่จาน พร้อมรับประทานได้เลย

สาคูไส้หมู

ขนมหวาน

สาคูไส้หมู อาจจะไม่ใช่ ขนมหวานไทย เสียทีเดียว แต่ก็ถือเป็นของทานเล่น ที่อร่อยมาก ๆ เหมาะกับการทำขาย เพื่อสร้างรายได้สุด ๆ ซึ่งด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มหนุบหนับจากแป้งสาคู สอดไส้ด้วยไส้หมูที่ผัดกับไชโป๊และถั่วลิสง จนมีรสเค็มอร่อย ทำให้ใครต่อใครเมื่อได้ทาน ต่างก็ต้องหลงรักเมนูนี้แทบทุกคน

ส่วนผสม

  • สาคูเม็ดเล็ก 200 กรัม
  • หมูบด 150 กรัม
  • ไชโป๊หวาน 150 กรัม
  • ถั่วลิสงคั่ว 100 กรัม
  • หอมแดง 80 กรัม
  • กระเทียม 30 กรัม
  • พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชี 15 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. เตรียมครกกับสาก ใส่พริกไทยเม็ดลงไป บดให้ละเอียด ตามด้วยกระเทียม รากผักชี โขลกให้ละเอียดเข้ากัน
  2. นำหอมแดงและกระเทียมอีกส่วนหนึ่งมาสับให้ละเอียด ใช้มีดหรือเครื่องปั่นก็ได้ จากนั้น ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป ใส่กระเทียมลงไป เจียวให้มีสีเหลืองทอง เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักไว้
  3. เปิดไฟกลางค่อนไฟอ่อน ใส่พริกไทย กระเทียม รากผักชี ที่โขลกไว้ลงไป ผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้น ใส่เนื้อหมูลงไป รวนให้เนื้อหมูสุก เสร็จแล้ว ใส่หอมแดง ไชโป๊หวาน ลงไป ผัดให้เข้ากัน
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว ผัดให้น้ำตาลละลายเข้ากัน พอได้รสชาติที่ต้องการแล้ว ให้ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักไว้
  5. ใส่สาคูเม็ดเล็กลงในกระชอน ร่อนเอาผงแป้งที่ยังคงติดอยู่กับเม็ดสาคูออกให้หมด จากนั้น เตรียมชามผสมใส่น้ำสะอาด เทเม็ดสาคูลงไป แช่น้ำทิ้งไว้ 15 นาที ระหว่างรอเม็ดสาคูอิ่มน้ำ ให้นำไส้สาคู มาปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ เตรียมไว้
  6. พอครบเวลา ให้เทกรองเอาน้ำแช่เม็ดสาคูออก เตรียมซึ้งนึ่งรองด้วยใบตองทาน้ำมัน กันแป้งเม็ดสาคูติดให้เรียบร้อย จากนั้น ใช้มือหยิบเอาแป้งเม็ดสาคูขึ้นมา ปั้นให้เป็นแผ่น เสร็จแล้ว นำเอาไส้สาคูมาวางไว้ตรงกลาง ห่อแป้งเม็ดสาคูให้เป็นทรงกลมให้เรียบร้อย วางลงในซึ้งนึ่ง ทำอย่างนี้จนกว่าจะได้ปริมาณสาคูตามที่ต้องการ
  7. ต้มน้ำในซึ้งนึ่งให้เดือด จากนั้น นำเอาสาคูไปนึ่ง ด้วยไฟแรง 3 – 4 นาที พอครบเวลา ให้ยกออกมา ใช้แปรงจุ่มน้ำมันทาลงบนสาคู เพื่อกันแป้งสาคูแต่ละลูกติดกัน
  8. จัดจาน เสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม พริกขี้หนูสวน โรยด้วยกระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จ

ขนมครก

ขนมหวาน

เป็นของหวานหน้าโรงเรียน ที่มีขายให้เห็นกันบ่อย ๆ สำหรับ ขนมครก ซึ่งแม้จะเป็นขนมชิ้นเล็ก ๆ แต่ก็มีเนื้อแป้งที่หนานุ่ม หอมกะทิ ทานแล้วอยู่ท้อง เหมาะกับทำขายเด็ก ๆ หรือ ผู้ใหญ่ที่อยากหาขนมหวาน ทานยามว่าง รับรองว่า หากทำเป็นแล้ว สามารถนำไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ได้อย่างแน่นอน

ส่วนผสมแป้งขนมครก

  • แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
  • ข้าวหอมมะลิหุงสุก 100 กรัม
  • น้ำปูนใส 120 กรัม (หาไม่ได้ใช้น้ำเปล่าแทนได้)
  • หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
  • หางกะทิ 250 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • เกลือสมุทร 2 ช้อนชา

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  • หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม (ไม่ชอบหวานลดเหลือ70กรัม)
  • เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา.
  •  แป้งข้าวเจ้าตราหมีคู่ดาว 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมไส้ขนมครก

  • ข้าวโพดหวานฝานบางๆ นึ่งสุก 1-2 ฝัก
  • เผือกหอมหั่นเต๋านึ่งสุก 1 ถ้วย
  • ต้นหอมซอย 1 ถ้วย

อุปกรณ์

  • เตาขนมครก
  • ผ้าเช็ดเตาขนมครก
  • น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. แกะเม็ดข้าวโพดออกจากฝัก หั่นเผือกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้น ต้มน้ำในซึ้งนึ่งให้เดือด นำข้าวโพด เผือก ใส่ชามแยกกัน นำไปนึ่งในซึ้งด้วยไฟแรง เป็นเวลา 20 นาที
  2. ทำแป้งขนมครก โดยเตรียมเครื่องปั่น ใส่แป้งข้าวเจ้า ข้าวหอมมะลิหุงสุก น้ำปูนใส หัวกะทิ หางกะทิ น้ำตาลทราย เกลือสมุทร ปั่นรวมกันให้ละเอียด พอละเอียดดีแล้ว ให้เทใส่ชามผสม พักแป้งไว้ 30 นาที
  3. ทำน้ำกะทิ โดยเตรียมชามผสม ใส่หัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือสมุทร แป้งข้าวเจ้า จากนั้น ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ไม่มีแป้งติดกันเป็นเม็ด
  4. เทแป้งขนมครก และ น้ำกะทิ ใส่กาน้ำแยกกัน โดยให้ใส่ช้อนไว้ข้าวในด้วย เพื่อให้เวลาหยอด จะได้ใช้ช้อนคนเป็นระยะ ไม่ให้ส่วนผสมข้างในนอนก้น
  5. ตั้งเตา ใช้เตาแก็สหรือเตาถ่านก็ได้ เปิดไฟแรง วอร์มเตาขนมครกให้ร้อนก่อน พอเตาร้อนดีแล้ว ให้ลดเป็นไฟอ่อน ใช้ผ้าเช็ดเตา เช็ดหลุมขนมครกให้แห้ง จากนั้น ค่อย ๆ หยอดแป้งขนมครกลงไป ตามด้วยน้ำกะทิทันที เสร็จแล้ว โรยต้นหอมลงไป
  6. สำหรับชิ้นที่จะทำไส้ข้าวโพด หรือ เผือก ให้เช็กก่อนว่า แป้งและกะทิเซ็ตตัวดีหรือยัง ถ้าเซ็ตตัวดีแล้ว ถึงค่อยใส่ลงไป เพื่อไม่ให้จมลงไปในแป้งขนมครก เสร็จแล้ว นำฝาอบมาปิดไว้ อบให้แป้งสุกเป็นเวลา 5 นาที
  7. พอครบเวลา ให้ใช้ช้อนแคะเอาขนมครกขึ้นมา จัดเสิร์ฟ เป็นอันเสร็จ

ข้าวเหนียวมะม่วง

ขนมหวานไทย

เมนู ขนมหวานไทย ยอดฮิต ที่เคยไปปรากฏบนคอนเสิร์ตระดับโลกมาแล้ว สำหรับ ข้าวเหนียวมะม่วง  ซึ่งถ้าหากซื้อทาน จะต้องเสียเงินหลักร้อยต่อชุดกันเลยทีเดียว แต่ถ้าหากรู้จักทำเองแล้วละก็ นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้ว ยังสามารถทำขายเพื่อสร้างรายได้ได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว ใครมีมะม่วงสุกอยู่ที่บ้าน หาทำด่วน สุดปังแน่นอน !!!

ส่วนผสมข้าวเหนียวมะม่วง

  • มะม่วงสุก 1 ลูก (ใช้พันธุ์อกร่อง หรือ น้ำดอกไม้ก็ได้)
  • ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 กิโลกรัม
  • หัวกะทิ 800 กรัม
  • เกลือป่น ครึ่งช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 300 กรัม
  • ใบเตยสด 4-5 ใบ

ส่วนผสมน้ำกะทิ

  • หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำข้าวเหนียวมะม่วง

  1. ทำข้าวเหนียมูน เริ่มจากล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงูให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า ถ้าจะให้ดี ควรแช่ด้วยสารส้มทิ้งไว้ 10 นาที แล้วซาวข้าวเหนียวจนน้ำออกเป็นสีใส
  2. แช่ข้าวเหนียวในน้ำสะอาดทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความนุ่ม
  3. รินน้ำออกให้หมด และพักข้าวเหนียวเอาไว้จนสะเด็ดน้ำ หุงข้าวเหนียวในหม้อนึ่ง หรือซึ้ง รองด้วยผ้าขาวบางก่อน หากทำกินเองที่บ้าน ก็สามารถหุงในหม้อหุงข้าวได้ และถ้าอยากเพิ่มความหอม ให้มัดใบเตยใส่ลงไปในหม้อนึ่งด้วย
  4. ระหว่างรอข้าวเหนียวสุก ให้เตรียมกะทิสำหรับมูน โดยเคี่ยวหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือในหม้อ ใช้ไฟอ่อน ๆ ใส่ใบเตยลงไป เพื่อเพิ่มความหอม เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย และส่วนผสมเข้ากันดี แล้วปิดไฟได้เลย
  5. เมื่อข้าวเหนียวสุกแล้ว ให้ใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวแล้วลงไป ใช้ทัพพีผสมคลุกเคล้าอย่างเบามือ จนเม็ดข้าวเหนียวเริ่มร่วน แล้วปิดฝาทิ้งไว้ให้ระอุ 10-15 นาที ก็จะได้ข้าวเหนียวมูนหอม ๆ รสชาติหวานมันเค็มแล้ว
  6. ตักข้าวเหนียวมูนใส่จาน นำมะม่วงสุกมาปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมเสิร์ฟ

วิธีทำน้ำกะทิ

  1. ละลายแป้งข้าวเจ้าในน้ำสะอาด แล้วพักไว้
  2. ใส่หัวกะทิในหม้อตั้งไฟอ่อน ใส่เกลือ และแป้งข้าวเจ้าลงไป เคี่ยวให้เข้ากัน
  3. คอยสังเกตว่าส่วนผสมเข้ากัน และมีความข้นดีแล้ว ปิดไฟได้เลย เสร็จแล้ว เสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอันเสร็จ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

6 กุมภาพันธ์ 2024

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

guest
0 Comments
โหวตสูงสุด
ใหม่สุด เก่าสุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด