15 สูตร มัฟฟิน แป้งฟูเนื้อนุ่ม หลากรสชาติ หวานอร่อยไม่เหมือนใคร

มัฟฟิน ทำอย่างไรให้ แป้งฟูเนื้อนุ่ม หลากรสชาติ หวานอร่อยไม่เหมือนใคร SGE มี 15 สูตรมาฝาก
ใครชอบเบเกอรี่ชิ้นเล็ก ๆ กินง่าย ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น แล้วละก็ ตามมาดูกันเลย ทำกินก็ง่าย ทำขายก็ดี

มัฟฟินช็อคโกแลต

เริ่มต้นกันที่ มัฟฟินช็อคโกแลต สูตรมัฟฟินที่ใคร ๆ ก็ชอบรับประทาน เพียงแค่ใส่ผงโกโก้ พร้อมกับใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป เพียงเท่านี้ ก็จะได้มัฟฟินรสชาติหวานมันเข้มข้น อร่อยไม่เหมือนใครแล้ว

ส่วนผสม

• ช็อกโกแลตชิพ 150 กรัม
• แป้งเค้ก 170 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ผงโกโก้ 20 กรัม
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทราย 140 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 95 กรัม
• น้ำมันพืช 110 กรัม

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทราย เกลือ กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันอีกรอบ
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู ผงโกโก้ ลงในชามผสม แล้วเทส่วนผสมของเหลวลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี
3. ใส่น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป (เหลือบางส่วนสำหรับโรยหน้า) ผสมให้เข้ากันอีกรอบ
4. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วโรยช็อกโกแลตชิพบนหน้าขนมตามชอบ
5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 15 – 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินช็อคโกแลตชิพ

หากใครอยากทำมัฟฟินช็อกโกแลตแบบง่าย ๆ แนะนำสูตรนี้เลย แค่ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป ก็จะได้มัฟฟินรสช็อกโกแลตแบบง่าย ๆ ไว้รับประทานยามว่างแล้ว

ส่วนผสม

• ช็อกโกแลตชิพ 150 กรัม
• แป้งเค้ก 170 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทราย 140 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 95 กรัม
• น้ำมันพืช 110 กรัม

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทราย เกลือ กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันอีกรอบ
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู ลงในชามผสม แล้วเทส่วนผสมของเหลวลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี
3. ใส่น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป (เหลือบางส่วนสำหรับโรยหน้า) ผสมให้เข้ากันอีกรอบ
4. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วโรยช็อกโกแลตชิพบนหน้าขนมตามชอบ
5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 15 – 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินบลูเบอร์รี่

มัฟฟินรสผลไม้ ที่ใครได้กินเป็นต้องหลงรัก สามารถทำได้ โดยจะใส่บลูเบอร์รี่ลงไปทั้งลูก หรือ จะใช้แยมบลูเบอร์รี่แทนก็ได้ เปรี้ยวหวาน อร่อยแน่นอน

ส่วนผสม

• บลูเบอร์รี่สด 150 กรัม
• แป้งเค้ก 190 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทราย 140 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• นมสดรสจืด 95 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 110 กรัม

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทราย เกลือ นมสดรสจืด กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันอีกรอบ
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู ลงในชามผสม แล้วเทส่วนผสมของเหลวลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี
3. ใส่น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ใส่บลูเบอร์รี่ลงไป (เหลือบางส่วนสำหรับโรยหน้า) ผสมให้เข้ากันอีกรอบ
4. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วใส่บลูเบอร์รี่บนหน้าขนมตามชอบ
5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 15 – 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินสตรอว์เบอร์รี่

อีกหนึ่งผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่เหมาะกับนำมาทำมัฟฟิน ให้สีสันชมพูน่ารัก น่ารับประทาน จะใส่สตรอว์เบอร์รี่ลงไปทั้งลูก หรือ จะใช้แยมสตรอว์เบอร์รี่แทนก็ได้ เช่นเดียวกัน

ส่วนผสม

• สตรอว์เบอร์รี่ 5 – 6 ผล
• น้ำตาลทราย (สำหรับโรยหน้ามัฟฟิน)
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 130 กรัม
• เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
• ผงฟู ½ ช้อนชา
• เนยจืดนิ่ม 70 กรัม
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• ไข่ไก่เบอร์ใหญ่ 1 ฟอง
• เกลือ ¼ ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
• นมสดรสจืด 90 กรัม

วิธีทำ

1. ใช้มีดหั่นสตรอว์เบอร์รี่เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
2. เตรียมชามผสม ใส่เนยจืดนิ่ม แล้วใช้เครื่องตีแป้งตีเนยให้ขึ้นฟู จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีให้เข้ากันอีกรอบ
3. ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ตามด้วย กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันดี จนกว่าจะได้เนื้อครีมเนียนข้น (หมั่นปาดขอบโถบ่อย ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน)
4. ใช้กระชอนร่อนแป้งสาลี เบกกิ้งโซดา ผงฟู ลงไป แล้วใช้เครื่องตีแป้งตีให้เข้ากันดี
5. ระหว่างตี ให้ค่อย ๆ เทนมรสจืดลงไปทีละน้อย ตีให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
6. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วใส่สตรอว์เบอร์รี่หั่นชิ้นบนหน้าขนม โรยน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ตามชอบ
7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 25 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินราสป์เบอร์รี่

ราสป์เบอร์รี่ให้รสเปรี้ยวหวาน ไม่แพ้ผลไม้เบอร์รื่อื่น ๆ ดังนั้น หากใครเบื่อสตรอว์เบอร์รี่ อยากใช้ราสป์เบอร์รี่ทำมัฟฟินแทนแล้วละก็ แนะนำเลย

ส่วนผสม

• ราสป์เบอร์รี่ 5 – 6 ผล
• น้ำตาลทราย (สำหรับโรยหน้ามัฟฟิน)
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 130 กรัม
• เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
• ผงฟู ½ ช้อนชา
• เนยจืดนิ่ม 70 กรัม
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• ไข่ไก่เบอร์ใหญ่ 1 ฟอง
• เกลือ ¼ ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
• นมสดรสจืด 90 กรัม

วิธีทำ

1. ใช้มีดหั่นราสป์เบอร์รี่เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
2. เตรียมชามผสม ใส่เนยจืดนิ่ม แล้วใช้เครื่องตีแป้งตีเนยให้ขึ้นฟู จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีให้เข้ากันอีกรอบ
3. ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ตามด้วย กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันดี จนกว่าจะได้เนื้อครีมเนียนข้น (หมั่นปาดขอบโถบ่อย ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน)
4. ใช้กระชอนร่อนแป้งสาลี เบกกิ้งโซดา ผงฟู ลงไป แล้วใช้เครื่องตีแป้งตีให้เข้ากันดี
5. ระหว่างตี ให้ค่อย ๆ เทนมรสจืดลงไปทีละน้อย ตีให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
6. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วใส่ราสป์เบอร์รี่หั่นชิ้นบนหน้าขนม โรยน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ตามชอบ
7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 25 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินลูกเกด

ลูกเกด กินกับขนมปังเบเกอรี่เข้ากันสุด ๆ  รวมถึงมัฟฟินด้วย ใครอยากกินเยอะใส่เยอะ ใครอยากกินน้อยใส่น้อย รับรองว่า อร่อยถูกใจคนทุกเพศทุกวัย แน่นอน

ส่วนผสม

• ลูกเกด 100 กรัม
• แป้งเค้ก 190 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทราย 140 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• นมสดรสจืด 95 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 110 กรัม

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทราย เกลือ นมสดรสจืด กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันอีกรอบ
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู ลงในชามผสม แล้วเทส่วนผสมของเหลวลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี
3. ใส่น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ใส่ลูกเกดลงไป (เหลือบางส่วนสำหรับโรยหน้า) ผสมให้เข้ากันอีกรอบ
4. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วใส่ลูกเกดบนหน้าขนมตามชอบ
5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 15 – 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินฟักทอง

ฟักทอง มีรสหวาน และ ให้สีส้มสวยงาม รับรองว่า เอามาทำเป็น มัฟฟิน อร่อยแน่นอน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับทำเป็นของหวาน ไว้เฉลิมฉลองในวันฮาโลวีนอีกด้วย

ส่วนผสม

• ฟักทองบด 280 กรัม
• แป้งเค้ก 190 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1 ½ ช้อนชา
• ผงเครื่องเทศรวม 1/2 ช้อนชา
• ผงขิง 1/4 ช้อนชา
• ผงจันทน์เทศ 1/4 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
• น้ำตาลทรายไม่ขัดสี 100 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• นมสดรสจืด 60 มิลลิลิตร
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 120 กรัม

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงอบเชย ผงเครื่องเทศรวม ผงขิง ผงจันทน์เทศ ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
2. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายไม่ขัดสี เกลือ นมสดรสจืด กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช ฟักทองบด ตีให้เข้ากัน
3. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
4. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 218 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 5 นาที แล้วลดเหลืออุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 15 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินแอปเปิ้ล

ใครชอบกินแอปเปิ้ล แนะนำให้หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในมัฟฟิน จะช่วยเพิ่มรสสัมผัส และ รสชาติเปรี้ยวหวาน ทำให้การกินมัฟฟินอร่อยมากขึ้น

ส่วนผสม

• แอปเปิ้ล 2 ผล
• แป้งเค้ก 180 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วย
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 60 กรัม

วิธีทำ

1. ใช้มีดหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นเล็ก ๆ
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
3. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายไม่ขัดสี เกลือ เนยจืดละลาย กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป แล้วใส่แอปเปิ้ลลงไปด้านบนตามชอบ
6. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 5 นาที แล้วลดเหลืออุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 15 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินกล้วยหอม

มัฟฟินกล้วยหอม เป็นอีกหนึ่งรสชาติที่เป็นที่นิยมไม่น้อย โดยวิธีทำให้นำกล้วยหอมมาบดให้ละเอียดก่อน จากนั้น จึงค่อยนำมาผสมกับแป้งมัฟฟิน รับรองว่า จะมีกลิ่นหอมหวานอร่อย ไม่เหมือนใคร

ส่วนผสม

• กล้วยหอม 3 ผล
• แป้งเค้ก 180 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วย
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 60 กรัม

วิธีทำ

1. ปอกเปลือกกล้วย แล้วใช้ที่บด บดกล้วยให้ละเอียด
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงอบเชย ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
3. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายไม่ขัดสี เกลือ เนยจืดละลาย กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช กล้วยบด ตีให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
6. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 5 นาที แล้วลดเหลืออุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 15 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินเลม่อน

เอาใจคนชอบรสเปรี้ยวกับ มัฟฟินเลม่อน ใส่ผิวเลม่อนขูด นอกจากจะให้สีเหลืองน่ากินแล้ว ยังให้รสชาติเปรี้ยวจี๊ดถึงใจอีกด้วย

ส่วนผสม

• ผิวเลม่อนขูด 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งเค้ก 300 กรัม
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• ผงฟู 2 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 180 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• นมสด 78 มิลลิลิตร
• นมกรีกโยเกิร์ต 245 กรัม
• เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วย
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาล 100 กรัม (ซอสเคลือบ)
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ (ซอสเคลือบ)

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
2. ใช้ที่ขูด ขูดผิวเลม่อน ลงในชามผสม จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายลงไป แล้วคลุกกับผิวเลม่อนขูด ให้เข้ากัน
3. ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน แล้วเทใส่ลงไป จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว เกลือ กลิ่นวานิลลา นมสด นมกรีกโยเกิร์ต เนยจืดละลาย ตีให้เข้ากันอีกรอบ
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
6. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 นาที
7. ทำซอสเคลือบ โดยเตรียมชามผสม ใส่น้ำตาลทราย น้ำมะนาวตีให้เข้ากันเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้น้ำซอสเข้มข้น
8. นำมัฟฟินออกมา ราดซอสเคลือบลงไป เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินเลม่อนป๊อปปี้ซี้ด

สูตร มัฟฟิน ที่นอกจากจะได้รสเปรี้ยวจี๊ดจากผิวเลม่อนขูดแล้ว ยังได้รับคุณค่าทางสารอาหารจากเมล็ดป๊อปปี้ บรรเทาอาการหอบหืด ท้องผูก ท้องเสีย และ ช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้นอีกด้วย

ส่วนผสม

• ผิวเลม่อนขูด 2 ช้อนโต๊ะ
• เมล็ดป๊อปปี้ 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งเค้ก 300 กรัม
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• ผงฟู 2 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 180 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• นมสด 78 มิลลิลิตร
• นมกรีกโยเกิร์ต 245 กรัม
• เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วย
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา เมล็ดป๊อปปี้ ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
2. ใช้ที่ขูด ขูดผิวเลม่อน ลงในชามผสม จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายลงไป แล้วคลุกกับผิวเลม่อนขูด ให้เข้ากัน
3. ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน แล้วเทใส่ลงไป จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว เกลือ กลิ่นวานิลลา นมสด นมกรีกโยเกิร์ต เนยจืดละลาย ตีให้เข้ากันอีกรอบ
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
6. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินบานาน่าช็อกโก

เป็น มัฟฟิน อีกหนึ่งรสชาติ ที่ไม่ควรพลาด ใส่ทั้งกล้วยหอมและช็อกโกแลตลงไป รับรองว่า หวานหอมอร่อย เข้มข้นถึงใจแน่นอน

ส่วนผสม

• กล้วยหอม 3 ผล
• ช็อกโกแลต 1 ถ้วย
• แป้งเค้ก 180 กรัม
• เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 1 ฟอง (เบอร์ 1)
• น้ำตาลทรายขาว 110 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• เนยจืดละลาย 1/3 ถ้วย

วิธีทำ

1. ปอกเปลือกกล้วย แล้วใช้ที่บด บดกล้วยหอมให้ละเอียด
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก เบกกิ้งโซดา ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
3. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว เกลือ กลิ่นวานิลลา เนยจืดละลาย กล้วยบด ตีให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป ตะล่อมให้เข้ากันอีกรอบ (เหลือบางส่วนสำหรับโรยหน้าด้วย)
6. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
7. โรยหน้าขนมด้วย ช็อกโกแลตชิพ ที่เหลือ ตามชอบ
8. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินซูกินี่

แม้ซูกินี่จะเป็นผัก แต่ก็สามารถนำมาเป็นส่วนผสมในของหวาน อย่าง มัฟฟิน ได้เหมือนกัน เพียงแค่ขูดเป็นเส้นเล็ก ๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับ ถั่ววอลนัท เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส เพียงแค่นี้ ก็จะได้รสชาติของมัฟฟิน ที่แปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน

ส่วนผสม

• ซูกินี่ขูดเส้น 2 ถ้วย
• ถั่ววอลนัทสับละเอียด 1 ½ ถ้วย
• แป้งเค้ก 240 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1 ช้อนชา
• ผงจันทน์เทศ 1/4 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 67 กรัม
• น้ำตาลทรายไม่ขัดสี 100 กรัม
• เกลือ 1 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 60 กรัม

วิธีทำ

1. ใช้มีดสับถั่ววอลนัทให้ละเอียด จากนั้น ใช้ที่ขูดผัก ขูดซูกินี่ให้ได้ 2 ถ้วย
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงอบเชย ผงจันทน์เทศ ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
3. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายไม่ขัดสี เกลือ กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. ใส่ซูกินี่ ถั่ววอลนัทสับลงไป ตะล่อมให้ทุกอย่างเข้ากันอีกรอบ
6. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินกล้วยโอ๊ตมีล

หากใครอยากกินมัฟฟินที่มีรสสัมผัสกรุบกรอบ และ ดีต่อสุขภาพแล้วละก็ แนะนำให้ใส่ กล้วยหอม กับ ข้าวโอ๊ต ผสมกัน รับรองว่า หวานอร่อย แคลอรี่ต่ำ แน่นอน

ส่วนผสม

• กล้วยหอม 2 ผล
• ข้าวโอ๊ต 1 ½ ถ้วย
• แป้งเค้ก 180 กรัม
• ผงฟู 1 ½ ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 140 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• นมสด 120 มิลลิลิตร
• น้ำมันพืช 60 กรัม

วิธีทำ

1. ปอกเปลือกกล้วย แล้วใช้ที่บด บดกล้วยให้ละเอียด
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงอบเชย ข้าวโอ๊ต ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
3. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว เกลือ กลิ่นวานิลลา นมสด น้ำมันพืช กล้วยบด ตีให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
6. โรยหน้าขนมด้วย ข้าวโอ๊ต ตามชอบ
7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ

มัฟฟินแครอทโอ๊ตมีล

อีกหนึ่งสูตร มัฟฟิน เพื่อสุขภาพ ที่คนรักของหวาน ไม่ควรพลาด ใส่แครอทขูดเส้นผสมกับข้าวโอ๊ต รับรองว่า กินแล้วอยู่ท้อง แถมให้พลังงานสูง แคลอรี่ต่ำอีกด้วย

ส่วนผสม

• แครอทขูดเส้น 2 ถ้วยตวง
• ข้าวโอ๊ต 1 ½ ถ้วย
• แป้งเค้ก 180 กรัม
• ผงฟู 1 ½ ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์1)
• น้ำตาลทรายขาว 140 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 60 กรัม

วิธีทำ

1. ใช้ที่ขูดผัก ขูดแครอทเป็นเส้นเล็ก ๆ
2. เตรียมชามผสมของแห้ง ใช้กระชอน ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงอบเชย ข้าวโอ๊ต ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน
3. เตรียมชามผสมของเหลว ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายขาว เกลือ กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช ตีให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมของแห้ง ลงใน ส่วนผสมของเหลว ตะล่อมให้เข้ากัน
5. ใส่แครอทขูดเส้นลงไป ตะล่อมให้เข้ากันอีกรอบ
6. เตรียมถ้วยขนาดเล็ก รองด้วยกระทงมัฟฟินให้เรียบร้อย จากนั้น เทแป้งขนมลงไป
7. โรยหน้าขนมด้วย ข้าวโอ๊ต ตามชอบ
8. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ

เป็นยังไงกันบ้างกับ 15 สูตร มัฟฟิน ที่ SGE นำมาฝาก ทำตามได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ หากใครชอบเบเกอรี่ชิ้นเล็ก ๆ  กินง่าย ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น แล้วละก็ ลองทำมัฟฟินแต่ละสูตรไว้ได้เลย รับรองว่า แป้งฟูเนื้อนุ่ม หลากรสชาติ หวานอร่อยไม่เหมือนใคร แน่นอน

สำหรับใครที่อยากได้เตาอบ ให้แป้งมัฟฟินขึ้นฟู เนื้อนุ่มสวยงาม ขอแนะนำ เตาอบ Convection ของ SGE ทำความร้อนสูงสุดได้ถึง 350 องศาเซลเซียส พร้อมกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง ทำให้แป้งขนมสุก นุ่มฟูสวย เหมาะสำหรับทำขนมหวาน เบเกอรี่ต่าง ๆ ทั้งไทยและเทศ ในรูปแบบครัวเรือน และ ธุรกิจ SME สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/product/convection-oven/ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง โทรศัพท์ Line ของเราได้เลย

บทความที่น่าสนใจ

• เปิดสูตร คัสตาร์ดเค้ก เนื้อนุ่มหวานละมุน หอมกลิ่นคาราเมล
• วิธีทำ ซูเฟล่ Souffle 3 รสชาติยอดฮิต แป้งนุ่มฟูเบา เนื้อนุ่มสไตล์ฝรั่งเศส
• วิธีทำ ซูเฟล่แพนเค้ก ไม่ใช้เตาอบ แป้งฟูนุ่มลิ้น เมนูอร่อยยามเช้า
• 15 สูตร คัพเค้ก มินิเบเกอรี่ แป้งนุ่มละมุน กินง่าย หวานอร่อย