7 เมนู น้ำกะทิ ขนมไทยหวานเย็น แสนอร่อย ทำง่าย ๆ ได้เองที่บ้าน
น้ำกะทิ เป็นส่วนประกอบสำคัญในขนมไทยหลากหลายเมนู ซึ่งด้วยรสชาติที่หวานหอม เข้มข้น ทำให้มีความอร่อย และเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หากใครอยากทำ ขนมไทยราดน้ำกะทิ ไว้กินแบบขนมหวานเย็นชื่นใจแล้วละก็ SGE มีเมนูมาฝาก รับรองว่าอร่อยและทำได้ไม่ยาก ตามมาดูกันเลย
ลอดช่องน้ำกะทิ
ลอดช่องน้ำกะทิ เป็นของหวานยอดนิยมของคนไทย ซึ่งสูตรที่เรานำมาฝากกันนั้น เป็นสูตร ลอดช่องวัดเจษ เรียกได้ว่าเป็นสูตรการทำแบบคนไทยแท้ ๆ โดย น้ำกะทิ นั้นจะเคี่ยวและเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลมะพร้าว ทำให้มีสีน้ำตาลอ่อน ๆ เมื่อตักทานคู่กับเส้นลอดช่องที่มีลักษณะเรียวเล็ก เนื้อเนียนนุ่ม มีกลิ่นหอมจากใบเตย ก็จะทำให้ได้รสชาติที่อร่อย ถูกปากคนไทย
ส่วนผสมลอดช่อง
- แป้งข้าวเจ้า 600 กรัม
- แป้งมัน 200 กรัม
- ใบเตย 200 กรัม
- น้ำปูนใส 5 กิโลกรัม
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
- น้ำตาลมะพร้าวแท้ 6 ขีด
วิธีทำลอดช่อง
- หั่นใบเตยอย่างหยาบ ๆ แล้วนำใส่เครื่องปั่น เทน้ำปูนใสลงไปเล็กน้อย ปั่นจนกว่าใบเตยจะละเอียด เสร็จแล้ว นำมากรองผ่านผ้าขาวบาง ใส่ชามผสม
- ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน คนให้แป้งและน้ำใบเตยละลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้น เทผ่านกระชอน กรองใส่ลงในหม้อต้ม
- ต้มด้วยไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ และคอยเติมน้ำปูนใสลงไปเป็นระยะ จนกว่าแป้งที่เป็นเม็ด จะละลายเป็นเนื้อเนียน แต่ระวังอย่าเติมมากเกินไปเดี๋ยวแป้งจะเหลว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
- เมื่อแป้งละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อเนียนสีเขียวสวย ไม่จับตัวเป็นเม็ดแล้ว ให้เตรียมน้ำสะอาดแช่น้ำแข็งไว้ พอครบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ให้เทแป้งลงในหม้อกดลอดช่อง ให้ลอดช่องไหลลงในน้ำเย็น เสร็จแล้ว นำไปกรองผ่านกระชอน กรองเอาน้ำออก เป็นอันเสร็จ
วิธีทำน้ำกะทิ
- บี้น้ำตาลมะพร้าวให้แตกเป็นเนื้อหยาบ ๆ แล้วนำใส่ลงในหัวกะทิ ใช้มือบี้และคนให้น้ำตาลมะพร้าวละลายเป็นเนื้อเดียวกันกับหัวกะทิ
- นำน้ำหัวกะทิไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ลงในหม้อ จากนั้น นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ คนให้หัวกะทิร้อน แต่อย่าให้เดือดจนแตกมัน จากนั้น ตักขึ้นใส่ชาม ทานคู่กับลอดช่องและน้ำแข็ง เป็นอันเสร็จ
ทับทิมกรอบน้ำกะทิ
ด้วยทับทิมที่มีรสสัมผัสกรอบ อร่อย กินคู่กับ น้ำกะทิ ที่ให้รสหวานเย็นชื่นใจ ทำให้เมนู ทับทิมกรอบน้ำกะทิ เป็นขนมไทยยอดนิยมอีกอย่างหนึ่ง ที่แทบจะเป็นจุดขายของร้านน้ำแข็งใสทุกร้านเลยก็ว่าได้
ส่วนผสมตัวทับทิมกรอบ
- แห้วดิบ 500 กรัม
- แป้งมัน
ส่วนผสมกะทิสด
- กะทิอบควันเทียนแบบพาสเจอร์ไรส์ 500 กรัม
- น้ำเปล่า 90 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- นมข้นจืด 40 กรัม
ส่วนผสมน้ำเชื่อม
- น้ำเปล่า 400 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 500 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม
วิธีทำทับทิมกรอบ
- ล้างแห้วให้สะอาด ล้างหลาย ๆ รอบ จนกว่าน้ำที่ล้างแห้วจะใส จากนั้น พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
- ต้มน้ำให้เดือดจัด เสร็จแล้ว ใส่แห้วลงไป ต้มให้เดือดจนกว่าจะมีฟองลอยปุดขึ้นมา แสดงว่าแห้วต้มจนสุกแล้ว ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำและเย็นสนิท
- นำแห้วที่เย็นสนิทแล้ว แช่น้ำหวานสีแดง ในกะละมังก้นแบน ประมาณ 20 นาที หรือให้สีซึมเข้าไป
- พอครบเวลาและสีซึมเข้าไปดีแล้ว ให้คลุกแห้วกับน้ำหวานที่เหลือ เพื่อไม่ให้แห้ง ถ้ามีน้ำเยอะมากเกินไปให้ตักออก จากนั้น ใส่แป้งมันลงไป คลุกเคล้าให้ทั่ว
- ตักแห้วใส่กระชอน เขย่าเอาแป้งส่วนเกินทิ้งไป
- นำไปลวกในน้ำเดือด เมื่อลอยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักขึ้น น็อกในน้ำเย็น
- นำไปล้างน้ำให้หายร้อนอีกครั้งหนึ่ง ใส่ตะกร้า พักให้สะเด็ดน้ำ
- เติมน้ำเชื่อมลงไปเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ทับทิมกรอบติดกันเป็นก้อน
วิธีทำน้ำกะทิ
- เตรียมหม้อต้ม ใส่กะทิ น้ำเปล่า เกลือ คนก่อนเล็กน้อย แล้วยกขึ้นตั้งไฟ ให้ร้อนจัด ๆ แค่พอมีควัน ไม่ร้อนจนเดือดปุด ๆ
- เติมนมข้นจืด คนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ นำไปน็อคน้ำเย็นทันที เพื่อให้กะทิเก็บได้นานขึ้น
วิธีทำน้ำเชื่อม
- ใส่น้ำเปล่าในหม้อต้ม ตั้งน้ำให้เดือด
- พอน้ำเดือดให้ใส่น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง คนให้น้ำตาลละลาย พอเดือด ให้หรี่ไฟ แล้วเคี่ยวต่อ 5 นาที
- พอครบเวลา ให้ยกออก พักไว้ให้เย็นสนิท
วิธีจัดเสิร์ฟ
– ตักทับทิมกรอบใส่ชาม ราดน้ำเชื่อมเล็กน้อย ตามด้วยน้ำแข็งใส และ น้ำกะทิ เป็นอันเสร็จ
บัวลอยไข่หวาน
ใครชอบทานบัวลอย ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะสูตรนี้จะมาสอนการทำ แป้งบัวลอย 3 สีแบบละเอียดยิบ พร้อมเทคนิคคั้น น้ำกะทิ ด้วยตัวเอง ที่จะทำให้ได้น้ำหัวกะทิเข้มข้น ซึ่งถึงแม้ว่าแต่ละขั้นตอนอาจจะใช้เวลาในการทำนาน แต่รับรองว่า ผลลัพธ์คุ้มค่า ได้ทำทานแล้ว หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่นอน
ส่วนผสมบัวลอยสีม่วง
- มันเทศสีม่วงนึ่งสุก 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน
- ส่วนผสมบัวลอยสีฟ้า
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน
ส่วนผสมบัวลอยสีแดง
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำบีทรูท 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน
ส่วนผสมไข่หวาน
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- น้ำ 300 มิลลิลิตร
- ขิงแก่ 1 แง่งเล็ก
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ (สำหรับคั้นหางกะทิ) 700 มิลลิลิตร
- น้ำมะพร้าว 650 มิลลิลิตร
- น้ำตาลโตนด 120 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 200 กรัม
- ใบเตย 4 ใบ
วิธีทำบัวลอยสีม่วง
- บดมันม่วงให้ได้เนื้อละเอียด ใส่ลงในชามผสม
- ใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน คลุกเคล้าให้พอเข้ากัน
- พอเข้ากันแล้ว ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปเป็นระยะ ๆ แล้วใช้มือนวดแป้งสลับกันไป เพื่อไม่ให้แป้งเหลว
- เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้นวดต่อจนกว่าจะได้แป้งที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้ว ใส่ชาม ใช้พลาสติกแรปปิดเอาไว้
- ดึงเนื้อแป้งออกมา ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ
วิธีทำบัวลอยสีฟ้า
- เตรียมชามผสม ใส่น้ำอัญชันลงไป ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน คลุกเคล้าให้พอเข้ากัน
- พอเข้ากันแล้ว ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปเป็นระยะ ๆ แล้วใช้มือนวดแป้งสลับกันไป เพื่อไม่ให้แป้งเหลว
- เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้นวดต่อจนกว่าจะได้แป้งที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้ว ใส่ชาม ใช้พลาสติกแรปปิดเอาไว้
- ดึงเนื้อแป้งออกมา ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ
วิธีทำบัวลอยสีแดง
- เตรียมชามผสม ใส่น้ำบีทรูปลงไป ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน คลุกเคล้าให้พอเข้ากัน
- พอเข้ากันแล้ว ให้ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปเป็นระยะ ๆ แล้วใช้มือนวดแป้งสลับกันไป เพื่อไม่ให้แป้งเหลว
- เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้นวดต่อจนกว่าจะได้แป้งที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้ว ใส่ชาม ใช้พลาสติกแรปปิดเอาไว้
- ดึงเนื้อแป้งออกมา ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ
วิธีทำไข่หวาน
- หั่นขิงสไลด์เป็นแว่น ๆ ใส่ลงในหม้อ จากนั้น ใส่น้ำตาล น้ำเปล่า ลงไป แล้วนำไปต้มให้เดือด คนให้น้ำตาลละลาย
- พอน้ำตาล ละลายและน้ำเดือดดีแล้ว ให้ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ต้มต่อ 3-4 นาที พอครบเวลาให้ยกขึ้นพักไว้
วิธีทำน้ำกะทิ
- ใส่เนื้อกะทิลงในชามผสม ใส่เกลือตามลงไป คลุกเคล้าให้ทั่ว
- เตรียมซึ้งสำหรับนึ่งให้พร้อม ต้มน้ำให้เดือด พอน้ำเดือดแล้ว ให้ใส่กะทิลงในผ้าขาวบาง แล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลา 10 นาที
- พอครบเวลา ให้พักทิ้งไว้จนกว่าจะคลายความร้อน จากนั้น ใช้มือขยำ คั้นเอาน้ำกะทิออกมา ใช้เวลา 7-8 นาที เสร็จแล้ว ค่อย ๆ ตักแบ่งใส่ผ้าขาวบาง บีบคั้นน้ำกะทิใส่ลงในหม้อ ทำอย่างนี้จนกว่าจะหมด (น้ำกะทิที่ได้จากส่วนนี้ เรียกว่า หัวกะทิ)
วิธีทำน้ำกะทิบัวลอย
- เตรียมหม้อต้ม ใส่ใบเตย น้ำตาลโตนด น้ำหัวกะทิ น้ำมะพร้าว เสร็จแล้ว เปิดไฟ ใช้ไฟกลางค่อนไฟอ่อน คนให้น้ำตาลโตนดละลาย ต้มต่อให้พอเดือด
- พอน้ำกะทิเดือดดีแล้ว ให้ใส่เม็ดแป้งบัวลอยที่ปั้นไว้ลงไป ต้มต่อ 1 นาที
- เมื่อเม็ดบัวลอย ลอยขึ้นมาด้านบนแล้ว แสดงว่าสุก ให้ใส่เนื้อมะพร้าวลงไป ต้มต่ออีกเล็กน้อย ให้ปิดเตาม แล้วตักขึ้นรับประทานได้เลย เป็นอันเสร็จ
ซ่าหริ่มน้ำกะทิ
ซ่าหริ่ม เป็นขนมไทยยอดนิยมอีกอย่างหนึ่ง เพราะด้วยเส้นแป้งที่หนานุม ทำให้หวานเย็นอร่อย และอิ่มท้องได้ไปในตัว โดยเทคนิคในการทำให้เส้นซ่าหริ่มยาวสวยนั้น จะต้องกดเส้นแป้งจากที่สูง เพราะยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็จะได้เส้นที่ยาวเท่านั้น ถือว่าเป็นเทคนิคสำคัญในการทำขนมชนิดนี้เลยทีเดียว
ส่วนผสมซ่าหริ่ม
- แป้งถั่วเขียว 100 กรัม
- น้ำสะอาด 650 กรัม
- สีผสมอาหาร แดง เขียว
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- กะทิอบควันเทียนพาสเจอร์ไรส์ 600 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 400 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำซ่าหริ่ม
- ตั้งกระทะก้นลึก ใส่แป้งถั่วเขียว และน้ำ คนให้แป้งละลายเข้ากันในกระทะ
- พอเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่น้ำหวาน หรือสีผสมอาหารตามชอบ
- เปิดไฟ ใช้ไฟกลาง คนตลอดเวลาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แป้งที่สุก มีลักษณะใส และติดกันเป็นก้อนเหนียว
- ตักใส่กระป๋องกดสลิ่ม กดลงในน้ำเย็นจัด ทิ้งไว้ให้เซ็ตตัว
- ตักขึ้นใส่กระชอนสะเด็ดน้ำไว้ พร้อมเสิร์ฟ
- ทำเส้นซ่าหริ่มสีอื่น ๆ ตามขั้นตอนแบบเดียวกัน
วิธีทำน้ำกะทิ
- ตั้งหม้อ ใส่น้ำกะทิอบควันเทียนพาสเจอร์ไรส์ น้ำตาลทรายขาว เกลือ ใส่ลงไปในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำตาลทรายละลาย
- เคี่ยวต่อไป ให้น้ำกะทิร้อน แค่พอมีควัน ห้ามต้มจนเดือด
- ยกลงจากเตานำไปน็อคน้ำเย็นทันที เพื่อให้กะทิเก็บได้นานขึ้น
วิธีจัดเสิร์ฟ
– ตักเส้นซ่าหริ่มลงในชาม ตักน้ำแข็งใส น้ำกะทิ ราดลงไป เป็นอันเสร็จ
ถั่วดำน้ำกะทิ
ใครชอบทานถั่วดำ ห้ามพลาด เพราะสูตรนี้เราจะมาสอนวิธีต้มถั่วดำให้นิ่มสุกกำลังดี และสอนทำ น้ำกะทิ ไว้ทานคู่กัน รับรองว่า หวานอร่อย และให้พลังงานสูง เด็กกินได้ ผู้ใหญ่ก็กินดี
ส่วนผสม
- หัวกะทิ 800 กรัม
- หางกะทิ 1250 กรัม
- น้ำตาลมะพร้าว 420 กรัม
- เกลือ 8 กรัม
- ถั่วดำดิบ 650 กรัม
วิธีทำ
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่ถั่วดำลงไป พอต้มจนน้ำเดือดอีกรอบแล้ว ให้ปิดแก็ส และปิดฝาหม้อ อบทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง หรือแช่ข้ามคืนเลยก็ได้
- พอครบเวลา ให้ต้มต่อด้วยไฟกลาง ให้พอน้ำเดือด ประมาณ 30 นาที ถ้าถั่วนิ่มตามความต้องการแล้ว ให้ปิดแก็ส แล้วไปกรองน้ำออกผ่านกระชอน ล้างด้วยน้ำสะอาด เพื่อให้ถั่วดำเย็นลง และล้างเอาคราบดำออก ถ้าล้างจนน้ำสะอาดแล้ว ให้ยกขึ้นพักไว้ได้เลย
- ใส่หางกะทิลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว เกลือ เสร็จแล้ว เปิดไฟ คนให้น้ำตาลมะพร้าวละลาย จากนั้น ใส่หัวกะทิลงไป ต้มให้พอเดือด
- เทถั่วดำใส่หม้ออีกใบ แล้วใส่น้ำกะทิที่ต้มเสร็จแล้วลงไป เป็นอันเสร็จ
สาคูเปียกน้ำกะทิ
หลายคนคงชอบทานสาคูเปียกน้ำกะทิ เพราะทานแล้ว มีรสสัมผัสที่หนุบหนับ เคี้ยวมัน ซึ่งถ้าเกิดใครอยากเพิ่มวัตถุดิบบางอย่างเช่น ขนุน ก็สามารถประยุกต์ ใส่ลงไปได้เลย กินคู่กับ น้ำกะทิ ก็ยิ่งเพิ่มความหวานอร่อย ให้ขนมไทยเมนูนี้มากยิ่งขึ้น
ส่วนผสม
- สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
- ข้าวโพด ตามชอบ
- น้ำเปล่า 4 ถ้วย
- น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
- กะทิ 250 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ล้างเม็ดสาคูในน้ำสะอาด เพื่อล้างแป้งส่วนเกินออก
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำเปล่าลงไปรอให้น้ำเดือด จากนั้น ใส่เม็ดสาคู ลงไป คนไปเรื่อย ๆ จนกว่าเม็ดสาคูจะสุก มีลักษณะใสเหมือนตากบ
- ใส่น้ำตาลลงไป คนจนน้ำตาลละลาย พักไว้
- ทำน้ำกะทิ โดยใส่น้ำกะทิลงในหม้อ ตามด้วยเกลือ แป้งสาลี คนให้แป้งสาลีละลาย นำขึ้นตั้งไฟ คนจนทุกอย่างเข้ากันดี จึงปิดไฟ
- จัดเสิร์ฟ ตักเม็ดสาคูใส่ชาม ราดน้ำกะทิลงไป เป็นอันเสร็จ
ขนมโคน้ำกะทิ
ปิดท้ายกันด้วย ขนมไทยโบราณ อย่าง ขนมโคน้ำกะทิ ซึ่งถึงแม้ใครหลายคนจะเคยทานแบบแห้ง แต่บอกเลยว่า ทานคู่กับ น้ำกะทิ แล้ว อร่อยกว่า ยิ่งมีเนื้อมะพร้าวและงาขาวโรยหน้า ก็ยิ่งหอมอร่อย ใครชอบทานขนมโค อย่าลืมนำสูตรนี้ไปลองทำตามกันดูนะ
ส่วนผสมแป้งสีขาว
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย
- หัวกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมแป้งสีม่วง
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย
- ดอกอัญชัน 10-15 ดอก (คั้นขยำกับน้ำ)
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- หัวกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมไส้มะพร้าว
- มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น 2 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าว 3/4 ถ้วย
ส่วนผสมน้ำกะทิ
- หัวกะทิ 1 ½ ถ้วย
- น้ำเปล่า 2/3 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- ใบเตยแก่ 3-4 ใบ
ส่วนผสมอื่น ๆ
- เนื้อมะพร้าว
- งาขาว
วิธีทำแป้งสีขาว
- เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเหนียว หัวกะทิ น้ำเปล่า นวดให้เข้ากัน จนได้เนื้อแป้งเนียนนุ่มเป็นก้อนเดียวกัน ไม่ติดมือ
วิธีทำแป้งสีม่วง
- นำดอกอัญชันมาขยำในน้ำเปล่า จนได้สีของดอกอัญชันออกมา จากนั้น นำไปกรองผ่านกระชอน แล้วใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- เตรียมชามผสม ใส่น้ำอัญชัน ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว หัวกะทิ น้ำเปล่า นวดให้เข้ากัน จนได้เนื้อแป้งเนียนนุ่มเป็นก้อนเดียวกัน ไม่ติดมือ
วิธีทำไส้มะพร้าว
- ตั้งกระทะ เปิดไฟ ใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไป เคี่ยวจนน้ำตาลมะพร้าวละลาย
- ใส่ไส้มะพร้าวขูดเส้นลงไป ผัดกับน้ำตาลมะพร้าวจนเข้ากัน พอเข้ากันดีแล้ว ให้ปิดไฟ พักให้เย็นสนิท แล้วแบ่งมาปั้นเป็นก้อนกลม หลาย ๆ ก้อน
วิธีทำน้ำกะทิ
- เตรียมหม้อต้ม ใส่หัวกะทิ น้ำเปล่า น้ำตาลทราย เกลือ เสร็จแล้ว นำไปตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อน คนให้น้ำตาลละลาย
- ใส่ใบเตยลงไป เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ต้มต่อไปให้น้ำกะทิร้อนแค่พอมีควัน ห้ามต้มจนเดือด พอได้ที่แล้วให้ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
วิธีทำขนมโค
- ดึงแป้งสีขาวและแป้งสีม่วง ออกมาแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ ใส่ไส้มะพร้าวไว้ด้านใน แล้วห่อแป้ง คลึงให้เป็นลูกกลม ๆ
- ต้มน้ำในหม้อให้เดือด ใส่แป้งแต่ละก้อนลงไป ต้มจนสุก ถ้าแป้งลอยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักขึ้นได้เลย
- ตั้งกระทะ นำงาขาวไปคั่วในกระทะให้มีกลิ่นหอม แล้วไปบดอย่างหยาบ ๆ
- นำเนื้อมะพร้าวมาหั่นเป็นเส้น ๆ
- จัดเสิร์ฟ ตักขนมโคใส่ชาม ตามด้วยเนื้อมะพร้าว ราดด้วยน้ำกะทิ โรยงาขาวคั่วไว้ด้านบน เป็นอันเสร็จ
ทั้งนี้ หลายเมนู หากเพิ่มน้ำแข็งไสลงไป ก็จะทำให้เป็นขนมหวานเย็นชื่นใจ ทานได้อร่อยมากขึ้น ดังนั้น ถ้าใครอยากทำขนมไทยขาย แล้วผลิตน้ำแข็งไสไว้ทานคู่กัน ออกมาได้ปริมาณมาก ๆ แล้วละก็ แนะนำเครื่องทำน้ำแข็งไส เครื่องทำน้ำแข็งเกล็ดหิมะ ที่จะบดน้ำแข็งไสของคุณได้ละเอียดและรวดเร็ว ด้วยมอเตอร์อันทรงพลังและวัสดุทำจากสแตนเลส จึงใช้งานได้ทนทาน ไม่มีสะดุด โดยตัวเครื่องยังรองรับได้ทั้งน้ำแข็งก้อนและน้ำแข็งแบบยูนิต ทำให้ทำน้ำแข็งไสได้ง่ายมาก ๆ เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน ตลอดจนการใช้งานเพื่อธุรกิจ ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับประกันนาน 6 เดือนอีกด้วย แถมราคายังย่อมเยา
หากสนใจ เครื่องทำน้ำแข็งไส ของ SGE สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/ice-crusher-machine/ หรือสอบถามเพิ่มเติมทาง โทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย
30 มกราคม 2024
โดย
Pres