วิธีทำ คาราเมลคัสตาร์ด สูตรหน้าเรียบเนียน เนื้อนุ่มละมุน (Video)
คาราเมลคัสตาร์ด (Caramel Custard) ขนมหวานจากฝั่งยุโรปที่ฮิตไปทั่วโลก เป็นเมนูที่ใช้ส่วนผสมน้อยและทำง่าย แต่ปัญหาที่หลายคนเจอมักจะอยู่ที่เนื้อของคัสตาร์ดที่มีฟองอากาศแทรก ทำให้เนื้อไม่เนียนเท่าที่ควร เดี๋ยววันนี้เจินจะพาแก้ปัญหานี้ รับรองว่าคัสตาร์ดของเรา หน้าเรียบเนียน เนื้อนุ่มละมุน แน่นอน นอกจากนี้เจินยังมี วิธีเคี่ยวคาราเมลให้เป็นสีตาลทอง มาฝากอีกด้วย บอกเลยว่าสวยน่าทานมาก 🍮💕
สูตรคาราเมลคัสตาร์ด
เวลาเตรียม ≈ 20 นาที | เวลาปรุง ≈ 45 นาที | สำหรับ 10 เสิร์ฟ
วัตถุดิบส่วนคาราเมล
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- น้ำเปล่า 30 กรัม
- น้ำร้อนเดือด 30 กรัม
วัตถุดิบส่วนคัสตาร์ด
- นมสด (รสจืด) 450 กรัม
- ไข่แดง 4 ฟอง
- ไข่เต็มฟอง 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 6 กรัม
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- กระชอน
- พิมพ์ขันข้าว B06 (หากไม่มีใช้ถ้วยพุดดิ้งหรือพิมพ์พลาสติกทนความร้อนแทนได้)
- อะลูมิเนียมฟอยล์
- ถาดรองอบ (เลือกแบบก้นลึก ใส่น้ำได้)
- เตาอบเบเกอรี่ (หากไม่มีเตาอบ เลือกดูสูตรการนึ่งด้วยหม้อนึ่ง ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว และหม้อทอดไร้น้ำมันด้านล่างบทความ)
วิธีการทำ
STEP 1 : ทำส่วนคาราเมล
ต้มน้ำตาลทรายและน้ำเปล่า
ต้มจนเป็นคาราเมล สีน้ำตาลทอง
- เริ่มต้นทำคาราเมลด้วยการต้มน้ำตาลทรายและน้ำเปล่า ระหว่างต้มไม่ต้องคน เพื่อป้องกันน้ำตาลตกผลึก ระหว่างนี้ให้เราเตรียมอีกหม้อ ต้มน้ำเดือด ๆ รอไว้
- ต้มน้ำตาลจนกว่าจะเป็นสีน้ำตาลทอง ปิดเตา จากนั้นใส่น้ำร้อนที่เราต้มไว้ใส่ลงไป ประมาณ 2 ช้อนชา เพื่อหยุดไม่ให้คาราเมลสุกต่อ ขั้นตอนนี้ระวังนิดหนึ่งนะคะ น้ำคาราเมลจะฟู่โดนตัวเราได้ ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้น้ำร้อน เพราะถ้าเป็นน้ำเย็นคาราเมลจะแข็งตัวทันที
STEP 2 : เทคาราเมลลงพิมพ์
เทคาราเมลลงก้นพิมพ์
ตะแคงให้คาราเมลเคลือบทั่วก้นถ้วย
- เทคาราเมลลงถ้วยพิมพ์ทันที ส่วนนี้ให้เทปริมาณตามชอบเลย แต่อย่าเทเยอะเกินไปนะคะ เพราะตอนทานอาจจะหวานเกิน
- ตะแคงพิมพ์รอบ ๆ ให้คาราเมลเคลือบทั่วก้นถ้วย รอให้เซ็ตตัว ระหว่างนี้ให้เราทำขั้นตอนต่อไปเลย
TIPS
อย่าลืม..วอร์มเตาอบไว้ก่อน
ในระหว่างการทำ ให้เราวอร์มเตาอบไว้ก่อนด้วยการตั้งไฟบน – ไฟล่างไว้ที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส
STEP 3 : ทำส่วนคัสตาร์ด
ส่วนนม : ต้มนมสดให้พออุ่น เตรียมไว้
ส่วนไข่ : ตีไข่ ใส่เกลือ น้ำตาลทราย และแต่งกลิ่น
- เริ่มจากเตรียมนมก่อน ให้เราตั้งหม้อ เปิดไฟกลาง ต้มให้พออุ่นหรือมีไอร้อนขึ้น ไม่ต้องเดือด
- เตรียมส่วนไข่ ใช้ไข่แดง 4 ฟอง และ ไข่ปกติที่มีทั้งไข่แดงไข่ขาวอีก 2 ฟอง เติมเกลือ น้ำตาลทราย ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมวานิลลา 2 ช้อนชา ผสมเบา ๆ ให้เข้ากันอีกรอบ (วานิลลาช่วยให้คัสตาร์ดของเรามีกลิ่นหอมนวล และช่วยกลบกลิ่นคาวของไข่)
STEP 4 : ผสมส่วนคัสตาร์ด
ผสมส่วนนมและไข่เข้าด้วยกัน
ค่อย ๆ ผสม เพื่อลดอุณหภูมินม ไม่ให้ไข่สุก
- เมื่อหม้อนมร้อนแล้ว ให้เรายกหม้อนม เทลงในชามไข่
- เวลาเทค่อย ๆ เท เพื่อไม่ให้ไข่สุก ระหว่างเทให้ใช้อีกมือคนไข่ไปด้วย เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิ หากเราเทครั้งเดียวไข่อาจสุกได้
STEP 5 : กรองเนื้อคัสตาร์ด
กรองส่วนผสมคัสตาร์ดด้วยกระชอน
กรองออกให้หมด ทั้งลิ่มไข่และฟองอากาศ
- เตรียมเหยือก และ กระชอนกรอง กรองเศษไข่หรือส่วนผสมที่ยังไม่ละลายออก (การใช้เหยือกจะช่วยให้เราเทคัสตาร์ดลงพิมพ์ได้ง่ายขึ้น)
- ขั้นนตอนการกรอง จะช่วยให้ คาราเมลคัสตาร์ด ของเรามีเนื้อเนียน นุ่มละมุน
STEP 6 : เทคัสตาร์ดลงพิมพ์
เทส่วนผสมคัสตาร์ด ทับชั้นคาราเมล
ปิดถ้วยด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์
- ค่อย ๆ เทลงส่วนผสมคัสตาร์ดลงในถ้วยคาราเมลที่แข็งตัวแล้ว
- หากเราอยากได้คัสตาร์ดเรียบเนียน ให้เราใช้อะลูมิเนียมฟอยล์ ด้วยการตัดฟอยล์ให้มีขนาดปิดหน้าถ้วยได้ การห่อฟอยล์จะทำให้ขนมหน้าเนียน ไม่มีรอยร้าวหรือรอยย่น
STEP 7 : นำเข้าเตาอบ
อบที่อุณหภูมิ 200 °C เวลา 30 นาที
เช็กความสุกด้วยมีดหรือไม้จิ้มฟัน
- วอร์มอุณหภูมิของเตาอบไว้ที่ 200 องศาเซลเซียส ทั้งไฟบนและล่าง จากนั้นเทน้ำใส่ถาดให้สูงถึงประมาณครึ่งถ้วย ใช้เวลาอบ 25 – 30 นาที
- วิธีการเช็ก หยิบออกมา 1 ถ้วย ใช้ไม้ปลายแหลมหรือมีดลองจิ้ม ถ้าจิ้มมาแล้วมีดสะอาด แสดงว่าคาราเมลคัสตาร์ดสุกแล้ว
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ คาราเมลคัสตาร์ด
นำคาราเมลคัสตาร์ดออกจากพิมพ์
คาราเมลคัสตาร์ด พร้อมเสิร์ฟ
- วิธีแซะ ให้ใช้มีดปลายแหลมจุ่มน้ำค่อย ๆ กรีด รอบ ๆ จากนั้นใช้จานคว่ำลงบนพิมพ์ แล้วหงายขึ้น
- คาราเมลคัสตาร์ด อุ่น ๆ พร้อมทาน หรือจะนำแช่เย็นก่อนค่อยทานก็อร่อยไม่แพ้กัน
วิดีโอสอนทำ คาราเมลคัสตาร์ด | Caramel Custard Recipe
เนื้อหาในวิดีโอ
- 0:00 เกริ่นนำ
- 0:28 ทำคาราเมล
- 2:31 ทำเนื้อคัสตาร์ด
- 5:27 ห่อฟอยล์คัสตาร์ด
- 6:31 ขั้นตอนการอบ
- 7:16 วิธีเช็กความสุก
- 7:54 ขั้นตอนการแกะ
- 8:38 ดูผลลัพธ์
- 9:13 คำนวณต้นทุน
เชฟเจิน
ผู้จัดการและเชฟผู้สอน
ที่ Smile Cooking Club
Le Cordon Bleu 2013