ประโยชน์ เสาวรส ผลไม้สรรพคุณเยอะ แก้โรคอะไร กินตอนไหนดีที่สุด?
สารบัญ
สำหรับการดูแลสุขภาพแบบไม่ต้องใช้ต้นทุนมากมาย คือ การบริโภคผักผลไม้ที่มีอยู่แล้วในบ้านเรา อย่าง เสาวรส (Passion fruit) ซึ่งประโยชน์ของเสาวรส ที่มีต่อสุขภาพ มีมากมายจริง ๆ ตาม SGE ไปรู้จักกับ เสาวรส หรือ กะทกรก สรรพคุณ และประโยชน์ต่าง ๆ ของผลไม้ชนิดนี้ให้มากขึ้นกัน
เสาวรส (Passion fruit)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Passiflora laurifolia Linn.
ชื่อสามัญ
Passion fruit, Passion flower, Yellow granadilia
กลุ่มพันธุ์ปลูก
PASSIFLORACEAE
ถิ่นกำเนิด
ทวีปอเมริกาใต้
เสาวรส หรือ กะทกรก เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เด่นชัด รสชาติเปรี้ยวกำลังดี นิยมนำมาทำเป็น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะให้ความสดชื่น ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดี อีกทั้งเสาวรส ยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์ และมีสรรพคุณทางยาอย่างมากมายเลยทีเดียว
สำหรับในประเทศไทย เสาวรสถูกนำเข้ามาทดลองปลูกครั้งแรกในภาคเหนือ ประมาณปี พ.ศ. 2498 ปัจจุบัน พบปลูกมากในภาคเหนือ และภาคตะวันออก ในแถบจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ ระยอง และชลบุรี
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของเสาวรส
ต้น หรือเถา
เป็นไม้ผล ประเภทเถาเลื้อย ส่วนโคนเป็นไม้เนื้อแข็งเหนียว เถาเลื้อยได้ถึง 15 เมตร ลำต้นเป็นเถาสีเขียว ข้างในกลวง มีมือเกาะ ปลูกแล้วสามารถอยู่ได้หลายปี
ใบ
เป็นใบเดี่ยวรูปไข่ ออกเรียงสลับกัน ใบมีสีเขียวเข้ม หรือเขียวแซมแดงม่วงขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ โดยทั่วไปเป็นใบเดี่ยวมี 3 แฉกบ้าง แต่ใบจริงที่เป็นต้นกล้า จะเป็นรูปไข่ ไม่มีแฉก ตามขอบใบ จะมีหยักละเอียดโดยรอบ มีมือจับ หรือหนวดอยู่ตามข้อม้วนขดเป็นวง สำหรับยึดลำต้นให้เลื้อยเกาะหลักที่ปักพยุงไว้
ดอก
ดอกรูปขอบขนาน ปลายมน เป็นดอกเดี่ยวแบบสมบูรณ์เพศ เกิดจากตาดอกบริเวณง่ามใบ มีกลิ่นหอม และสีสันสะดุดตา กลีบดอกแยกจากกันสีขาว บริเวณรอบ ๆ ใบกลาง จะมีสีม่วง และดอกจะออกจากโคนกิ่งไปยังปลายกิ่งตามลำดับ จนเจริญเติบโตเป็นผลต่อไป
ผล และเมล็ด
ผลเสาวรสมีหลายลักษณะ คือ ผลกลม รูปไข่ และผลรียาว เมื่อผลสุกจะมีสีต่างกัน เช่น ม่วงเข้ม ม่วงแดงส้ม หรือสีเหลือง ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ เปลือกผล และเนื้อส่วนนอกแข็ง ไม่สามารถทานได้ ภายในผล มีเมล็ดสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำเป็นจำนวนมาก เมล็ดสามารถทานได้ และเมล็ดจะมีรกเป็นเยื่อเมือกสีเหลือง หรือสีส้ม ลักษณะเหนียวข้น และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่ห่อหุ้มอยู่ข้างในโดยรอบ มีความเป็นกรดสูง สามารถทานสด หรือใช้ผสมทำเป็นอาหาร และเครื่องดื่มได้
ประโยชน์และสรรพคุณของเสาวรส
กะทกรก หรือเสาวรส มีประโยชน์มากกว่าที่คิด แต่ก็ไม่ควรทานวันละมาก ๆ ปริมาณการทานเสาวรสที่แนะนำ คือ วันละ 1-3 ลูกกำลังดี และทานตอนมื้อไหนก็ได้ แต่ไม่ควรทานตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้ปวดท้อง เสาะท้องได้ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น
ประโยชน์ด้านสุขภาพ
- ช่วยบำรุงสายตา มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันเซลล์ประสาทตาถูกทำลาย และช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี
- ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย อุดมไปด้วยไฟเบอร์ หรือกากใยอาหาร มีส่วนช่วยในการขจัดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีที่อยู่ในร่างกาย ขจัดสารพิษ เหมาะสำหรับใช้ในการดีท็อกซ์ของเสียออกจากร่างกาย
- ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันหวัด และป้องกันการกำเริบของโรคภูมิแพ้ได้ เพราะในเสาวรสมีวิตามินซีสูงถึง 30 มิลลิกรัม คิดเป็น 36% ของปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน
- ช่วยบำรุงหัวใจ เสาวรส 100 กรัม มีโพแทสเซียมสูงถึง 348 มิลลิกรัม ซึ่งแร่ธาตุชนิดนี้เป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญต่อเซลล์ และของเหลวในร่างกาย ช่วยให้การทำงานของหัวใจ และความดันโลหิตเป็นปกติ
- ช่วยป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันโรคเหงือกอักเสบ และช่วยให้ฟันแข็งแรง ในเสาวรส มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง วิธีทาน คือ คั้นเอาน้ำจากผลเสาวรสแก่จัด ใส่เกลือ หรือน้ำตาลลงไปตามชอบ สามารถดื่มเรื่อย ๆ ได้ทั้งวัน
- ช่วยให้นอนหลับง่าย ควรดื่มน้ำคั้นสด เติมน้ำตาล หรือเกลือลงไปเล็กน้อย ก็ช่วยให้หลับสบายขึ้นได้
- ช่วยลดน้ำหนัก เพราะมีแคลอรี่ต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน และให้สารอาหารที่ดีต่อร่างกาย มีกากใยสูง ทำให้รู้สึกอิ่ม ช่วยลดความอยากอาหารได้
- ช่วยบรรเทาอาการหอบหืด สารสกัดจากเปลือกเสาวรสสีม่วง อุดมไปด้วยสารไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายได้ การทานสารสกัดชนิดนี้ วันละ 150 มิลลิกรัม เป็นเวลา 4 สัปดาห์ จะทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืด มีอาการดีขึ้น ความถี่ในการไอลดลง นอกจากนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงใด ๆ
** ผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ต้องการทาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง และไม่ควรหยุดรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งโดยพลการ
ประโยชน์ด้านอื่น ๆ อ่านเพิ่มเติม
ข้อควรระวังในการทานเสาวรส
- การทานเสาวรสมากจนเกินไป อาจจทำให้เสี่ยงน้ำตาลเกินได้ เพราะเสาวรส 100 กรัม (ประมาณ 6 ผล) มีน้ำตาลมากถึง 11.2 กรัม ใน 1 วัน ควรทานน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัม/วัน
- ไม่ควรทานเสาวรสขณะท้องว่าง เพราะเสาวรสเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว มีค่าความเป็นกรดสูง อาจทำให้กระเพาะอาหาร และลำไส้เกิดการระคายเคือง มีอาการปวดท้อง ปวดบิดหรืออาเจียนได้
- บริเวณเปลือก และลำต้นของเสาวรส มีสารประกอบของไซยาไนด์ หากทานเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้สารชนิดนี้เข้าไปสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ควรทานแค่เนื้อและเมล็ดของเสาวรสเท่านั้น ไม่ควรกินเปลือก หรือส่วนอื่น ๆ
ข้อมูลโภชนาการของเสาวรส
ข้อมูลโภชนาการ ปริมาณต่อ 100 กรัม
สารอาหาร | ปริมาณ (หน่วย) |
---|---|
พลังงาน | 97 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต | 23.38 กรัม |
น้ำตาล | 11.2 กรัม |
เส้นใย | 10.4 กรัม |
ไขมัน | 0.7 กรัม |
โปรตีน | 2.2 กรัม |
วิตามินเอ | 64 ไมโครกรัม |
เบตาแคโรทีน | 734 ไมโครกรัม |
วิตามินบี 2 | 0.13 มิลลิกรัม |
วิตามินบี 3 | 1.5 มิลลิกรัม |
วิตามินบี 6 | 0.1 มิลลิกรัม |
วิตามินบี 9 | 14 ไมโครกรัม |
โคลีน | 7.6 มิลลิกรัม |
วิตามินซี | 30 มิลลิกรัม |
วิตามินเค | 0.7 ไมโครกรัม |
ธาตุแคลเซียม | 12 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 1.6 มิลลิกรัม |
ธาตุแมกนีเซียม | 29 มิลลิกรัม |
ธาตุฟอสฟอรัส | 68 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 348 มิลลิกรัม |
ธาตุโซเดียม | 28 มิลลิกรัม |
ธาตุสังกะสี | 0.1 มิลลิกรัม |
แหล่งข้อมูลประกอบ: USDA Nutrient database, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สายพันธุ์ของเสาวรส
เสาวรส กะทกรก สามารถแยกได้เป็น 3 สายพันธุ์
1 พันธุ์ผลสีม่วง (Purple Passion fruit)
1 พันธุ์ผลสีม่วง (Purple Passion fruit)
เมื่อผลสุก จะมีเปลือกสีม่วง น้ำจะมีรสชาติที่ดีกว่าพันธุ์อื่น ๆ มีกรดต่ำ มีขนาดผลที่เล็ก ผลกลม ผิวเป็นมัน และเปลือกจะบางกว่าสีเหลือง เหมาะกับการทานแบบสด ๆ ได้ เพราะจะมีรสชาติหวาน
2 พันธุ์ผลสีเหลืองทอง (Golden Passion fruit)
2 พันธุ์ผลสีเหลือง (Golden Passion fruit)
เปลือกจะมีสีเหลือง มีผลขนาดใหญ่ ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกมีสีเหลืองทอง ผิวมัน เปลือกหนา น้ำเสาวรสที่คั้น จะมีความเป็นกรดสูง เหมาะที่จะส่งเข้าโรงงาน เพื่อทำการแปรรูปมากกว่าการทานแบบสด ๆ
3 พันธุ์ลูกผสม (Hybrid Passion fruit)
3 พันธุ์ลูกผสม (Hybrid Passion fruit)
เป็นสายพันธุ์ผสมระหว่างพันธุ์ผลสีม่วง และพันธุ์สีเหลือง โดยมีลักษณะเด่นของทั้ง 2 สายพันธุ์รวมกัน ผลเสาวรส จะมีขนาดใหญ่ เปลือกบาง และให้ผลผลิตสูง จึงเหมาะกับการปลูกเพื่อการทำน้ำเสาวรสโดยเฉพาะ และน้ำเสาวรสที่คั้นออกมา จะมีรสหวานมากกว่ารสเปรี้ยว
แนะนำเมนูเสาวรส
เสาวรส หรือ กะทกรก ทำได้หลากหลายเมนู ตามไปจดสูตรพร้อม ๆ กันเลย
1 น้ำเสาวรสผสมน้ำผึ้งโซดา
1 น้ำเสาวรสผสมน้ำผึ้งโซดา
ส่วนผสม
- เสาวรส 2-3 ลูก
- น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนชา
- เกลือปรุงรส เล็กน้อย
- น้ำโซดา 5 ออนซ์
- น้ำอุ่น 2 ออนซ์
- มะนาว 1-2 ซีก
วิธีทำ
- นำน้ำอุ่น น้ำอุณหภูมิห้องผสมน้ำร้อน ผสมกับน้ำผึ้งและเกลือ คนให้ละลาย
- ผสมกับเนื้อเสาวรสคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน หากชอบเปรี้ยวบีบมะนาวใส่ตามชอบ
- เทใส่แก้ว เติมน้ำแข็งตามให้พอดีแก้ว เทน้ำโซดาตามลงไป ตกแต่งด้วยมะนาวแว่น พร้อมเสิร์ฟ
2 พุดดิ้งเสาวรส
2 พุดดิ้งเสาวรส
ส่วนผสม
- นมสด รสจืด 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- น้ำเสาวรส 20 กรัม
- เสาวรสสดผ่าครึ่ง สำหรับแต่งหน้าพุดดิ้ง 1/2 ลูก
- เตรียมชามผสม นำไข่ นมสด น้ำตาลทราย เกลือ น้ำเสาวรส ผสมจนเป็นเนื้อเดียว จากนั้น กรองด้วยผ้าขาวบางให้เนื้อเนียน
- จากนั้น นำส่วนผสมที่ทำไว้ เทใส่แก้วใสที่เตรียมไว้ และนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟ 500 วัตร์ เป็นเวลา 2 นาที
- นำไปแช่เย็นให้เซ็ตตัว จัดใส่จาน ราดด้วยเสาวรสสด พร้อมเสิร์ฟ
3 ยำเสาวรส
3 ยำเสาวรส
ส่วนผสม
- เสาวรสสด 4-5 ลูก
- พริกป่น 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
ผ่าครึ่งเสาวรส คว้านเอาเนื้อด้านในออกใส่ชาม ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกป่น น้ำตาลทราย น้ำปลาร้า และข้าวคั่ว ผสมให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับบทความข้างต้น จะเห็นได้ว่าเสาวรส กะทกรก ถือเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิด ที่เป็นตัวเลือกที่ดีของคนที่ใส่ใจสุขภาพ หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะเต็มไปด้วยสารอาหาร และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังนำมาดัดแปลงได้ในหลากหลายเมนู เหล่าคนรักสุขภาพทั้งหลายไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
28 กุมภาพันธ์ 2024
โดย
ลำดวน
ชอบกลิ่นมากกก หอม ทานแก้ร้อนอร่อยสุดๆ
เปรี้ยวๆหวานๆ ทานเย็นๆสดชื่นสุดๆ
ตอนเด็กชอบมากๆเลยครับ แถวบ้านผมเรียกกัน กะทกรก จนติดปาก อร่อยครับชอบๆ
อร่อยดี มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
เมนูเสาวรสน่าทำตามมากๆ ตอนแรกจะมาศึกษาพันธุ์พืช สงสัยต้องจดสูตรอาหารไปทำแทนซะแล้ว5555
ยินดีมากเลยค่ะน้องปลาปักเป้า ลองไปทำตามดูได้เลย อร่อยทำง่ายสุดๆ