วิธีทำ แกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (Video)

โดย เชฟเจิน
อัปเดตเมื่อ 20 มิถุนายน 2024

คะแนนสูตรนี้

แกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน อาหารไทยโบราณที่ติดอันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ลำดับที่ 73 ในปี ค.ศ.2022 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 – 7 จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ และคู่มือแม่ครัว ในปี พ.ศ. 2469  อีกทั้งยัง พัฒนาสูตรมาจากแกงเผ็ด ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้มข้น เจินเลยอยากชวนทุกคนเข้าครัวมาทำแกงเขียวหวานไก่หม้อนี้ให้น้ำกะทิแตกมัน เนื้อไก่นุ่ม รสชาติเข้มข้นตามสูตรโบราณโดยใช้กะทิกล่อง และมีเวลาในการทำเพียง 30 นาที

สูตรแกงเขียวหวาน

เวลาเตรียม ≈ 15 นาที  |  เวลาปรุง ≈ 30 นาที  |  สำหรับ 5 เสิร์ฟ

วัตถุดิบแกงเขียวหวาน

วัตถุดดิบ แกงเขียวหวาน

1.เนื้ออกไก่ 350 กรัม (ลอกหนังออกจะได้ความเฮลตี้มากกว่า แต่ถ้าใครชอบแบบมีมันแทรกเล็กน้อย แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อส่วนสะโพกก็ได้)

2.หัวกะทิ 150 กรัม

3.หางกะทิ 350 กรัม

4.พริกแกงเขียวหวาน 50 กรัม

5.มะเขือพวง 50 กรัม

6.ใบมะกรูด 5 ใบ

7.ใบโหระพา 50 กรัม

8.พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด สำหรับตกแต่งให้สวยงาม

9.มะเขือเปราะ 300 กรัม

10.น้ำตาลปี๊ป 10 กรัม

11.เกลือ 10 กรัม และน้ำเปล่า (สำหรับแช่มะเขือเปราะ เพื่อล้างยางและช่วยไม่ให้มะเขือมีสีดำไม่น่ารับประทาน)

12.น้ำปลา 30 กรัม

  TIPS  

หัวกะทิ กับ หางกะทิ คืออะไร ? 

ความแตกต่างของวัตถุดิบ 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่ความข้นเท่านั้น โดยวิธีแยกกะทิส่วนที่เข้มข้น เพื่อใช้เป็นหัวกะทิ คือ

1. ให้เทกะทิใส่ชามพักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วตักกะทิส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนแยกไว้ ส่วนนั้นเองเรียกว่า “หัวกะทิ”

2. กะทิที่เหลือให้เทใส่ชามผสม แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะได้ “หางกะทิ” ค่ะ

วิธีการทำ

STEP 1 : หั่นพริกและเตรียมน้ำเกลือ
หั่นพริก แกงเขียวหวาน

ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า นำไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้น

น้ำเกลือแช่มะเขือแกงเขียวหวาน

ผสมเกลือกับน้ำเปล่า

  • นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง แล้วเลาะไส้พริกพร้อมกับเคาะเม็ดออก จากนั้นซอยเป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวเฉียงเพื่อความสวยงาม
  • ผสมเกลือกับน้ำสะอาด ใส่ชามแยกไว้สำหรับแช่มะเขือเปราะ

  TIPS  

การนำไส้พริกออกช่วยอะไร ?

  • การนำไส้พริกออกจะช่วยลดกลิ่นฉุนและความเผ็ดของพริกลง
  • การหั่นพริกอาจทำให้แสบมือ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงในการสัมผัสบริเวณเม็ด หรือน้ำของมัน
  • พริกชี้ฟ้าแดง จะช่วยตัดกับสีของแกงเขียวหวาน ทำให้สีสวยน่ารับประทานขึ้น
STEP 2 : เตรียมมะเขือและเนื้อไก่
แกงเขียวหวาน

หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปแช่น้ำเกลือ

แกงเขียวหวาน

ผ่าครึ่งอกไก่ แล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ

  • หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือ พยายามกดให้ผิวของมะเขือโดนน้ำเกลือทุกส่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริเวณที่ไม่โดนน้ำเกลือ มีสีคล้ำ ไม่น่ารับประทาน
  • ผ่าครึ่งตรงกลางของอกไก่ บริเวณเส้นรอยต่อของแนวเนื้อ จากนั้นหั่นอกไก่ให้เป็นชิ้นในแนวตรงข้ามกับลาย ซึ่งในสูตรเจินจะหั่นบาง ๆ ขนาด 6 – 7 มิลลิเมตร หรือถ้าใครต้องการเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ ก็สามารถใช้เนื้อวัวในส่วนน่องลาย เนื้อวัวสด หรือลูกชิ้นปลากราย ก็ได้เช่นกัน

  TIPS  

เลือกเนื้อสัตว์ส่วนไหนให้อร่อย ไม่เหนียว

  • เนื้อไก่ : เป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นิยมใช้ส่วน อก สะโพกหรือปีกไก่ที่มีรสชาติหวาน
  • เนื้อหมู : หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง นิยมใช้ส่วนสันคอ สะโพก หรือสามชั้น
  • เนื้อวัว : นิยมนำมาแกงมากที่สุด โดยใช้ส่วนเนื้อน่อง สะโพก หรือไหล่

(ให้นำเนื้อที่เตรียมไว้ไปลวนกับหางกะทิประมาณ 45 นาทีด้วยไฟกลาง รับรองเลยว่าอร่อยจนสามารถทำขายได้เลยค่ะ)

STEP 3 : เตรียมน้ำกะทิกับพริกแกงเขียวหวาน
เคี่ยวกะทิ

เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน

ผัดพริกแกง

ผัดพริกแกงให้หอม

  • เทหัวกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อด้วยไฟแรง ซึ่งในวันนี้เจินเลือกใช้กะทิกล่อง ดังนั้นจะมีปัญหาคือ กะทิแตกมันช้า และสีของตัวแกงค่อนข้างซีดไม่เขียวสวย วิธีแก้คือต้องเคี่ยวกะทิรอให้แตกมันมาก ๆ จึงจะใส่พริกแกงลงไปผัดต่อ

(กะทิแตกมัน คือการแยกตัวของน้ำมันในกะทิ ซึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้นแกมเหลือง)

  • ผัดพริกแกงให้มีกลิ่นหอม แนะนำว่าให้ผัดด้วยไฟอ่อนและระวังอย่าให้พริกแกงไหม้ติดหม้อ
STEP 4 : ผัดเนื้อไก่ + เคี่ยวแกงเขียวหวาน
แกงเขียวหวาน

นำไก่ลงไปผัด

แกงเขียวหวาน

เมื่อไก่เริ่มสุก ให้ใส่หางกะทิลงไป

  • เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วให้ใส่เนื้ออกไก่ลงไปผัดต่อจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ไม่ควรผัดนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง ไม่อร่อย
  • ใส่หางกะทิลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงเดือด
STEP 5 : เติมมะเขือและสมุนไพร
แกงเขียวหวาน

ใส่มะเขือเปราะ

แกงเขียวหวาน

ตามด้วยมะเขือพวง และใบมะกรูด

  • เมื่อน้ำแกงเดือดจัด ให้ใส่มะเขือเปราะ ที่แช่น้ำเกลือทิ้งไว้กดให้มะเขือจมน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน
  • เมื่อแกงเขียวหวานเดือดจัดให้ลดไฟลง แล้วใส่มะเขือพวงลงไปตามด้วยใบมะกรูด โดยเจินจะใช้วิธีการฉีกเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้

  TIPS  

แกงเขียวหวานยังไงไม่ให้มะเขือดำ ?

  • นอกจากนำมะเขือเปราะแช่น้ำเกลือแล้ว ระหว่างต้มแกงเขียวหวานให้พยายามคนและกดมะเขือให้จมน้ำก็จะช่วยลดอาการมะเขือมีสีดำคล้ำได้ดีเลยค่ะ
  • หากชอบแกงเขียวหวานที่เข้มข้นหอมมันมาก ๆ ให้เพิ่มหัวกะทิลงไป แต่ถ้าชอบซดน้ำทานง่าย ให้เติมหางกะทิแทน
STEP 6 : ปรุงรส
แกงเขียวหวาน

ปรุงรสด้วยน้ำปลา

แกงเขียวหวาน

ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป

STEP 7 : ใส่ใบโหระพา + พริกชี้ฟ้าแดง
แกงเขียวหวาน

ใส่ใบโหระพาลงไป

แกงเขียวหวาน

โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย

  • ใส่ใบโหระพาลงไปกดให้ใบจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำ
  • สุดท้ายโรยพริกชีฟ้าแดงลงไปโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับตกแต่งจาน จากนั้นปิดเตาแก๊ส
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ
แกงเขียวหวาน

ตักใส่ภาชนะ

แกงเขียวหวาน

จัดเสิร์ฟ

  • ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยขนาดที่ต้องการ โรยพริกชี้ฟ้าแดง แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

  TIPS  

เทคนิคยืดอายุแกงกะทิให้นานโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น 

เทคนิคนี้เพื่อน ๆ ต้องทำก่อนเริ่มแกงเขียวหวาน คือให้ตั้งกะทิด้วยไฟอ่อนสุดเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แล้วจึงนำไปประกอบอาหารตามขั้นตอน สามารถนำไปใช้ได้กับเมนูกะทิทุกแบบ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แกงของเราอยู่ได้นานข้ามคืนโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็นเลยค่ะ

วิดีโอสอนทำแกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (ฉบับเข้าใจง่าย)

เนื้อหาในวิดีโอ

  • 0:00 เกริ่นนำ
  • 0:19 แนะนำวัตถุดิบ
  • 1:35 การเตรียมผัก
  • 2:42 การเตรียมอกไก่
  • 5:22 การทำแกงเขียวหวาน
  • 9:31 ดูผลลัพธ์
  • 10:28 สูตรเพื่อการค้า

สูตรพริกแกงเขียวหวานแบบโบราณ

พริกแกง พริกแกงเขียวหวาน เครื่องแกง

วัตถุดิบพริกแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวานสูตรนี้ เจินเลือกใช้พริกแกงสำเร็จรูป เพราะค่อนข้างสะดวกและประหยัดเวลา แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากทำพริกแกงเอง เจินมีสูตรมาแจกตามนี้เลยค่ะ

  • ตะไคร้ซอยบาง ๆ ½ ถ้วยตวง
  • ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความหอมให้กับเครื่องแกง)
  • หอมแดง ½ ถ้วยตวง
  • กระเทียม ¼ ถ้วยตวง
  • ข่า 1 ช้อนชาพูน
  • กะปิ 1 ช้อน โต๊ะ
  • ลูกผักชีป่น ¼ ช้อนชา
  • ยี่หร่าป่น ¼ ช้อนชา (ลูกผักชี และยี่หร่าป่นให้นำไปคั่วไฟอ่อน จะทำให้พริกแกงหอมยิ่งขึ้นค่ะ)
  • พริกชี้ฟ้าเขียว 12 เม็ด
  • พริกขี้หนูเขียวเม็ดใหญ่ 5 เม็ด (เพิ่มจำนวนพริกได้ตามระดับความเผ็ดที่ชอบ)

  TIPS  

เปลี่ยนชนิดเครื่องแกงง่าย ๆ แค่วัตถุดิบไม่กี่อย่าง

  • จากสูตรพริกแกงเขียวหวานโบราณข้างต้น ถ้าเปลี่ยนจากพริกสีเขียว>>>เป็นสีแดง ก็จะได้ เครื่องแกงเผ็ด แล้วถ้าเพิ่ม ผงกะหรี่ ขมิ้นผง เข้าไปก็จะได้เครื่องแกงกะหรี่ค่ะ
  • ป่น คือการนำวัตถุดิบไปบด ให้มีความละเอียด โดยสามารถใช้วิธีการตำ หรือใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง เครื่องปั่นพริกแกง ก็ได้

วิธีการทำ

ตำพริกแกงเขียวหวาน
ตำพริกแกง

ตำพริกแกงให้ละเอียด

ตักใส่ถ้วยพักไว้

  • นำวัตถุดิบในการทำพริกแกงที่เตรียมไว้ไปตำ หรือจะใช้เป็นวิธีการปั่นเพื่อเพิ่มความละเอียดให้กับพริกแกง และประหยัดเวลาในการทำซึ่ง เครื่องปั่นพริกแกง เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เจินค่อนข้างแนะนำเลยค่ะ จากนั้นตักใส่ถ้วยแล้วนำไปประกอบอาหารต่อได้เลย

  TIPS  

แกงเขียวหวานสีไม่เขียว แก้ยังไง ?

  • ถ้ากลัวสีของแกงเขียวไม่พอ ให้ลวกใบโหระพา แล้วนำไปตำรวมกับพริกแกง จะทำให้สีของแกงเขียวขึ้น
  • หากไม่สะดวกทำพริกแกงด้วยตนเองสามารถใช้พริกแกงสำเร็จรูปได้เช่นกัน แต่ก่อนปรุงรสชาติควรชิมก่อน เพราะพริกแกงสำเร็จบางสูตรจะมีความเค็มอยู่แล้ว

ถ้าไม่กินแกงเขียวหวานกับข้าว สามารถกินกับอะไรได้บ้าง ?

1.เส้นขนมจีน

เส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม เป็นที่นิยมในการนำมาทานคู่กับแกงเขียวหวานอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเจินค่อนข้างชอบขนมจีนเส้นเล็ก อร่อยลงตัวสุด ๆ ค่ะ

แกงเขียวหวาน ขนมจีนแกงเขียวหวาน

2.เส้นสปาเก็ตตี้

เส้นสปาเก็ตตี้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นำมาทานคู่กันแล้ว ได้ความแปลกใหม่ และอร่อยไม่แพ้เส้นขนมจีน

แกงเขียวหวาน สปาเกตตีแกงเขียวหวาน

3.แป้งนาน

ทุกคนสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตที่จัดจำหน่าย ซึ่งแค่เรานำมาย่างไฟ หรืออย่างง่าย ๆ ก็คือเอาไปจี่กับกระทะจะทำให้ตัวแป้งมีความหอม แต่ต้องใช้ความใจเย็นระหว่างย่างจนสีของแป้งทั้ง 2 ด้าน เริ่มเหลือง และพองตัวขึ้นมา เมื่อนำไปทานคู่แกงเขียวหวานแล้ว เจินบอกเลยว่าเด็ดแน่นอน

4.แป้งโรตี

สำหรับแป้งโรตี ก็สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตเช่นเดียวกัน โดยเราแค่นำมาทอดแล้วพักให้สะเด็ดน้ำมัน เมื่อกินคู่กับแกงเขียวหวานแล้ว อร่อยไม่แพ้แป้งนานเลยค่ะ แถมยังได้เนื้อสัมผัสที่มีความกรอบและซึมซับน้ำแกงได้อย่างดีเลย แต่เจินขอแนะนำว่าให้ทอดแผ่นแป้งในตอนที่มันยังมีความแข็งอยู่ เพราะถ้าแผ่นแป้งอยู่ในอุณหภูมิปกติ แล้วคลายตัวลงจะมีลักษณะที่ค่อนข้างนิ่ม นำมาทอดแล้วอาจดูไม่สวย ไม่น่ารับประทาน

แกงเขียวหวาน โรตีแกงเขียวหวาน

  TIPS  

แป้งโรตี กับ แป้งนาน ต่างกันอย่างไร ?

  1. แป้งโรตีและแป้งนานมีส่วนผสมที่คล้ายคลึงกัน แต่แป้งโรตีจะมีเนยและน้ำตาลมากกว่า
  2. แป้งโรตีทอดในน้ำมัน แต่แป้งนานนาบในเตาอบหรือกระทะร้อน
  3. แป้งโรตีมีลักษณะฟู นุ่ม และมีชั้นเนย ส่วนแป้งนานมีลักษณะฟู นุ่ม และมีฟองอากาศเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วแผ่นแป้ง
  4. แป้งโรตีมีรสชาติหวาน มัน เค็มเล็กน้อย แป้งนานมีรสชาติเค็มเล็กน้อย และหอมยีสต์

5.ขนมปัง

มีสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดี ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานคู่กับแกงเขียวหวานแล้ว จะได้สัมผัสของตัวแกงที่เต็มปากเต็มคำเลย แต่ถ้ามีเวลาต้องการเพิ่มความหอม เจินแนะนำให้ทาเนยลงบนกระทะ แล้วนำขนมปังไปปิ้งให้ผิวทั้ง 2 ด้านเริ่มมีความเกรียมเล็กน้อย บวกกับกลิ่นหอมของเนย รับรองว่าถูกปากแน่นอน

แกงเขียวหวาน โรตีแกงเขียวหวาน

คุณค่าของสมุนไพรในเครื่องแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน เป็นอาหารไทยที่อุดมไปด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย ดังนี้

  1. มะเขือพวง : ใช้เป็นยาระงับอาการปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ
  2. ใบมะกรูด : ช่วยป้องกัน และบรรเทาโรคมะเร็ง
  3. ใบโหระพา : แก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร
  4. พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง : ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม เป็นยาระบาย ขับเสมหะ และแก้หวัด
  5. หัวหอม : ช่วยบรรเทาอาการหวัด หายใจไม่ออก
  6. กระเทียม : ช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอักเสบ บรรเทาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
  7. ข่า : ช่วยขับลม แก้อาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ
  8. ตะไคร้: ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ
  9. ยี่หร่า : ขับลม ช่วยย่อยอาหาร

FAQ คำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับแกงเขียวหวาน ?

Q : อยากเพิ่มความหอมให้แกงเขียวหวาน ต้องทำอย่างไร ?
A : ฉีกใบมะกรูด และใบชะพลูใส่ลงไปในตอนท้ายจะช่วยเพิ่มความหอมให้กับแกงเขียวหวานได้ดีเลยค่ะ

Q : สีเขียวมาจากอะไร ?
A : สีเขียวมาจาก พริกชี้ฟ้า และ พริกขี้หนู ที่เป็นส่วนประกอบในการทำเครื่องแกง รวมถึงผักสีเขียวชนิดต่าง ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเป็นส่วนประกอบ

Q : แกงเขียวหวาน กินแล้วอ้วนไหม ?
A : แกงเขียวหวาน 100 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 112 กิโลแคลอรี่ แต่ถ้ากังวลว่าทานแล้วจะอ้วน เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนจากกะทิ เป็นนมอัลมอนด์, น้ำตาลปี๊ป เป็นน้ำตาลหญ้าหวาน และน้ำปลาสูตรปกติ เป็นน้ำปลา Low Sodium ได้ค่ะ

Q : แกงเขียวหวาน มีรสขมเกิดจากอะไร ?
A : สาเหตุ เกิดจากการผัดพริกแกงไม่นานพอ หรือความร้อนไม่สม่ำเสมอ ทำให้พริกแกงยังไม่สุกดี วิธีแก้ ผัดพริกแกงนาน ๆ ด้วยไฟอ่อนจนหอมและสุก

แกงเขียวหวาน อาหารไทย สูตรโบราณ เมนูโปรดของใครหลายคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำนะคะ (แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวสูตรด้านล่างนี้  เจินรอตรวจการบ้านของทุกคนเลยแล้วพบกันใหม่ค่ะ)

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

เชฟเจิน

ผู้จัดการและเชฟผู้สอน
ที่ Smile Cooking Club
Le Cordon Bleu 2013

เมนูเด็ดจาก SGE

วิธีทำ แกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (Video)

โดย หลินหลิน
อัปเดตเมื่อ 20 มิถุนายน 2024

คะแนนสูตรนี้

แกงเขียวหวาน

คัดลอกลิงก์

แกงเขียวหวาน อาหารไทยโบราณที่ติดอันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ลำดับที่ 73 ในปี ค.ศ.2022 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 – 7 จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ และคู่มือแม่ครัว ในปี พ.ศ. 2469  อีกทั้งยัง พัฒนาสูตรมาจากแกงเผ็ด ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้มข้น เจินเลยอยากชวนทุกคนเข้าครัวมาทำแกงเขียวหวานไก่หม้อนี้ให้น้ำกะทิแตกมัน เนื้อไก่นุ่ม รสชาติเข้มข้นตามสูตรโบราณโดยใช้กะทิกล่อง และมีเวลาในการทำเพียง 30 นาที

สูตรแกงเขียวหวาน

เวลาเตรียม ≈ 15 นาที  |  เวลาปรุง ≈ 30 นาที  |  สำหรับ 5 เสิร์ฟ

วัตถุดิบแกงเขียวหวาน

วัตถุดดิบ แกงเขียวหวาน

1.เนื้ออกไก่ 350 กรัม (ลอกหนังออกจะได้ความเฮลตี้มากกว่า แต่ถ้าใครชอบแบบมีมันแทรกเล็กน้อย แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อส่วนสะโพกก็ได้)

2.หัวกะทิ 150 กรัม

3.หางกะทิ 350 กรัม

4.พริกแกงเขียวหวาน 50 กรัม

5.มะเขือพวง 50 กรัม

6.ใบมะกรูด 5 ใบ

7.ใบโหระพา 50 กรัม

8.พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด สำหรับตกแต่งให้สวยงาม

9.มะเขือเปราะ 300 กรัม

10.น้ำตาลปี๊ป 10 กรัม

11.เกลือ 10 กรัม และน้ำเปล่า (สำหรับแช่มะเขือเปราะ เพื่อล้างยางและช่วยไม่ให้มะเขือมีสีดำไม่น่ารับประทาน)

12.น้ำปลา 30 กรัม

  TIPS  

หัวกะทิ กับ หางกะทิ คืออะไร ? 

ความแตกต่างของวัตถุดิบ 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่ความข้นเท่านั้น โดยวิธีแยกกะทิส่วนที่เข้มข้น เพื่อใช้เป็นหัวกะทิ คือ

1. ให้เทกะทิใส่ชามพักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วตักกะทิส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนแยกไว้ ส่วนนั้นเองเรียกว่า “หัวกะทิ”

2. กะทิที่เหลือให้เทใส่ชามผสม แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะได้ “หางกะทิ” ค่ะ

วิธีการทำ

STEP 1 : หั่นพริกและเตรียมน้ำเกลือ
หั่นพริก แกงเขียวหวาน

ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า นำไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้น

น้ำเกลือแช่มะเขือแกงเขียวหวาน

ผสมเกลือกับน้ำเปล่า

  • นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง แล้วเลาะไส้พริกพร้อมกับเคาะเม็ดออก จากนั้นซอยเป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวเฉียงเพื่อความสวยงาม
  • ผสมเกลือกับน้ำสะอาด ใส่ชามแยกไว้สำหรับแช่มะเขือเปราะ

  TIPS  

การนำไส้พริกออกช่วยอะไร ?

  • การนำไส้พริกออกจะช่วยลดกลิ่นฉุนและความเผ็ดของพริกลง
  • การหั่นพริกอาจทำให้แสบมือ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงในการสัมผัสบริเวณเม็ด หรือน้ำของมัน
  • พริกชี้ฟ้าแดง จะช่วยตัดกับสีของแกงเขียวหวาน ทำให้สีสวยน่ารับประทานขึ้น
STEP 2 : เตรียมมะเขือและเนื้อไก่
แกงเขียวหวาน

หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปแช่น้ำเกลือ

แกงเขียวหวาน

ผ่าครึ่งอกไก่ แล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ

  • หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือ พยายามกดให้ผิวของมะเขือโดนน้ำเกลือทุกส่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริเวณที่ไม่โดนน้ำเกลือ มีสีคล้ำ ไม่น่ารับประทาน
  • ผ่าครึ่งตรงกลางของอกไก่ บริเวณเส้นรอยต่อของแนวเนื้อ จากนั้นหั่นอกไก่ให้เป็นชิ้นในแนวตรงข้ามกับลาย ซึ่งในสูตรเจินจะหั่นบาง ๆ ขนาด 6 – 7 มิลลิเมตร หรือถ้าใครต้องการเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ ก็สามารถใช้เนื้อวัวในส่วนน่องลาย เนื้อวัวสด หรือลูกชิ้นปลากราย ก็ได้เช่นกัน

  TIPS  

เลือกเนื้อสัตว์ส่วนไหนให้อร่อย ไม่เหนียว

  • เนื้อไก่ : เป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นิยมใช้ส่วน อก สะโพกหรือปีกไก่ที่มีรสชาติหวาน
  • เนื้อหมู : หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง นิยมใช้ส่วนสันคอ สะโพก หรือสามชั้น
  • เนื้อวัว : นิยมนำมาแกงมากที่สุด โดยใช้ส่วนเนื้อน่อง สะโพก หรือไหล่

(ให้นำเนื้อที่เตรียมไว้ไปลวนกับหางกะทิประมาณ 45 นาทีด้วยไฟกลาง รับรองเลยว่าอร่อยจนสามารถทำขายได้เลยค่ะ)

STEP 3 : เตรียมน้ำกะทิกับพริกแกงเขียวหวาน
เคี่ยวกะทิ

เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน

ผัดพริกแกง

ผัดพริกแกงให้หอม

  • เทหัวกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อด้วยไฟแรง ซึ่งในวันนี้เจินเลือกใช้กะทิกล่อง ดังนั้นจะมีปัญหาคือ กะทิแตกมันช้า และสีของตัวแกงค่อนข้างซีดไม่เขียวสวย วิธีแก้คือต้องเคี่ยวกะทิรอให้แตกมันมาก ๆ จึงจะใส่พริกแกงลงไปผัดต่อ

(กะทิแตกมัน คือการแยกตัวของน้ำมันในกะทิ ซึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้นแกมเหลือง)

  • ผัดพริกแกงให้มีกลิ่นหอม แนะนำว่าให้ผัดด้วยไฟอ่อนและระวังอย่าให้พริกแกงไหม้ติดหม้อ
STEP 4 : ผัดเนื้อไก่ + เคี่ยวแกงเขียวหวาน
แกงเขียวหวาน

นำไก่ลงไปผัด

แกงเขียวหวาน

เมื่อไก่เริ่มสุก ให้ใส่หางกะทิลงไป

  • เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วให้ใส่เนื้ออกไก่ลงไปผัดต่อจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ไม่ควรผัดนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง ไม่อร่อย
  • ใส่หางกะทิลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงเดือด
STEP 5 : เติมมะเขือและสมุนไพร
แกงเขียวหวาน

ใส่มะเขือเปราะ

แกงเขียวหวาน

ตามด้วยมะเขือพวง และใบมะกรูด

  • เมื่อน้ำแกงเดือดจัด ให้ใส่มะเขือเปราะ ที่แช่น้ำเกลือทิ้งไว้กดให้มะเขือจมน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน
  • เมื่อแกงเขียวหวานเดือดจัดให้ลดไฟลง แล้วใส่มะเขือพวงลงไปตามด้วยใบมะกรูด โดยเจินจะใช้วิธีการฉีกเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้

  TIPS  

แกงเขียวหวานยังไงไม่ให้มะเขือดำ ?

  • นอกจากนำมะเขือเปราะแช่น้ำเกลือแล้ว ระหว่างต้มแกงเขียวหวานให้พยายามคนและกดมะเขือให้จมน้ำก็จะช่วยลดอาการมะเขือมีสีดำคล้ำได้ดีเลยค่ะ
  • หากชอบแกงเขียวหวานที่เข้มข้นหอมมันมาก ๆ ให้เพิ่มหัวกะทิลงไป แต่ถ้าชอบซดน้ำทานง่าย ให้เติมหางกะทิแทน
STEP 6 : ปรุงรส
แกงเขียวหวาน

ปรุงรสด้วยน้ำปลา

แกงเขียวหวาน

ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป

STEP 7 : ใส่ใบโหระพา + พริกชี้ฟ้าแดง
แกงเขียวหวาน

ใส่ใบโหระพาลงไป

แกงเขียวหวาน

โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย

  • ใส่ใบโหระพาลงไปกดให้ใบจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำ
  • สุดท้ายโรยพริกชีฟ้าแดงลงไปโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับตกแต่งจาน จากนั้นปิดเตาแก๊ส
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ
แกงเขียวหวาน

ตักใส่ภาชนะ

แกงเขียวหวาน

จัดเสิร์ฟ

  • ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยขนาดที่ต้องการ โรยพริกชี้ฟ้าแดง แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

  TIPS  

เทคนิคยืดอายุแกงกะทิให้นานโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น 

เทคนิคนี้เพื่อน ๆ ต้องทำก่อนเริ่มแกงเขียวหวาน คือให้ตั้งกะทิด้วยไฟอ่อนสุดเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แล้วจึงนำไปประกอบอาหารตามขั้นตอน สามารถนำไปใช้ได้กับเมนูกะทิทุกแบบ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แกงของเราอยู่ได้นานข้ามคืนโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็นเลยค่ะ

วิดีโอสอนทำแกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (ฉบับเข้าใจง่าย)

เนื้อหาในวิดีโอ

  • 0:00 เกริ่นนำ
  • 0:19 แนะนำวัตถุดิบ
  • 1:35 การเตรียมผัก
  • 2:42 การเตรียมอกไก่
  • 5:22 การทำแกงเขียวหวาน
  • 9:31 ดูผลลัพธ์
  • 10:28 สูตรเพื่อการค้า

สูตรพริกแกงเขียวหวานแบบโบราณ

พริกแกง พริกแกงเขียวหวาน เครื่องแกง

วัตถุดิบพริกแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวานสูตรนี้ เจินเลือกใช้พริกแกงสำเร็จรูป เพราะค่อนข้างสะดวกและประหยัดเวลา แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากทำพริกแกงเอง เจินมีสูตรมาแจกตามนี้เลยค่ะ

  • ตะไคร้ซอยบาง ๆ ½ ถ้วยตวง
  • ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความหอมให้กับเครื่องแกง)
  • หอมแดง ½ ถ้วยตวง
  • กระเทียม ¼ ถ้วยตวง
  • ข่า 1 ช้อนชาพูน
  • กะปิ 1 ช้อน โต๊ะ
  • ลูกผักชีป่น ¼ ช้อนชา
  • ยี่หร่าป่น ¼ ช้อนชา (ลูกผักชี และยี่หร่าป่นให้นำไปคั่วไฟอ่อน จะทำให้พริกแกงหอมยิ่งขึ้นค่ะ)
  • พริกชี้ฟ้าเขียว 12 เม็ด
  • พริกขี้หนูเขียวเม็ดใหญ่ 5 เม็ด (เพิ่มจำนวนพริกได้ตามระดับความเผ็ดที่ชอบ)

  TIPS  

เปลี่ยนชนิดเครื่องแกงง่าย ๆ แค่วัตถุดิบไม่กี่อย่าง

  • จากสูตรพริกแกงเขียวหวานโบราณข้างต้น ถ้าเปลี่ยนจากพริกสีเขียว>>>เป็นสีแดง ก็จะได้ เครื่องแกงเผ็ด แล้วถ้าเพิ่ม ผงกะหรี่ ขมิ้นผง เข้าไปก็จะได้เครื่องแกงกะหรี่ค่ะ
  • ป่น คือการนำวัตถุดิบไปบด ให้มีความละเอียด โดยสามารถใช้วิธีการตำ หรือใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง เครื่องปั่นพริกแกง ก็ได้

วิธีการทำ

ตำพริกแกงเขียวหวาน
ตำพริกแกง

ตำพริกแกงให้ละเอียด

ตักใส่ถ้วยพักไว้

  • นำวัตถุดิบในการทำพริกแกงที่เตรียมไว้ไปตำ หรือจะใช้เป็นวิธีการปั่นเพื่อเพิ่มความละเอียดให้กับพริกแกง และประหยัดเวลาในการทำซึ่ง เครื่องปั่นพริกแกง เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เจินค่อนข้างแนะนำเลยค่ะ จากนั้นตักใส่ถ้วยแล้วนำไปประกอบอาหารต่อได้เลย

  TIPS  

แกงเขียวหวานสีไม่เขียว แก้ยังไง ?

  • ถ้ากลัวสีของแกงเขียวไม่พอ ให้ลวกใบโหระพา แล้วนำไปตำรวมกับพริกแกง จะทำให้สีของแกงเขียวขึ้น
  • หากไม่สะดวกทำพริกแกงด้วยตนเองสามารถใช้พริกแกงสำเร็จรูปได้เช่นกัน แต่ก่อนปรุงรสชาติควรชิมก่อน เพราะพริกแกงสำเร็จบางสูตรจะมีความเค็มอยู่แล้ว

ถ้าไม่กินแกงเขียวหวานกับข้าว สามารถกินกับอะไรได้บ้าง ?

1.เส้นขนมจีน

เส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม เป็นที่นิยมในการนำมาทานคู่กับแกงเขียวหวานอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเจินค่อนข้างชอบขนมจีนเส้นเล็ก อร่อยลงตัวสุด ๆ ค่ะ

แกงเขียวหวาน ขนมจีนแกงเขียวหวาน

2.เส้นสปาเก็ตตี้

เส้นสปาเก็ตตี้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นำมาทานคู่กันแล้ว ได้ความแปลกใหม่ และอร่อยไม่แพ้เส้นขนมจีน

แกงเขียวหวาน สปาเกตตีแกงเขียวหวาน

3.แป้งนาน

ทุกคนสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตที่จัดจำหน่าย ซึ่งแค่เรานำมาย่างไฟ หรืออย่างง่าย ๆ ก็คือเอาไปจี่กับกระทะจะทำให้ตัวแป้งมีความหอม แต่ต้องใช้ความใจเย็นระหว่างย่างจนสีของแป้งทั้ง 2 ด้าน เริ่มเหลือง และพองตัวขึ้นมา เมื่อนำไปทานคู่แกงเขียวหวานแล้ว เจินบอกเลยว่าเด็ดแน่นอน

4.แป้งโรตี

สำหรับแป้งโรตี ก็สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตเช่นเดียวกัน โดยเราแค่นำมาทอดแล้วพักให้สะเด็ดน้ำมัน เมื่อกินคู่กับแกงเขียวหวานแล้ว อร่อยไม่แพ้แป้งนานเลยค่ะ แถมยังได้เนื้อสัมผัสที่มีความกรอบและซึมซับน้ำแกงได้อย่างดีเลย แต่เจินขอแนะนำว่าให้ทอดแผ่นแป้งในตอนที่มันยังมีความแข็งอยู่ เพราะถ้าแผ่นแป้งอยู่ในอุณหภูมิปกติ แล้วคลายตัวลงจะมีลักษณะที่ค่อนข้างนิ่ม นำมาทอดแล้วอาจดูไม่สวย ไม่น่ารับประทาน

แกงเขียวหวาน โรตีแกงเขียวหวาน

  TIPS  

แป้งโรตี กับ แป้งนาน ต่างกันอย่างไร ?

  1. แป้งโรตีและแป้งนานมีส่วนผสมที่คล้ายคลึงกัน แต่แป้งโรตีจะมีเนยและน้ำตาลมากกว่า
  2. แป้งโรตีทอดในน้ำมัน แต่แป้งนานนาบในเตาอบหรือกระทะร้อน
  3. แป้งโรตีมีลักษณะฟู นุ่ม และมีชั้นเนย ส่วนแป้งนานมีลักษณะฟู นุ่ม และมีฟองอากาศเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วแผ่นแป้ง
  4. แป้งโรตีมีรสชาติหวาน มัน เค็มเล็กน้อย แป้งนานมีรสชาติเค็มเล็กน้อย และหอมยีสต์

5.ขนมปัง

มีสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดี ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานคู่กับแกงเขียวหวานแล้ว จะได้สัมผัสของตัวแกงที่เต็มปากเต็มคำเลย แต่ถ้ามีเวลาต้องการเพิ่มความหอม เจินแนะนำให้ทาเนยลงบนกระทะ แล้วนำขนมปังไปปิ้งให้ผิวทั้ง 2 ด้านเริ่มมีความเกรียมเล็กน้อย บวกกับกลิ่นหอมของเนย รับรองว่าถูกปากแน่นอน

แกงเขียวหวาน โรตีแกงเขียวหวาน

คุณค่าของสมุนไพรในเครื่องแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน เป็นอาหารไทยที่อุดมไปด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย ดังนี้

  1. มะเขือพวง : ใช้เป็นยาระงับอาการปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ
  2. ใบมะกรูด : ช่วยป้องกัน และบรรเทาโรคมะเร็ง
  3. ใบโหระพา : แก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร
  4. พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง : ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม เป็นยาระบาย ขับเสมหะ และแก้หวัด
  5. หัวหอม : ช่วยบรรเทาอาการหวัด หายใจไม่ออก
  6. กระเทียม : ช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอักเสบ บรรเทาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
  7. ข่า : ช่วยขับลม แก้อาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ
  8. ตะไคร้: ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ
  9. ยี่หร่า : ขับลม ช่วยย่อยอาหาร

FAQ คำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับแกงเขียวหวาน ?

Q : อยากเพิ่มความหอมให้แกงเขียวหวาน ต้องทำอย่างไร ?
A : ฉีกใบมะกรูด และใบชะพลูใส่ลงไปในตอนท้ายจะช่วยเพิ่มความหอมให้กับแกงเขียวหวานได้ดีเลยค่ะ

Q : สีเขียวมาจากอะไร ?
A : สีเขียวมาจาก พริกชี้ฟ้า และ พริกขี้หนู ที่เป็นส่วนประกอบในการทำเครื่องแกง รวมถึงผักสีเขียวชนิดต่าง ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเป็นส่วนประกอบ

Q : แกงเขียวหวาน กินแล้วอ้วนไหม ?
A : แกงเขียวหวาน 100 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 112 กิโลแคลอรี่ แต่ถ้ากังวลว่าทานแล้วจะอ้วน เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนจากกะทิ เป็นนมอัลมอนด์, น้ำตาลปี๊ป เป็นน้ำตาลหญ้าหวาน และน้ำปลาสูตรปกติ เป็นน้ำปลา Low Sodium ได้ค่ะ

Q : แกงเขียวหวาน มีรสขมเกิดจากอะไร ?
A : สาเหตุ เกิดจากการผัดพริกแกงไม่นานพอ หรือความร้อนไม่สม่ำเสมอ ทำให้พริกแกงยังไม่สุกดี วิธีแก้ ผัดพริกแกงนาน ๆ ด้วยไฟอ่อนจนหอมและสุก

แกงเขียวหวาน อาหารไทย สูตรโบราณ เมนูโปรดของใครหลายคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำนะคะ (แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวสูตรด้านล่างนี้  เจินรอตรวจการบ้านของทุกคนเลยแล้วพบกันใหม่ค่ะ)

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

หลินหลิน

บล็อกเกอร์สายอาหาร จบการศึกษาจากคณะคหกรรมศาสตร์ สาขาอาหารและโภชนาการ
ชอบสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และแบ่งปันสูตรอาหารเจ๋ง ๆ ที่ทุกคนสามารถทำเองได้ที่บ้าน

เมนูเด็ดจาก SGE

วิธีทำ แกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (Video)

โดย ออฟ
อัปเดตเมื่อ 20 มิถุนายน 2024

คะแนนสูตรนี้

แกงเขียวหวาน

คัดลอกลิงก์

แกงเขียวหวาน อาหารไทยโบราณที่ติดอันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ลำดับที่ 73 ในปี ค.ศ.2022 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 – 7 จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ และคู่มือแม่ครัว ในปี พ.ศ. 2469  อีกทั้งยัง พัฒนาสูตรมาจากแกงเผ็ด ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้มข้น เจินเลยอยากชวนทุกคนเข้าครัวมาทำแกงเขียวหวานไก่หม้อนี้ให้น้ำกะทิแตกมัน เนื้อไก่นุ่ม รสชาติเข้มข้นตามสูตรโบราณโดยใช้กะทิกล่อง และมีเวลาในการทำเพียง 30 นาที

สูตรแกงเขียวหวาน

เวลาเตรียม ≈ 15 นาที  |  เวลาปรุง ≈ 30 นาที  |  สำหรับ 5 เสิร์ฟ

วัตถุดิบแกงเขียวหวาน

วัตถุดดิบ แกงเขียวหวาน

1.เนื้ออกไก่ 350 กรัม (ลอกหนังออกจะได้ความเฮลตี้มากกว่า แต่ถ้าใครชอบแบบมีมันแทรกเล็กน้อย แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อส่วนสะโพกก็ได้)

2.หัวกะทิ 150 กรัม

3.หางกะทิ 350 กรัม

4.พริกแกงเขียวหวาน 50 กรัม

5.มะเขือพวง 50 กรัม

6.ใบมะกรูด 5 ใบ

7.ใบโหระพา 50 กรัม

8.พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด สำหรับตกแต่งให้สวยงาม

9.มะเขือเปราะ 300 กรัม

10.น้ำตาลปี๊ป 10 กรัม

11.เกลือ 10 กรัม และน้ำเปล่า (สำหรับแช่มะเขือเปราะ เพื่อล้างยางและช่วยไม่ให้มะเขือมีสีดำไม่น่ารับประทาน)

12.น้ำปลา 30 กรัม

  TIPS  

หัวกะทิ กับ หางกะทิ คืออะไร ? 

ความแตกต่างของวัตถุดิบ 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่ความข้นเท่านั้น โดยวิธีแยกกะทิส่วนที่เข้มข้น เพื่อใช้เป็นหัวกะทิ คือ

1. ให้เทกะทิใส่ชามพักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วตักกะทิส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนแยกไว้ ส่วนนั้นเองเรียกว่า “หัวกะทิ”

2. กะทิที่เหลือให้เทใส่ชามผสม แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะได้ “หางกะทิ” ค่ะ

วิธีการทำ

STEP 1 : หั่นพริกและเตรียมน้ำเกลือ
หั่นพริก แกงเขียวหวาน

ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า นำไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้น

น้ำเกลือแช่มะเขือแกงเขียวหวาน

ผสมเกลือกับน้ำเปล่า

  • นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง แล้วเลาะไส้พริกพร้อมกับเคาะเม็ดออก จากนั้นซอยเป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวเฉียงเพื่อความสวยงาม
  • ผสมเกลือกับน้ำสะอาด ใส่ชามแยกไว้สำหรับแช่มะเขือเปราะ

  TIPS  

การนำไส้พริกออกช่วยอะไร ?

  • การนำไส้พริกออกจะช่วยลดกลิ่นฉุนและความเผ็ดของพริกลง
  • การหั่นพริกอาจทำให้แสบมือ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงในการสัมผัสบริเวณเม็ด หรือน้ำของมัน
  • พริกชี้ฟ้าแดง จะช่วยตัดกับสีของแกงเขียวหวาน ทำให้สีสวยน่ารับประทานขึ้น
STEP 2 : เตรียมมะเขือและเนื้อไก่
แกงเขียวหวาน

หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปแช่น้ำเกลือ

แกงเขียวหวาน

ผ่าครึ่งอกไก่ แล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ

  • หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือ พยายามกดให้ผิวของมะเขือโดนน้ำเกลือทุกส่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริเวณที่ไม่โดนน้ำเกลือ มีสีคล้ำ ไม่น่ารับประทาน
  • ผ่าครึ่งตรงกลางของอกไก่ บริเวณเส้นรอยต่อของแนวเนื้อ จากนั้นหั่นอกไก่ให้เป็นชิ้นในแนวตรงข้ามกับลาย ซึ่งในสูตรเจินจะหั่นบาง ๆ ขนาด 6 – 7 มิลลิเมตร หรือถ้าใครต้องการเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ ก็สามารถใช้เนื้อวัวในส่วนน่องลาย เนื้อวัวสด หรือลูกชิ้นปลากราย ก็ได้เช่นกัน

  TIPS  

เลือกเนื้อสัตว์ส่วนไหนให้อร่อย ไม่เหนียว

  • เนื้อไก่ : เป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นิยมใช้ส่วน อก สะโพกหรือปีกไก่ที่มีรสชาติหวาน
  • เนื้อหมู : หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง นิยมใช้ส่วนสันคอ สะโพก หรือสามชั้น
  • เนื้อวัว : นิยมนำมาแกงมากที่สุด โดยใช้ส่วนเนื้อน่อง สะโพก หรือไหล่

(ให้นำเนื้อที่เตรียมไว้ไปลวนกับหางกะทิประมาณ 45 นาทีด้วยไฟกลาง รับรองเลยว่าอร่อยจนสามารถทำขายได้เลยค่ะ)

STEP 3 : เตรียมน้ำกะทิกับพริกแกงเขียวหวาน
เคี่ยวกะทิ

เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน

ผัดพริกแกง

ผัดพริกแกงให้หอม

  • เทหัวกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อด้วยไฟแรง ซึ่งในวันนี้เจินเลือกใช้กะทิกล่อง ดังนั้นจะมีปัญหาคือ กะทิแตกมันช้า และสีของตัวแกงค่อนข้างซีดไม่เขียวสวย วิธีแก้คือต้องเคี่ยวกะทิรอให้แตกมันมาก ๆ จึงจะใส่พริกแกงลงไปผัดต่อ

(กะทิแตกมัน คือการแยกตัวของน้ำมันในกะทิ ซึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้นแกมเหลือง)

  • ผัดพริกแกงให้มีกลิ่นหอม แนะนำว่าให้ผัดด้วยไฟอ่อนและระวังอย่าให้พริกแกงไหม้ติดหม้อ
STEP 4 : ผัดเนื้อไก่ + เคี่ยวแกงเขียวหวาน
แกงเขียวหวาน

นำไก่ลงไปผัด

แกงเขียวหวาน

เมื่อไก่เริ่มสุก ให้ใส่หางกะทิลงไป

  • เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วให้ใส่เนื้ออกไก่ลงไปผัดต่อจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ไม่ควรผัดนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง ไม่อร่อย
  • ใส่หางกะทิลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงเดือด
STEP 5 : เติมมะเขือและสมุนไพร
แกงเขียวหวาน

ใส่มะเขือเปราะ

แกงเขียวหวาน

ตามด้วยมะเขือพวง และใบมะกรูด

  • เมื่อน้ำแกงเดือดจัด ให้ใส่มะเขือเปราะ ที่แช่น้ำเกลือทิ้งไว้กดให้มะเขือจมน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน
  • เมื่อแกงเขียวหวานเดือดจัดให้ลดไฟลง แล้วใส่มะเขือพวงลงไปตามด้วยใบมะกรูด โดยเจินจะใช้วิธีการฉีกเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้

  TIPS  

แกงเขียวหวานยังไงไม่ให้มะเขือดำ ?

  • นอกจากนำมะเขือเปราะแช่น้ำเกลือแล้ว ระหว่างต้มแกงเขียวหวานให้พยายามคนและกดมะเขือให้จมน้ำก็จะช่วยลดอาการมะเขือมีสีดำคล้ำได้ดีเลยค่ะ
  • หากชอบแกงเขียวหวานที่เข้มข้นหอมมันมาก ๆ ให้เพิ่มหัวกะทิลงไป แต่ถ้าชอบซดน้ำทานง่าย ให้เติมหางกะทิแทน
STEP 6 : ปรุงรส
แกงเขียวหวาน

ปรุงรสด้วยน้ำปลา

แกงเขียวหวาน

ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป

STEP 7 : ใส่ใบโหระพา + พริกชี้ฟ้าแดง
แกงเขียวหวาน

ใส่ใบโหระพาลงไป

แกงเขียวหวาน

โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย

  • ใส่ใบโหระพาลงไปกดให้ใบจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำ
  • สุดท้ายโรยพริกชีฟ้าแดงลงไปโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับตกแต่งจาน จากนั้นปิดเตาแก๊ส
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ
แกงเขียวหวาน

ตักใส่ภาชนะ

แกงเขียวหวาน

จัดเสิร์ฟ

  • ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยขนาดที่ต้องการ โรยพริกชี้ฟ้าแดง แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ

  TIPS  

เทคนิคยืดอายุแกงกะทิให้นานโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น 

เทคนิคนี้เพื่อน ๆ ต้องทำก่อนเริ่มแกงเขียวหวาน คือให้ตั้งกะทิด้วยไฟอ่อนสุดเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แล้วจึงนำไปประกอบอาหารตามขั้นตอน สามารถนำไปใช้ได้กับเมนูกะทิทุกแบบ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แกงของเราอยู่ได้นานข้ามคืนโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็นเลยค่ะ

วิดีโอสอนทำแกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (ฉบับเข้าใจง่าย)

เนื้อหาในวิดีโอ

  • 0:00 เกริ่นนำ
  • 0:19 แนะนำวัตถุดิบ
  • 1:35 การเตรียมผัก
  • 2:42 การเตรียมอกไก่
  • 5:22 การทำแกงเขียวหวาน
  • 9:31 ดูผลลัพธ์
  • 10:28 สูตรเพื่อการค้า

สูตรพริกแกงเขียวหวานแบบโบราณ

พริกแกง พริกแกงเขียวหวาน เครื่องแกง

วัตถุดิบพริกแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวานสูตรนี้ เจินเลือกใช้พริกแกงสำเร็จรูป เพราะค่อนข้างสะดวกและประหยัดเวลา แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากทำพริกแกงเอง เจินมีสูตรมาแจกตามนี้เลยค่ะ

  • ตะไคร้ซอยบาง ๆ ½ ถ้วยตวง
  • ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความหอมให้กับเครื่องแกง)
  • หอมแดง ½ ถ้วยตวง
  • กระเทียม ¼ ถ้วยตวง
  • ข่า 1 ช้อนชาพูน
  • กะปิ 1 ช้อน โต๊ะ
  • ลูกผักชีป่น ¼ ช้อนชา
  • ยี่หร่าป่น ¼ ช้อนชา (ลูกผักชี และยี่หร่าป่นให้นำไปคั่วไฟอ่อน จะทำให้พริกแกงหอมยิ่งขึ้นค่ะ)
  • พริกชี้ฟ้าเขียว 12 เม็ด
  • พริกขี้หนูเขียวเม็ดใหญ่ 5 เม็ด (เพิ่มจำนวนพริกได้ตามระดับความเผ็ดที่ชอบ)

  TIPS  

เปลี่ยนชนิดเครื่องแกงง่าย ๆ แค่วัตถุดิบไม่กี่อย่าง

  • จากสูตรพริกแกงเขียวหวานโบราณข้างต้น ถ้าเปลี่ยนจากพริกสีเขียว>>>เป็นสีแดง ก็จะได้ เครื่องแกงเผ็ด แล้วถ้าเพิ่ม ผงกะหรี่ ขมิ้นผง เข้าไปก็จะได้เครื่องแกงกะหรี่ค่ะ
  • ป่น คือการนำวัตถุดิบไปบด ให้มีความละเอียด โดยสามารถใช้วิธีการตำ หรือใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง เครื่องปั่นพริกแกง ก็ได้

วิธีการทำ

ตำพริกแกงเขียวหวาน
ตำพริกแกง

ตำพริกแกงให้ละเอียด

ตักใส่ถ้วยพักไว้

  • นำวัตถุดิบในการทำพริกแกงที่เตรียมไว้ไปตำ หรือจะใช้เป็นวิธีการปั่นเพื่อเพิ่มความละเอียดให้กับพริกแกง และประหยัดเวลาในการทำซึ่ง เครื่องปั่นพริกแกง เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เจินค่อนข้างแนะนำเลยค่ะ จากนั้นตักใส่ถ้วยแล้วนำไปประกอบอาหารต่อได้เลย

  TIPS  

แกงเขียวหวานสีไม่เขียว แก้ยังไง ?

  • ถ้ากลัวสีของแกงเขียวไม่พอ ให้ลวกใบโหระพา แล้วนำไปตำรวมกับพริกแกง จะทำให้สีของแกงเขียวขึ้น
  • หากไม่สะดวกทำพริกแกงด้วยตนเองสามารถใช้พริกแกงสำเร็จรูปได้เช่นกัน แต่ก่อนปรุงรสชาติควรชิมก่อน เพราะพริกแกงสำเร็จบางสูตรจะมีความเค็มอยู่แล้ว

ถ้าไม่กินแกงเขียวหวานกับข้าว สามารถกินกับอะไรได้บ้าง ?

1.เส้นขนมจีน

เส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม เป็นที่นิยมในการนำมาทานคู่กับแกงเขียวหวานอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเจินค่อนข้างชอบขนมจีนเส้นเล็ก อร่อยลงตัวสุด ๆ ค่ะ

แกงเขียวหวาน ขนมจีนแกงเขียวหวาน

2.เส้นสปาเก็ตตี้

เส้นสปาเก็ตตี้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นำมาทานคู่กันแล้ว ได้ความแปลกใหม่ และอร่อยไม่แพ้เส้นขนมจีน

แกงเขียวหวาน สปาเกตตีแกงเขียวหวาน

3.แป้งนาน

ทุกคนสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตที่จัดจำหน่าย ซึ่งแค่เรานำมาย่างไฟ หรืออย่างง่าย ๆ ก็คือเอาไปจี่กับกระทะจะทำให้ตัวแป้งมีความหอม แต่ต้องใช้ความใจเย็นระหว่างย่างจนสีของแป้งทั้ง 2 ด้าน เริ่มเหลือง และพองตัวขึ้นมา เมื่อนำไปทานคู่แกงเขียวหวานแล้ว เจินบอกเลยว่าเด็ดแน่นอน

4.แป้งโรตี

สำหรับแป้งโรตี ก็สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตเช่นเดียวกัน โดยเราแค่นำมาทอดแล้วพักให้สะเด็ดน้ำมัน เมื่อกินคู่กับแกงเขียวหวานแล้ว อร่อยไม่แพ้แป้งนานเลยค่ะ แถมยังได้เนื้อสัมผัสที่มีความกรอบและซึมซับน้ำแกงได้อย่างดีเลย แต่เจินขอแนะนำว่าให้ทอดแผ่นแป้งในตอนที่มันยังมีความแข็งอยู่ เพราะถ้าแผ่นแป้งอยู่ในอุณหภูมิปกติ แล้วคลายตัวลงจะมีลักษณะที่ค่อนข้างนิ่ม นำมาทอดแล้วอาจดูไม่สวย ไม่น่ารับประทาน

แกงเขียวหวาน โรตีแกงเขียวหวาน

  TIPS  

แป้งโรตี กับ แป้งนาน ต่างกันอย่างไร ?

  1. แป้งโรตีและแป้งนานมีส่วนผสมที่คล้ายคลึงกัน แต่แป้งโรตีจะมีเนยและน้ำตาลมากกว่า
  2. แป้งโรตีทอดในน้ำมัน แต่แป้งนานนาบในเตาอบหรือกระทะร้อน
  3. แป้งโรตีมีลักษณะฟู นุ่ม และมีชั้นเนย ส่วนแป้งนานมีลักษณะฟู นุ่ม และมีฟองอากาศเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วแผ่นแป้ง
  4. แป้งโรตีมีรสชาติหวาน มัน เค็มเล็กน้อย แป้งนานมีรสชาติเค็มเล็กน้อย และหอมยีสต์

5.ขนมปัง

มีสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดี ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานคู่กับแกงเขียวหวานแล้ว จะได้สัมผัสของตัวแกงที่เต็มปากเต็มคำเลย แต่ถ้ามีเวลาต้องการเพิ่มความหอม เจินแนะนำให้ทาเนยลงบนกระทะ แล้วนำขนมปังไปปิ้งให้ผิวทั้ง 2 ด้านเริ่มมีความเกรียมเล็กน้อย บวกกับกลิ่นหอมของเนย รับรองว่าถูกปากแน่นอน

แกงเขียวหวาน โรตีแกงเขียวหวาน

คุณค่าของสมุนไพรในเครื่องแกงเขียวหวาน

แกงเขียวหวาน เป็นอาหารไทยที่อุดมไปด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย ดังนี้

  1. มะเขือพวง : ใช้เป็นยาระงับอาการปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ
  2. ใบมะกรูด : ช่วยป้องกัน และบรรเทาโรคมะเร็ง
  3. ใบโหระพา : แก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร
  4. พริกชี้ฟ้าเขียว , แดง : ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม เป็นยาระบาย ขับเสมหะ และแก้หวัด
  5. หัวหอม : ช่วยบรรเทาอาการหวัด หายใจไม่ออก
  6. กระเทียม : ช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด โรคมะเร็ง การอักเสบ บรรเทาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
  7. ข่า : ช่วยขับลม แก้อาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ
  8. ตะไคร้: ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ
  9. ยี่หร่า : ขับลม ช่วยย่อยอาหาร

FAQ คำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับแกงเขียวหวาน ?

Q : อยากเพิ่มความหอมให้แกงเขียวหวาน ต้องทำอย่างไร ?
A : ฉีกใบมะกรูด และใบชะพลูใส่ลงไปในตอนท้ายจะช่วยเพิ่มความหอมให้กับแกงเขียวหวานได้ดีเลยค่ะ

Q : สีเขียวมาจากอะไร ?
A : สีเขียวมาจาก พริกชี้ฟ้า และ พริกขี้หนู ที่เป็นส่วนประกอบในการทำเครื่องแกง รวมถึงผักสีเขียวชนิดต่าง ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเป็นส่วนประกอบ

Q : แกงเขียวหวาน กินแล้วอ้วนไหม ?
A : แกงเขียวหวาน 100 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 112 กิโลแคลอรี่ แต่ถ้ากังวลว่าทานแล้วจะอ้วน เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนจากกะทิ เป็นนมอัลมอนด์, น้ำตาลปี๊ป เป็นน้ำตาลหญ้าหวาน และน้ำปลาสูตรปกติ เป็นน้ำปลา Low Sodium ได้ค่ะ

Q : แกงเขียวหวาน มีรสขมเกิดจากอะไร ?
A : สาเหตุ เกิดจากการผัดพริกแกงไม่นานพอ หรือความร้อนไม่สม่ำเสมอ ทำให้พริกแกงยังไม่สุกดี วิธีแก้ ผัดพริกแกงนาน ๆ ด้วยไฟอ่อนจนหอมและสุก

แกงเขียวหวาน อาหารไทย สูตรโบราณ เมนูโปรดของใครหลายคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำนะคะ (แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวสูตรด้านล่างนี้  เจินรอตรวจการบ้านของทุกคนเลยแล้วพบกันใหม่ค่ะ)

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ออฟ

ช่างภาพอารมณ์ดี ผู้ชื่นชอบการทำอาหาร และการแปรรูปอาหาร เจ้าของยอดวิวกว่า 7.6 ล้าน จากไอเดียสุดสร้างสรรค์ลูกชิ้นปลาหมอคางดำ

เมนูเด็ดจาก SGE

ถาม-ตอบเกี่ยวกับสูตรอาหาร

guest
4 Comments
โหวตสูงสุด
ใหม่สุด เก่าสุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด
เด็กอ้วนที่ชอบทำกับข้าว
เด็กอ้วนที่ชอบทำกับข้าว
3 เดือน ที่ผ่านมา

ขอปรับสูตรจากมะเขือเป็นฟักเขียวแทนนะคะ อร่อยยย

IMG_3300
Wishyouwell.
Wishyouwell.
3 เดือน ที่ผ่านมา

ทำได้น่าทานมากค่าาา🤗

กินตามใจ
กินตามใจ
3 เดือน ที่ผ่านมา

ปรุงตามสูตร แต่ขอเปลี่ยนจากมะเขือเป็นใส่ฟักแทน อร่อยดีจ้า กินคู่กับขนมจีน เข้ากันสุดๆ👍🏻👍🏻👍🏻

IMG_2614
Wishyouwell.
Wishyouwell.
3 เดือน ที่ผ่านมา
ตอบกลับ  กินตามใจ

น่าอีทมากกกค่าาา