วิธีทำ แกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (Video)
แกงเขียวหวาน อาหารไทยโบราณที่ติดอันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ลำดับที่ 73 ในปี ค.ศ.2022 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 – 7 จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ และคู่มือแม่ครัว ในปี พ.ศ. 2469 อีกทั้งยัง พัฒนาสูตรมาจากแกงเผ็ด ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้มข้น เจินเลยอยากชวนทุกคนเข้าครัวมาทำแกงเขียวหวานไก่หม้อนี้ให้น้ำกะทิแตกมัน เนื้อไก่นุ่ม รสชาติเข้มข้นตามสูตรโบราณโดยใช้กะทิกล่อง และมีเวลาในการทำเพียง 30 นาที
สูตรแกงเขียวหวาน
เวลาเตรียม ≈ 15 นาที | เวลาปรุง ≈ 30 นาที | สำหรับ 5 เสิร์ฟ
วัตถุดิบแกงเขียวหวาน
1.เนื้ออกไก่ 350 กรัม (ลอกหนังออกจะได้ความเฮลตี้มากกว่า แต่ถ้าใครชอบแบบมีมันแทรกเล็กน้อย แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อส่วนสะโพกก็ได้)
2.หัวกะทิ 150 กรัม
3.หางกะทิ 350 กรัม
4.พริกแกงเขียวหวาน 50 กรัม
5.มะเขือพวง 50 กรัม
6.ใบมะกรูด 5 ใบ
7.ใบโหระพา 50 กรัม
8.พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด สำหรับตกแต่งให้สวยงาม
9.มะเขือเปราะ 300 กรัม
10.น้ำตาลปี๊ป 10 กรัม
11.เกลือ 10 กรัม และน้ำเปล่า (สำหรับแช่มะเขือเปราะ เพื่อล้างยางและช่วยไม่ให้มะเขือมีสีดำไม่น่ารับประทาน)
12.น้ำปลา 30 กรัม
TIPS
หัวกะทิ กับ หางกะทิ คืออะไร ?
ความแตกต่างของวัตถุดิบ 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่ความข้นเท่านั้น โดยวิธีแยกกะทิส่วนที่เข้มข้น เพื่อใช้เป็นหัวกะทิ คือ
1. ให้เทกะทิใส่ชามพักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วตักกะทิส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนแยกไว้ ส่วนนั้นเองเรียกว่า “หัวกะทิ”
2. กะทิที่เหลือให้เทใส่ชามผสม แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะได้ “หางกะทิ” ค่ะ
วิธีการทำ
STEP 1 : หั่นพริกและเตรียมน้ำเกลือ
ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า นำไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้น
ผสมเกลือกับน้ำเปล่า
- นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง แล้วเลาะไส้พริกพร้อมกับเคาะเม็ดออก จากนั้นซอยเป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวเฉียงเพื่อความสวยงาม
- ผสมเกลือกับน้ำสะอาด ใส่ชามแยกไว้สำหรับแช่มะเขือเปราะ
TIPS
การนำไส้พริกออกช่วยอะไร ?
- การนำไส้พริกออกจะช่วยลดกลิ่นฉุนและความเผ็ดของพริกลง
- การหั่นพริกอาจทำให้แสบมือ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงในการสัมผัสบริเวณเม็ด หรือน้ำของมัน
- พริกชี้ฟ้าแดง จะช่วยตัดกับสีของแกงเขียวหวาน ทำให้สีสวยน่ารับประทานขึ้น
STEP 2 : เตรียมมะเขือและเนื้อไก่
หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปแช่น้ำเกลือ
ผ่าครึ่งอกไก่ แล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ
- หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือ พยายามกดให้ผิวของมะเขือโดนน้ำเกลือทุกส่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริเวณที่ไม่โดนน้ำเกลือ มีสีคล้ำ ไม่น่ารับประทาน
- ผ่าครึ่งตรงกลางของอกไก่ บริเวณเส้นรอยต่อของแนวเนื้อ จากนั้นหั่นอกไก่ให้เป็นชิ้นในแนวตรงข้ามกับลาย ซึ่งในสูตรเจินจะหั่นบาง ๆ ขนาด 6 – 7 มิลลิเมตร หรือถ้าใครต้องการเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ ก็สามารถใช้เนื้อวัวในส่วนน่องลาย เนื้อวัวสด หรือลูกชิ้นปลากราย ก็ได้เช่นกัน
TIPS
เลือกเนื้อสัตว์ส่วนไหนให้อร่อย ไม่เหนียว
- เนื้อไก่ : เป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นิยมใช้ส่วน อก สะโพกหรือปีกไก่ที่มีรสชาติหวาน
- เนื้อหมู : หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง นิยมใช้ส่วนสันคอ สะโพก หรือสามชั้น
- เนื้อวัว : นิยมนำมาแกงมากที่สุด โดยใช้ส่วนเนื้อน่อง สะโพก หรือไหล่
(ให้นำเนื้อที่เตรียมไว้ไปลวนกับหางกะทิประมาณ 45 นาทีด้วยไฟกลาง รับรองเลยว่าอร่อยจนสามารถทำขายได้เลยค่ะ)
STEP 3 : เตรียมน้ำกะทิกับพริกแกงเขียวหวาน
เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน
ผัดพริกแกงให้หอม
- เทหัวกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อด้วยไฟแรง ซึ่งในวันนี้เจินเลือกใช้กะทิกล่อง ดังนั้นจะมีปัญหาคือ กะทิแตกมันช้า และสีของตัวแกงค่อนข้างซีดไม่เขียวสวย วิธีแก้คือต้องเคี่ยวกะทิรอให้แตกมันมาก ๆ จึงจะใส่พริกแกงลงไปผัดต่อ
(กะทิแตกมัน คือการแยกตัวของน้ำมันในกะทิ ซึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้นแกมเหลือง)
- ผัดพริกแกงให้มีกลิ่นหอม แนะนำว่าให้ผัดด้วยไฟอ่อนและระวังอย่าให้พริกแกงไหม้ติดหม้อ
STEP 4 : ผัดเนื้อไก่ + เคี่ยวแกงเขียวหวาน
นำไก่ลงไปผัด
เมื่อไก่เริ่มสุก ให้ใส่หางกะทิลงไป
- เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วให้ใส่เนื้ออกไก่ลงไปผัดต่อจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ไม่ควรผัดนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง ไม่อร่อย
- ใส่หางกะทิลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงเดือด
STEP 5 : เติมมะเขือและสมุนไพร
ใส่มะเขือเปราะ
ตามด้วยมะเขือพวง และใบมะกรูด
- เมื่อน้ำแกงเดือดจัด ให้ใส่มะเขือเปราะ ที่แช่น้ำเกลือทิ้งไว้กดให้มะเขือจมน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน
- เมื่อแกงเขียวหวานเดือดจัดให้ลดไฟลง แล้วใส่มะเขือพวงลงไปตามด้วยใบมะกรูด โดยเจินจะใช้วิธีการฉีกเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้
STEP 6 : ปรุงรส
ปรุงรสด้วยน้ำปลา
ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป
STEP 7 : ใส่ใบโหระพา + พริกชี้ฟ้าแดง
ใส่ใบโหระพาลงไป
โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย
- ใส่ใบโหระพาลงไปกดให้ใบจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำ
- สุดท้ายโรยพริกชีฟ้าแดงลงไปโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับตกแต่งจาน จากนั้นปิดเตาแก๊ส
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ
ตักใส่ภาชนะ
จัดเสิร์ฟ
- ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยขนาดที่ต้องการ โรยพริกชี้ฟ้าแดง แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
วิดีโอสอนทำแกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (ฉบับเข้าใจง่าย)
เนื้อหาในวิดีโอ
- 0:00 เกริ่นนำ
- 0:19 แนะนำวัตถุดิบ
- 1:35 การเตรียมผัก
- 2:42 การเตรียมอกไก่
- 5:22 การทำแกงเขียวหวาน
- 9:31 ดูผลลัพธ์
- 10:28 สูตรเพื่อการค้า
แกงเขียวหวาน อาหารไทย สูตรโบราณ เมนูโปรดของใครหลายคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำนะคะ (แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวสูตรด้านล่างนี้ เจินรอตรวจการบ้านของทุกคนเลยแล้วพบกันใหม่ค่ะ)
เชฟเจิน
ผู้จัดการและเชฟผู้สอน
ที่ Smile Cooking Club
Le Cordon Bleu 2013
เมนูเด็ดจาก SGE
สินค้า SGE
วิธีทำ แกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (Video)
แกงเขียวหวาน อาหารไทยโบราณที่ติดอันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ลำดับที่ 73 ในปี ค.ศ.2022 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 – 7 จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ และคู่มือแม่ครัว ในปี พ.ศ. 2469 อีกทั้งยัง พัฒนาสูตรมาจากแกงเผ็ด ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้มข้น เจินเลยอยากชวนทุกคนเข้าครัวมาทำแกงเขียวหวานไก่หม้อนี้ให้น้ำกะทิแตกมัน เนื้อไก่นุ่ม รสชาติเข้มข้นตามสูตรโบราณโดยใช้กะทิกล่อง และมีเวลาในการทำเพียง 30 นาที
สูตรแกงเขียวหวาน
เวลาเตรียม ≈ 15 นาที | เวลาปรุง ≈ 30 นาที | สำหรับ 5 เสิร์ฟ
วัตถุดิบแกงเขียวหวาน
1.เนื้ออกไก่ 350 กรัม (ลอกหนังออกจะได้ความเฮลตี้มากกว่า แต่ถ้าใครชอบแบบมีมันแทรกเล็กน้อย แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อส่วนสะโพกก็ได้)
2.หัวกะทิ 150 กรัม
3.หางกะทิ 350 กรัม
4.พริกแกงเขียวหวาน 50 กรัม
5.มะเขือพวง 50 กรัม
6.ใบมะกรูด 5 ใบ
7.ใบโหระพา 50 กรัม
8.พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด สำหรับตกแต่งให้สวยงาม
9.มะเขือเปราะ 300 กรัม
10.น้ำตาลปี๊ป 10 กรัม
11.เกลือ 10 กรัม และน้ำเปล่า (สำหรับแช่มะเขือเปราะ เพื่อล้างยางและช่วยไม่ให้มะเขือมีสีดำไม่น่ารับประทาน)
12.น้ำปลา 30 กรัม
TIPS
หัวกะทิ กับ หางกะทิ คืออะไร ?
ความแตกต่างของวัตถุดิบ 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่ความข้นเท่านั้น โดยวิธีแยกกะทิส่วนที่เข้มข้น เพื่อใช้เป็นหัวกะทิ คือ
1. ให้เทกะทิใส่ชามพักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วตักกะทิส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนแยกไว้ ส่วนนั้นเองเรียกว่า “หัวกะทิ”
2. กะทิที่เหลือให้เทใส่ชามผสม แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะได้ “หางกะทิ” ค่ะ
วิธีการทำ
STEP 1 : หั่นพริกและเตรียมน้ำเกลือ
ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า นำไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้น
ผสมเกลือกับน้ำเปล่า
- นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง แล้วเลาะไส้พริกพร้อมกับเคาะเม็ดออก จากนั้นซอยเป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวเฉียงเพื่อความสวยงาม
- ผสมเกลือกับน้ำสะอาด ใส่ชามแยกไว้สำหรับแช่มะเขือเปราะ
TIPS
การนำไส้พริกออกช่วยอะไร ?
- การนำไส้พริกออกจะช่วยลดกลิ่นฉุนและความเผ็ดของพริกลง
- การหั่นพริกอาจทำให้แสบมือ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงในการสัมผัสบริเวณเม็ด หรือน้ำของมัน
- พริกชี้ฟ้าแดง จะช่วยตัดกับสีของแกงเขียวหวาน ทำให้สีสวยน่ารับประทานขึ้น
STEP 2 : เตรียมมะเขือและเนื้อไก่
หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปแช่น้ำเกลือ
ผ่าครึ่งอกไก่ แล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ
- หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือ พยายามกดให้ผิวของมะเขือโดนน้ำเกลือทุกส่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริเวณที่ไม่โดนน้ำเกลือ มีสีคล้ำ ไม่น่ารับประทาน
- ผ่าครึ่งตรงกลางของอกไก่ บริเวณเส้นรอยต่อของแนวเนื้อ จากนั้นหั่นอกไก่ให้เป็นชิ้นในแนวตรงข้ามกับลาย ซึ่งในสูตรเจินจะหั่นบาง ๆ ขนาด 6 – 7 มิลลิเมตร หรือถ้าใครต้องการเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ ก็สามารถใช้เนื้อวัวในส่วนน่องลาย เนื้อวัวสด หรือลูกชิ้นปลากราย ก็ได้เช่นกัน
TIPS
เลือกเนื้อสัตว์ส่วนไหนให้อร่อย ไม่เหนียว
- เนื้อไก่ : เป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นิยมใช้ส่วน อก สะโพกหรือปีกไก่ที่มีรสชาติหวาน
- เนื้อหมู : หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง นิยมใช้ส่วนสันคอ สะโพก หรือสามชั้น
- เนื้อวัว : นิยมนำมาแกงมากที่สุด โดยใช้ส่วนเนื้อน่อง สะโพก หรือไหล่
(ให้นำเนื้อที่เตรียมไว้ไปลวนกับหางกะทิประมาณ 45 นาทีด้วยไฟกลาง รับรองเลยว่าอร่อยจนสามารถทำขายได้เลยค่ะ)
STEP 3 : เตรียมน้ำกะทิกับพริกแกงเขียวหวาน
เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน
ผัดพริกแกงให้หอม
- เทหัวกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อด้วยไฟแรง ซึ่งในวันนี้เจินเลือกใช้กะทิกล่อง ดังนั้นจะมีปัญหาคือ กะทิแตกมันช้า และสีของตัวแกงค่อนข้างซีดไม่เขียวสวย วิธีแก้คือต้องเคี่ยวกะทิรอให้แตกมันมาก ๆ จึงจะใส่พริกแกงลงไปผัดต่อ
(กะทิแตกมัน คือการแยกตัวของน้ำมันในกะทิ ซึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้นแกมเหลือง)
- ผัดพริกแกงให้มีกลิ่นหอม แนะนำว่าให้ผัดด้วยไฟอ่อนและระวังอย่าให้พริกแกงไหม้ติดหม้อ
STEP 4 : ผัดเนื้อไก่ + เคี่ยวแกงเขียวหวาน
นำไก่ลงไปผัด
เมื่อไก่เริ่มสุก ให้ใส่หางกะทิลงไป
- เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วให้ใส่เนื้ออกไก่ลงไปผัดต่อจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ไม่ควรผัดนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง ไม่อร่อย
- ใส่หางกะทิลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงเดือด
STEP 5 : เติมมะเขือและสมุนไพร
ใส่มะเขือเปราะ
ตามด้วยมะเขือพวง และใบมะกรูด
- เมื่อน้ำแกงเดือดจัด ให้ใส่มะเขือเปราะ ที่แช่น้ำเกลือทิ้งไว้กดให้มะเขือจมน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน
- เมื่อแกงเขียวหวานเดือดจัดให้ลดไฟลง แล้วใส่มะเขือพวงลงไปตามด้วยใบมะกรูด โดยเจินจะใช้วิธีการฉีกเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้
STEP 6 : ปรุงรส
ปรุงรสด้วยน้ำปลา
ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป
STEP 7 : ใส่ใบโหระพา + พริกชี้ฟ้าแดง
ใส่ใบโหระพาลงไป
โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย
- ใส่ใบโหระพาลงไปกดให้ใบจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำ
- สุดท้ายโรยพริกชีฟ้าแดงลงไปโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับตกแต่งจาน จากนั้นปิดเตาแก๊ส
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ
ตักใส่ภาชนะ
จัดเสิร์ฟ
- ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยขนาดที่ต้องการ โรยพริกชี้ฟ้าแดง แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
วิดีโอสอนทำแกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (ฉบับเข้าใจง่าย)
เนื้อหาในวิดีโอ
- 0:00 เกริ่นนำ
- 0:19 แนะนำวัตถุดิบ
- 1:35 การเตรียมผัก
- 2:42 การเตรียมอกไก่
- 5:22 การทำแกงเขียวหวาน
- 9:31 ดูผลลัพธ์
- 10:28 สูตรเพื่อการค้า
แกงเขียวหวาน อาหารไทย สูตรโบราณ เมนูโปรดของใครหลายคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำนะคะ (แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวสูตรด้านล่างนี้ เจินรอตรวจการบ้านของทุกคนเลยแล้วพบกันใหม่ค่ะ)
หลินหลิน
บล็อกเกอร์สายอาหาร จบการศึกษาจากคณะคหกรรมศาสตร์ สาขาอาหารและโภชนาการ
ชอบสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และแบ่งปันสูตรอาหารเจ๋ง ๆ ที่ทุกคนสามารถทำเองได้ที่บ้าน
เมนูเด็ดจาก SGE
สินค้า SGE
วิธีทำ แกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (Video)
แกงเขียวหวาน อาหารไทยโบราณที่ติดอันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ลำดับที่ 73 ในปี ค.ศ.2022 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 – 7 จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ และคู่มือแม่ครัว ในปี พ.ศ. 2469 อีกทั้งยัง พัฒนาสูตรมาจากแกงเผ็ด ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เข้มข้น เจินเลยอยากชวนทุกคนเข้าครัวมาทำแกงเขียวหวานไก่หม้อนี้ให้น้ำกะทิแตกมัน เนื้อไก่นุ่ม รสชาติเข้มข้นตามสูตรโบราณโดยใช้กะทิกล่อง และมีเวลาในการทำเพียง 30 นาที
สูตรแกงเขียวหวาน
เวลาเตรียม ≈ 15 นาที | เวลาปรุง ≈ 30 นาที | สำหรับ 5 เสิร์ฟ
วัตถุดิบแกงเขียวหวาน
1.เนื้ออกไก่ 350 กรัม (ลอกหนังออกจะได้ความเฮลตี้มากกว่า แต่ถ้าใครชอบแบบมีมันแทรกเล็กน้อย แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อส่วนสะโพกก็ได้)
2.หัวกะทิ 150 กรัม
3.หางกะทิ 350 กรัม
4.พริกแกงเขียวหวาน 50 กรัม
5.มะเขือพวง 50 กรัม
6.ใบมะกรูด 5 ใบ
7.ใบโหระพา 50 กรัม
8.พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด สำหรับตกแต่งให้สวยงาม
9.มะเขือเปราะ 300 กรัม
10.น้ำตาลปี๊ป 10 กรัม
11.เกลือ 10 กรัม และน้ำเปล่า (สำหรับแช่มะเขือเปราะ เพื่อล้างยางและช่วยไม่ให้มะเขือมีสีดำไม่น่ารับประทาน)
12.น้ำปลา 30 กรัม
TIPS
หัวกะทิ กับ หางกะทิ คืออะไร ?
ความแตกต่างของวัตถุดิบ 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่ความข้นเท่านั้น โดยวิธีแยกกะทิส่วนที่เข้มข้น เพื่อใช้เป็นหัวกะทิ คือ
1. ให้เทกะทิใส่ชามพักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วตักกะทิส่วนที่ลอยอยู่ด้านบนแยกไว้ ส่วนนั้นเองเรียกว่า “หัวกะทิ”
2. กะทิที่เหลือให้เทใส่ชามผสม แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะได้ “หางกะทิ” ค่ะ
วิธีการทำ
STEP 1 : หั่นพริกและเตรียมน้ำเกลือ
ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า นำไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้น
ผสมเกลือกับน้ำเปล่า
- นำพริกชี้ฟ้าแดงมาผ่าครึ่ง แล้วเลาะไส้พริกพร้อมกับเคาะเม็ดออก จากนั้นซอยเป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวเฉียงเพื่อความสวยงาม
- ผสมเกลือกับน้ำสะอาด ใส่ชามแยกไว้สำหรับแช่มะเขือเปราะ
TIPS
การนำไส้พริกออกช่วยอะไร ?
- การนำไส้พริกออกจะช่วยลดกลิ่นฉุนและความเผ็ดของพริกลง
- การหั่นพริกอาจทำให้แสบมือ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงในการสัมผัสบริเวณเม็ด หรือน้ำของมัน
- พริกชี้ฟ้าแดง จะช่วยตัดกับสีของแกงเขียวหวาน ทำให้สีสวยน่ารับประทานขึ้น
STEP 2 : เตรียมมะเขือและเนื้อไก่
หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำไปแช่น้ำเกลือ
ผ่าครึ่งอกไก่ แล้วหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ
- หั่นมะเขือเป็น 4 ส่วน แล้วนำลงไปแช่ในน้ำเกลือ พยายามกดให้ผิวของมะเขือโดนน้ำเกลือทุกส่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริเวณที่ไม่โดนน้ำเกลือ มีสีคล้ำ ไม่น่ารับประทาน
- ผ่าครึ่งตรงกลางของอกไก่ บริเวณเส้นรอยต่อของแนวเนื้อ จากนั้นหั่นอกไก่ให้เป็นชิ้นในแนวตรงข้ามกับลาย ซึ่งในสูตรเจินจะหั่นบาง ๆ ขนาด 6 – 7 มิลลิเมตร หรือถ้าใครต้องการเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ ก็สามารถใช้เนื้อวัวในส่วนน่องลาย เนื้อวัวสด หรือลูกชิ้นปลากราย ก็ได้เช่นกัน
TIPS
เลือกเนื้อสัตว์ส่วนไหนให้อร่อย ไม่เหนียว
- เนื้อไก่ : เป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย นิยมใช้ส่วน อก สะโพกหรือปีกไก่ที่มีรสชาติหวาน
- เนื้อหมู : หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง นิยมใช้ส่วนสันคอ สะโพก หรือสามชั้น
- เนื้อวัว : นิยมนำมาแกงมากที่สุด โดยใช้ส่วนเนื้อน่อง สะโพก หรือไหล่
(ให้นำเนื้อที่เตรียมไว้ไปลวนกับหางกะทิประมาณ 45 นาทีด้วยไฟกลาง รับรองเลยว่าอร่อยจนสามารถทำขายได้เลยค่ะ)
STEP 3 : เตรียมน้ำกะทิกับพริกแกงเขียวหวาน
เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน
ผัดพริกแกงให้หอม
- เทหัวกะทิลงไปเคี่ยวในหม้อด้วยไฟแรง ซึ่งในวันนี้เจินเลือกใช้กะทิกล่อง ดังนั้นจะมีปัญหาคือ กะทิแตกมันช้า และสีของตัวแกงค่อนข้างซีดไม่เขียวสวย วิธีแก้คือต้องเคี่ยวกะทิรอให้แตกมันมาก ๆ จึงจะใส่พริกแกงลงไปผัดต่อ
(กะทิแตกมัน คือการแยกตัวของน้ำมันในกะทิ ซึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้นแกมเหลือง)
- ผัดพริกแกงให้มีกลิ่นหอม แนะนำว่าให้ผัดด้วยไฟอ่อนและระวังอย่าให้พริกแกงไหม้ติดหม้อ
STEP 4 : ผัดเนื้อไก่ + เคี่ยวแกงเขียวหวาน
นำไก่ลงไปผัด
เมื่อไก่เริ่มสุก ให้ใส่หางกะทิลงไป
- เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วให้ใส่เนื้ออกไก่ลงไปผัดต่อจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ไม่ควรผัดนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง ไม่อร่อย
- ใส่หางกะทิลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงเดือด
STEP 5 : เติมมะเขือและสมุนไพร
ใส่มะเขือเปราะ
ตามด้วยมะเขือพวง และใบมะกรูด
- เมื่อน้ำแกงเดือดจัด ให้ใส่มะเขือเปราะ ที่แช่น้ำเกลือทิ้งไว้กดให้มะเขือจมน้ำ แล้วคนให้เข้ากัน
- เมื่อแกงเขียวหวานเดือดจัดให้ลดไฟลง แล้วใส่มะเขือพวงลงไปตามด้วยใบมะกรูด โดยเจินจะใช้วิธีการฉีกเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้
STEP 6 : ปรุงรส
ปรุงรสด้วยน้ำปลา
ตามด้วยน้ำตาลปี๊ป
STEP 7 : ใส่ใบโหระพา + พริกชี้ฟ้าแดง
ใส่ใบโหระพาลงไป
โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย
- ใส่ใบโหระพาลงไปกดให้ใบจมน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเปลี่ยนเป็นสีดำ
- สุดท้ายโรยพริกชีฟ้าแดงลงไปโดยเหลือส่วนหนึ่งไว้สำหรับตกแต่งจาน จากนั้นปิดเตาแก๊ส
STEP 8 : จัดเสิร์ฟ
ตักใส่ภาชนะ
จัดเสิร์ฟ
- ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยขนาดที่ต้องการ โรยพริกชี้ฟ้าแดง แล้วจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
วิดีโอสอนทำแกงเขียวหวาน สูตรโบราณ (ฉบับเข้าใจง่าย)
เนื้อหาในวิดีโอ
- 0:00 เกริ่นนำ
- 0:19 แนะนำวัตถุดิบ
- 1:35 การเตรียมผัก
- 2:42 การเตรียมอกไก่
- 5:22 การทำแกงเขียวหวาน
- 9:31 ดูผลลัพธ์
- 10:28 สูตรเพื่อการค้า
แกงเขียวหวาน อาหารไทย สูตรโบราณ เมนูโปรดของใครหลายคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำนะคะ (แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวสูตรด้านล่างนี้ เจินรอตรวจการบ้านของทุกคนเลยแล้วพบกันใหม่ค่ะ)
ออฟ
ช่างภาพอารมณ์ดี ผู้ชื่นชอบการทำอาหาร และการแปรรูปอาหาร เจ้าของยอดวิวกว่า 7.6 ล้าน จากไอเดียสุดสร้างสรรค์ลูกชิ้นปลาหมอคางดำ
ขอปรับสูตรจากมะเขือเป็นฟักเขียวแทนนะคะ อร่อยยย
ทำได้น่าทานมากค่าาา🤗
ปรุงตามสูตร แต่ขอเปลี่ยนจากมะเขือเป็นใส่ฟักแทน อร่อยดีจ้า กินคู่กับขนมจีน เข้ากันสุดๆ👍🏻👍🏻👍🏻
น่าอีทมากกกค่าาา