วิธีทำ ขนมปุยฝ้าย ลายส้มมงคล เนื้อฟูนุ่ม หน้าแตกสวย (Video)

โดย เชฟเจิน
อัปเดตเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2024

คะแนนสูตรนี้

วิธีทำ ขนมปุยฝ้าย ลายส้มมงคล เนื้อฟูนุ่ม หน้าแตกสวย

ขนมปุยฝ้าย (Khanom Pui Fai) ขนมแห่งความ ร่ำรวย รุ่งเรือง เฟื่องฟู เนื้อสัมผัสนุ่ม เบาเหมือนปุยฝ้าย ในสูตรนี้เจินจะพาทำ ปุยฝ้ายส้มมงคล หน้าแตกสวย รสชาติอร่อยหวานหอมละมุนกลิ่นดอกไม้ ใครกำลังมองหาขนมไว้ใช้ใน เทศกาลตรุษจีน งานมงคลต่าง ๆ หรือ อยากจะทำขาย ห้ามพลาดเด็ดขาด!

ดูรีวิวทั้งหมด

สูตรขนมปุยฝ้าย (Khanom Pui Fai Recipe)

เวลาเตรียม ≈ 15 นาที  |  เวลาปรุง ≈ 20 นาที  |  สำหรับ 10 เสิร์ฟ

ส่วนผสม วัตถุดิบ ขนมปุยฝ้าย

วัตถุดิบขนมปุยฝ้าย

  • แป้งเค้ก 225 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • น้ำเย็น 200 กรัม
  • สาร SP 8 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
  • กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • สีผสมอาหาร สีส้ม สีเขียว
  • น้ำมะนาว (สำหรับกรีดหน้า) 2 ช้อนชา

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

วิธีทำขนมปุยฝ้าย

STEP 1 : ร่อนแป้งและผงฟู

วิธีทำ ขนมปุยฝ้าย ขั้นตอนการร่อนแป้งด้วยกระชอน

เทแป้งเค้กและผงฟู ลงในกระชอน 

วิธีทำ ขนมปุยฝ้าย ขั้นตอนการร่อนแป้ง

ค่อย ๆ ร่อนใส่ภาชนะ เตรียมไว้ 

  • ขั้นตอนแรก ให้เราเตรียมกระชอน ร่อนแป้งเค้กและผงฟู
  • การร่อนแป้ง นอกจากจะทำให้แป้งละเอียดขึ้นแล้ว ยังช่วยให้แป้งมีความโปร่งเบาขึ้นด้วย เพราะระหว่างการร่อนจะมีอากาศแทรกเข้าไปในตัวแป้ง ช่วยให้ขนมปุยฝ้ายฟูนุ่ม

STEP 2 : ผสมไข่ น้ำ และสารเอสพี (SP)

วิธีทำ ขนมปุยฝ้าย ผสมไข่ น้ำ สาร SP ตีด้วยเครื่องผสมอาหาร

ตอกไข่ลงในโถผสม ตามด้วยน้ำเย็น น้ำตาล และสาร SP

ขั้นตอนการทำขนมปุยฝ้าย ผสมไข่ น้ำเปล่า สารเสริมคุณภาพ

ใช้เวลาตีประมาณ 1 นาที 

  • เตรียม เครื่องผสมอาหาร ตอกไข่ไก่เบอร์ 2 ลงไป ตามด้วยน้ำเย็น น้ำตาลทราย และสารเสริมคุณภาพเอสพี (SP) ถ้าสาร SP ติดกับตัวไม้พาย แนะนำให้ป้ายติดกับตะกร้อผสมอาหารได้เลยนะคะ
  • ใช้สปีดต่ำ ผสมแค่ประมาณ 1 นาที ให้พอเข้ากันก็พอค่ะ เดี๋ยวเราจะไปผสมต่อในขั้นตอนต่อไป

  TIPS  

สารเอสพี (SP) คืออะไรกันนะ? 

สารเอสพี (SP) สารเสริมคุณภาพชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานเบเกอรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขนมที่มีเนื้อสัมผัสเบาฟู เช่น เค้ก สปันจ์เค้ก ขนมปุยฝ้าย ฯลฯ สารเอสพีมีลักษณะเป็นครีมใส สีน้ำตาลอ่อนเกือบขาว และมีกลิ่นหอม ประโยชน์ของสารนี้ นอกจากจะทำให้ขนมฟูดีแล้ว ยังช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันดี ตีไข่ฟูไวขึ้น และยังช่วยให้ขนมคงสภาพนาน ไม่ยุบตัวง่ายอีกด้วย

STEP 3 : ผสมแป้ง

ผสมแป้ง ขนมปุยฝ้าย

เทแป้งที่ร่อนไว้ลงไป ตีด้วยสปีดต่ำ 1 นาที

ผสมแป้งด้วยเครื่องผสมอาหาร เครื่องตีแป้ง ขนมปุยฝ้าย

ตีสปีดเร็วอีก 10 นาที และสปีดต่ำอีก 3 นาที

  • เทแป้งใส่โถผสม จากนั้นใช้สปีดต่ำในการตี เพื่อให้ไม่ให้แป้งฟุ้ง ในขั้นตอนนี้เราอาจจะถอดหัวตะกร้อออกมาช่วยคนขอบ ๆ โถได้ค่ะ
  • จากนั้นใช้สปีดเร็วตีอีกประมาณ 10 นาที เพื่อให้ส่วนผสมเนียน เมื่อครบเวลาแล้ว ให้เราเติมกลิ่นมะลิและน้ำมะนาวลงไป ตีด้วยสปีดต่ำอีก 3 นาที เพื่อผสมและไล่ฟองอากาศออก

  TIPS  

วิธีสังเกตว่าแป้งที่เราตีได้ที่แล้ว!

อย่างแรกสังเกตจากสีก่อน ส่วนผสมจะเป็นสีขาวเนียน (คล้ายครีมขนมเบื้อง) อย่างที่สองให้สังเกตจากเนื้อสัมผัส โดยการใช้ไม้พายตักขึ้น ส่วนผสมจะไหลลงจากไม้พาย (ดังภาพ)

STEP 4 : แบ่งแป้งผสมสี

ผสมแป้ง ขนมปุยฝ้าย

ส่วนที่ 1 สีขาว 

แบ่งแป้งผสมสี ขนมปุยฝ้าย

ส่วนที่ 2 สีส้มเข้ม และ ส่วนที่ 3 สีส้มอ่อน

หากต้องการขนมปุยฝ้ายที่ไม่มีสี สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่วันนี้เราจะทำลายส้มมงคลกัน ขั้นแรกให้เราแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน คือ

  • ส่วนที่ 1 สำหรับทำหน้าขนม อันนี้ไม่ต้องผสมสีค่ะ แบ่งใส่ถุงบีบได้เลย
  • ส่วนที่ 2 สำหรับทำผลส้ม ส่วนนี้แบ่งใส่ถ้วยเล็ก ๆ  ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วตักใส่ถุงบีบเตรียมไว้
  • ส่วนที่ 3 สำหรับทำเนื้อขนม ส่วนนี้เป็นแป้งที่เหลือจากส่วนที่ 1 และ 2 สามารถผสมสีลงไปในโถผสมได้เลย

STEP 5 : หยอดขนมลงพิมพ์

เตรียมถ้วยกระดาษ ใส่ส่วนผสมขนมปุยฝ้าย

หยอดสีส้มอ่อนลงไป 3/4 ถ้วย ตามด้วยสีขาว

ใช้ไม้จิ้มฟัน เกลี่ยหน้าให้เข้ากัน กรีดหน้าขนมปุยฝ้าย

เกลี่ยให้เรียบ และ กรีดหน้าขนมปุยฝ้าย 

  •  เตรียมถ้วยฟอยล์ รองด้วยถ้วยกระดาษ จากนั้นให้เราหยอดสีส้มอ่อนลงไปประมาณ 3/4 ของพิมพ์ ขั้นตอนนี้เจินจะใช้สคูปตักนะคะ ใครสะดวกเทใส่ถุงบีบก็ทำได้ เมื่อเราหยอดสีส้มอ่อนเสร็จทุกถ้วยแล้ว เราก็จะใช้ส่วนสีขาว บีบลงบนหน้าให้เต็มถ้วยเลย
  • จากนั้นให้เราใช้ไม้เสียบลูกชิ้นช่วยเกลี่ยวน ๆ ให้หน้าเรียบ ไม่ต้องเกลี่ยลงลึก เดี๋ยวสีจะผสมกัน จากนั้นกรีดหน้าขนมถ้วยได้เลย

  TIPS  

ทริก! ทำขนมปุยฝ้าย “หน้าแตกสวย”

ขนมปุยฝ้ายหน้าจะแตกได้ ต้องกรีดก่อนค่ะ เพื่อให้ขนมแตกตามรอยที่เรากรีด ให้เราใช้ไม้ปลายแหลมจุ่ม น้ำมะนาว หรือ น้ำส้มสายชู ก่อนกรีด เพราะทั้งคู่มีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้โครงสร้างของแป้งบริเวณที่กรีดอ่อนตัวลง และแตกออกได้ง่ายขึ้นเมื่อนึ่งสุก

STEP 6 : วาดลวดลาย

วาดตกแต่งลวดลายขนมปุยฝ้าย

ทำผลส้ม

วาดตกแต่งลวดลายขนมปุยฝ้าย2

ทำใบส้ม

  • ใช้สีส้มเข้ม บีบจุด ๆ ลงบนหน้าขนม เวลาเราบีบจะเป็นจุดนูน ๆ ขึ้นมา ให้ใช้ไม้เสียบลูกชิ้น เกลี่ยผลส้มให้เรียบลง
  • ใช้ไม้ปลายแหลมจุ่มสีผสมอาหารสีเขียว แล้วกรีดเป็นรูปใบไม้ (รูปตัว V)

STEP 7 : นึ่งขนมปุยฝ้าย

ขั้นตอนนึ่งขนมปุยฝ้าย

ตั้งหม้อ นึ่งขนมปุยฝ้าย

ขนมปุยฝ้ายสุกดีแล้ว

ปิดฝา นึ่งประมาณ 15 นาที

  • เตรียมซึ้งหรือหม้อนึ่ง ใส่น้ำประมาณครึ่งหนึ่ง จะได้มีไอน้ำเยอะ ๆ เวลานึ่งให้เปิดไฟแรง รอน้ำเดือดก่อน พอนำขนมไปวางค่อยลดเป็นไฟอ่อนค่ะ
  • เมื่อขนมปุยฝ้ายสุกแล้ว เวลาเปิดฝาให้เรารีบหงายฝา เพื่อไม่ให้มีน้ำหยดลงบนหน้าขนม

STEP 8 : จัดเสิร์ฟ ขนมปุยฝ้าย

นำขนมปุยฝ้ายออกจากหม้อนึ่ง

ผึ่งขนมปุยฝ้ายบนตะแกรง

ขนมปุยฝ้าย พร้อมเสิร์ฟ

ขนมปุยฝ้าย อุ่น ๆ พร้อมทาน

  • ยกขนมปุยฝ้ายวางผึ่งบนตะแกรง ก่อนผึ่งแกะออกจากถ้วยฟอยล์ก่อน แล้ววางลงบนตะแกรงเพื่อไม่ให้ก้นขนมแฉะ จะทำให้เก็บได้นานขึ้น
  • จัดเสิร์ฟขนมปุยฝ้าย พร้อมน้ำชา กาแฟดำ หรือน้ำผลไม้ เพิ่มความอร่อยและคล่องคอ

วิดีโอวิธีทำ ขนมปุยฝ้าย ง่ายๆ | Khanom Pui Fai Recipe

เนื้อหาในวิดีโอ

  • 0:00 เกริ่นนำ
  • 0:14 การร่อนแป้ง
  • 0:38 การผสมแป้ง
  • 2:55 แบ่งส่วนผสม
  • 4:09 หยอดลงพิมพ์
  • 4:55 วาดลวดลาย
  • 5:34 นึ่งขนมปุยฝ้าย
  • 7:00 สูตรเพื่อการค้า

ขนมปุยฝ้าย นิยมใส่กลิ่นอะไรบ้าง?

ขนมปุยฝ้าย นิยมใส่ กลิ่นมะลิ มากที่สุด เพราะกลิ่นมะลิจะช่วยให้ขนมปุยฝ้ายมีกลิ่นหอมละมุน ชวนให้นึกถึงความเป็นไทย ส่วนกลิ่นที่นิยมรองลงมา จะเป็น กลิ่นวานิลลา กลิ่นใบเตย กลิ่นส้ม และกลิ่นอื่นตามลำดับ

ถ้วยฟู ปุยฝ้าย สาลี่ ต่างกันยังไง?

ถ้วยฟู ปุยฝ้าย สาลี่ ต่างกันยังไง

ขนมถ้วยฟู ปุยฝ้าย และสาลี่ หากมองเผิน ๆ จะมีลักษณะคล้ายกันมาก ทำให้หลายคนสงสัยว่าต่างกันยังไง วันนี้เราจะมาบอกวิธีสังเกตกัน

  • ขนมถ้วยฟู จะใช้แป้งข้าวเจ้าผสมกับยีสต์ ทำให้มีเนื้อเหนียวนุ่มคล้ายขนมตาล มีการแต่งกลิ่นเพื่อดับกลิ่นหมัก หน้าขนมจะแตกออกเป็นแฉกเล็กน้อย แต่ละชิ้นมีขนาดเล็กพอดีคำ 

ความแตกต่าง  ใช้แป้งข้าวเจ้า ไม่ใส่ไข่ เนื้อเบาฟู แต่มีความหนึบเล็กน้อย 

  • ขนมปุยฝ้าย นิยมใช้แป้งสาลีหรือแป้งเค้กในการทำ เนื้อสัมผัสเบา เนียนละเอียด และมีความฟู ทานแล้วรู้สึกฝืดคอเล็กน้อย หน้าขนมแตกบานเป็นแฉกลึก นิยมนึ่งใส่ถ้วยกระดาษ 

ความแตกต่าง  ใช้แป้งสาลี ใส่ไข่ เนื้อเบาฟู เนียนละเอียด มีความแห้งเล็กน้อย

  • ขนมสาลี่  ใช้แป้งสาลี เนื้อสัมผัสจะแน่น ส่วนมากนิยมอบใส่ถาดแล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก แต่งกลิ่นหลากหลาย

ความแตกต่าง  ใช้แป้งสาลี ใส่ไข่ นุ่มฟูแต่แน่น นิยมตัดแบ่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก

หากใครกำลังมองหาขนมมงคล ไว้ไหว้ในวันตรุษจีน หรือ ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ แล้วละก็ ลองทำตามสูตรขนมปุยฝ้ายนี้ได้เลย รับรองว่า เนื้อนุ่มไม่ฝืดคอ สีสันสวยงาม น่ารับประทานแน่นอน สำหรับใครที่อยากได้ เครื่องตีแป้ง ไว้ตีแป้งเค้กให้เข้ากัน  ขอแนะนำ เครื่องตีแป้ง ของ SGE สามารถปรับความเร็วได้ 3 ระดับ แถมมีหัวตะกร้ออีก 3 หัว รองรับการทำขนมและเบเกอรี่อื่น ๆ ได้อีกหลากหลาย 

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

เชฟเจิน

ผู้จัดการและเชฟผู้สอน
ที่ Smile Cooking Club
Le Cordon Bleu 2013

เมนูเด็ดจาก SGE

ถาม-ตอบเกี่ยวกับสูตรอาหาร

guest
0 Comments
โหวตสูงสุด
ใหม่สุด เก่าสุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด