วิธีทำ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง บำรุงพืชให้แข็งแรงโตไว ได้ผลจริง!

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ทำอย่างไรให้ติดแดง 100% บำรุงพืช ให้แข็งแรง โตไว ช่วยเพิ่มผลผลิตได้ดี เหมาะกับเกษตรกรที่ปลูกพืช
หรือ ทำฟาร์มแบบออร์แกนิค หากอยากรู้ว่า ทำด้วยตัวเองที่บ้านอย่างไร ให้เอาไปขยายหัวเชื้อได้ พร้อมนำไปฉีดพ่นแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง คือ?

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง คือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ทั้งในดินและแหล่งน้ำ คอยทำหน้าที่กำจัดของเสีย ก๊าซ และ สารพิษต่าง ๆ เมื่อนำมาใช้ในด้านเกษตรกรรม จะช่วยบำรุงดินและรากพืช ทำให้พืชแข็งแรง โตไว ช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น

ประโยชน์ของ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง

1. ช่วยตรึงก๊าซไนโตเจนในดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์
2. ย่อยสลายแร่ธาตุในดินให้เล็กลง ทำให้พืชดูดซึมได้ง่าย จนโตเร็วขึ้น
3. กำจัดก๊าซพิษรีไซเคิลธาตุคาร์บอน ไนโตรเจน และ สารประกอบจำพวกซัลเฟอร์ ทำให้พืชแข็งแรง ใบเขียวนาน ไม่เหี่ยวง่าย
4. กำจัดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟล์ ซึ่งเป็นพิษต่อรากพืช ทำให้รากพืชแข็งแรงและหาอาหารได้ดีขึ้น (หากใช้กับนาข้าว จะช่วยเร่งการแตกกอของข้าวได้อีกด้วย)
5. ป้องกันพืช โดยการทำลายจุลินทรีย์ไม่ดีในดิน อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคพืช

ทำไมถึงควรใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง

เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ ต้องการให้พืชผลของตน เติบโตอย่างแข็งแรง และ โตไว เพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่จำนวนมาก ทำให้มักใช้ปุ๋ยเคมี ในการบำรุงพืชเป็นหลัก เพราะราคาถูก ทั้งที่การใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวนั้น อาจส่งผลกระทบต่อสภาพดินได้ ไม่ว่าจะเป็น ดินเป็นกรด อินทรีย์วัตถุในดินลดลง จนดินเสื่อมสภาพ หรือแม้กระทั่งพืชผักเกิดการสะสมของสารพิษ จนเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

นั่นจึงทำให้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ถือเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับใครที่อยากปลูกพืชแบบออร์แกนิค เพราะนอกจากจะผลิตจากวัตถุอินทรีย์แท้ ๆ แล้ว ยังสามารถใช้บำรุงพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แพ้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยเคมีแต่อย่างใดเลย ยิ่งใช้ร่วมกันกับปุ๋ย ก็จะลดต้นทุนลงไปได้ถึง 30 – 50% เลยทีเดียว แถมยังทำขึ้นมาเองได้ง่าย ๆ ดังนั้น หากใครประกอบอาชีพเกษตรกรรม แล้วอยากให้ผลผลิตของตนเอง เจริญงอกงาม โตไว และ มีความเป็นออร์แกนิค ปราศจากการใช้ปุ๋ยเคมี 100% แล้วละก็ แนะนำให้ใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเลย รับรองว่า พืชทุกต้น จะแข็งแรง โตไว เพิ่มผลผลิตจำนวนมาก ได้อย่างแน่นอน

วิธีทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ด้วยตัวเองที่บ้าน

วิธีทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ด้วยตัวเองที่บ้าน ทำได้ง่ายมาก ๆ เริ่มจากนำอาหารมาเลี้ยงตัวจุลินทรีย์ โดยนำไข่ไก่ น้ำปลา มาผสมให้เข้ากัน แล้วใส่ลงไปในขวดที่มีน้ำ เขย่าให้เข้ากัน แล้วนำขวดไปตากแดด รอจนน้ำมีสีน้ำตาลแดงดีแล้ว ก็จะได้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง พร้อมใช้ออกมา โดยสัดส่วนของอุปกรณ์และวัตถุดิบทั้งหมด มีดังต่อไปนี้

อุปกรณ์และวัตถุดิบ

• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
• ขวดใส 1 ขวด

วิธีทำ

1. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ตามด้วย น้ำปลา ตีให้เข้ากัน
2. ตักส่วนผสมทั้งหมด ใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ เขย่าให้เข้ากัน
3. นำไปตั้งไว้ในบริเวณกลางแจ้ง ที่มีแดดส่องถึงทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน ก็จะได้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สีน้ำตาลแดงพร้อมใช้

• หากใครอยากขยายหัวเชื้อ ให้ใช้น้ำเปล่า 5 ลิตร ผสมกับ หัวเชื้อ 0.5 – 1 ลิตร และ ไข่ไก่ผสมกับน้ำปลา ในสัดส่วนเท่าเดิม
• ในกรณีนำไปฉีดพ่น ให้นำหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ผสมกับ น้ำเปล่า ในอัตราส่วน 10 : 1 เช่น หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 100 ซีซี ผสมกับ น้ำ 10 ลิตร แล้วฉีดพ่นพืชผักผลไม้ ได้เลยตามชอบ เป็นต้น

เคล็ดลับทำ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ให้ติดแดง 100%

น้ำเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่ดี ควรมีสีน้ำตาลแดงเข้ม ถึงจะแสดงว่า จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เติบโตเต็มที่แล้ว โดยเคล็ดลับในการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ให้ติดแดง 100% คือ ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง หรือ น้ำจากบ่อเลี้ยงปลา เป็นหลัก เพราะจะมีจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงตามธรรมชาติ อาศัยเยอะอยู่แล้ว ทำให้เมื่อนำมาเพาะเชื้อแล้ว จะติดแดงได้ง่าย โดยใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก็ได้แล้ว

แตกต่างจากน้ำประปา ที่ต้องใช้เวลาเกือบ 4 สัปดาห์ถึงจะสำเร็จ บางคนทำออกมาแล้ว มีออกสีเขียว สีขาวก็มี สำหรับน้ำบาดาลก็เช่นกัน ไม่ค่อยแนะนำ เพราะจะติดแดงบ้าง ขาวบ้าง ขึ้นอยู่กับสารเจือปนในแหล่งน้ำบาดาลนั้น ๆ

เป็นยังไงกันบ้างกับ วิธีทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ที่นำมาฝากกัน ทำได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ หากใครอยากปลูกพืชแบบออร์แกนิค แล้วอยากให้พืชแข็งแรง โตไว มีผลผลิตที่มากขึ้น โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแล้วละก็ แนะนำให้ทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไว้ติดบ้านเลย รับรองว่า พืชผลจะงอกงาม มีผลผลิตที่ดี ต่อเนื่องตลอดทั้งปีแน่นอน

บทความที่น่าสนใจ

• How to เตรียม ดินปลูกต้นไม้ ได้ดินคุณภาพ พืชโตไว
• ดินเปรี้ยว ดินเค็ม คืออะไร และวิธีการแก้ปัญหา