ทำความรู้จัก เนื้อวัว แต่ละแบบ เลือกแบบไหนถึงโดนใจ
วัตถุดิบหลัก ที่ใครต้องหลงไหลอย่าง เนื้อวัว 🥩 แต่กว่าจะมาเป็นสุดยอดเนื้อวัวแสนอร่อยของแต่ละประเทศนั้น ก็มีเคล็ดลับในการเลี้ยงดูที่ต่างกัน วันนี้ SGE จะพาไปรู้จักว่า ประเภทเนื้อวัว ว่าส่วนใหญ่แล้ว นำเข้าจากประเทศอะไรกันบ้าง และมีวิธีการเลี้ยงดูอย่างไรให้ได้คุณภาพดี และแต่ละประเภทเป็นอย่างไร? ทำไมราคาถึงถูก-แพงต่างกัน
ส่วนต่าง ๆ ของเนื้อวัว 🥩
เนื้อวัว เป็นแหล่งโปรตีนที่หลาย ๆ คนโปรดปราน ซึ่งส่วนที่ทานได้นั้น เรียกได้ว่า แทบจะทั้งตัวเลย แต่รสสัมผัสของแต่ละส่วน ก็จะแตกต่างกันไป และส่วนต่าง ๆ ของเนื้อวัว แบ่งเป็น 8 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้
- Chuck หรือสันคอ เนื้อส่วนนี้จะมีความหนานุ่ม เหมาะกับการเอามาทำเมนู สตู หรือ อบ ก็อร่อยสุด ๆ ไปเลย
- RIB หรือซี่โครง เนื้อส่วนนี้จะแบ่งออกมาได้เป็น ส่วนย่อย ๆ อีก 3 ส่วน คือ
- Short Rib เนื้อติดซี่โครง เป็นชิ้นโค้ง มักนำไปย่าง หรือ อบ รับรองว่าอร่อยอย่าบอกใคร
- Rib Eye เป็นเนื้อส่วนไม่มีกระดูกซี่โครงติดมา เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่ได้รับความนิยมสูง เมนูที่นิยมคือ การเอามาทำเสต็ก เพราะเป็นส่วนที่จะมีมันแทรกเล็กน้อย ทำให้เนื้อชุ่มฉ่ะ อร่อย นุ่ม กำลังดี
- Prime Rib เป็นเนื้อส่วนที่จะคล้ายกับ Rib Eye pbo เอามาทำสเต็ก ทอด หรือ ย่าง ทำอะไรก็อร่อย
- LOIN หรือเนื้อสัน เนื้อส่วนนี้ ก็จะแยกออกมาเป็นส่วนย่อย ๆ ได้อีกหลายส่วนเช่นกัน คนส่วนใหญ่ ชอบเอาเนื้อส่วนนี้ มาทำสเต๊ก หรือย่าง เพราะเนื้อส่วนนี้ จะมีความนุ่มมาก ๆ ซึ่งแนะนำเลยว่าให้เอามาทำในความสุกแบบ Medium Rare บอกเลยว่าเด็ดมาก
- Short Loin / Stirp Loin
- Sirloin
- Top Sirloin กับ Bottom Sirloin
- Tenderloin
- Fillet
- T-Bone
- ROUND หรือเนื้อสะโพก เนื้อส่วนนี้เป็นส่วนที่มีไขมันน้อย นิยมนำมาบด ทำเบอร์เกอร์ หรือไส้กรอก ก็ได้
- BRISKET หรือเนื้อติดหน้าอก เนื้อส่วนนี้เป็นเนื้อส่วนหน้าติดกับช่วงหน้าอกของวัวลงมาถึงท้อง นิยมนำมาทำ บาร์บีคิว
- SHANK หรือเนื้อส่วนที่ติดกับขา ตั้งแต่ต้นขาลงมา บอกเลยว่าเป็นส่วนที่มีเอ็นแทรกอยู่เยอะ มีความเป็นเจลาตินสูง เอามาทำสตู จะอร่อยมาก
- PLATE ส่วนหน้าท้อง บางคนอาจจะเรียกว่า Belly เป็นเนื้อส่วนหน้าท้อง ราคาไม่แพง นิยมนำมาตุ๋นเป็นเนื้อเปื่อย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อย เนื้อตุ๋น เป็นต้น
- FLANK หรือเนื้อส่วนข้างล่าง เป็นเนื้อส่วนท้อง มีไขมันอยู่ค่อนข้างมาก เลยทำให้ค่อนข้างมีความเหนียว แต่ถ้านำมาหมักดี ๆ และผ่านการทุบสักนิด และตัดส่วนที่เป็นพังผืดออก แล้วเอามาทำสเต๊ก ก็อร่อยไม่น้อยหน้าเมนูอื่นเลย
เนื้อวัวแต่ละประเทศ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
หลาย ๆ คนที่ชอบทานเนื้อวัว อาจจะเคยสงสัยกันว่า ทำไมเนื้อวัวแต่ละร้าน ถึงอร่อยแตกต่างกัน บางร้านเนื้อถึงนุ่มมาก แทบจะละลายในปาก แต่บางร้านเนื้อแข็งโป๊ก แถมราคาเนื้อแต่ละแบบนั้น ยังแตกต่างกันอีก ซึ่งต้องบอกเลยว่า เพราะเนื้อวัวที่แต่ละร้านใช้นั้น นำเข้ามาจากหลากหลายประเทศนั่นเอง แล้วเนื้อวัวแต่ละประเทศ มันแตกต่างกันอย่างไร ดังนี้
เนื้อวัวญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นนั้น ให้ความสำคัญกับเนื้อวัวอย่างมาก เรียกได้ว่า เป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อเลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้พื้นที่ในประเทศจะมีจำกัด แต่การเลี้ยงดูวัวนั้น ทำได้อย่างใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอน และให้ความสำคัญกับอาหารการกิน รวมทั้งการอยู่อาศัย เพื่อให้วัวผ่อนคลาย และมีเนื้อที่นุ่มอร่อยจากภายในสู่ภายนอกให้เราได้ทานกัน
🥩 เนื้อวัวญี่ปุ่น ที่มักจะนิยมเอามาทำอาหาร หรือได้รับความนิยมมาก ๆ คือ เนื้อวากิว หรือเนื้อโกเบ ซึ่งเป็นเนื้อที่มีคุณภาพสูงมาก รสชาติเยี่ยม และสัมผัสนุ่มลิ้น ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องตกหลุมรักทันทีที่ได้ลิ้มลอง
ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อในเรื่องการเลี้ยงดูวัวอย่างพิถีพิถัน โดยให้ดื่มเบียร์เป็นอาหาร ทำให้เนื้อวัวมีความนุ่ม และหอม อีกทั้งยังมีริ้วไขมันแทรกอยู่จนได้ชื่อว่า “เนื้อลายหินอ่อน” นั่นเอง
เนื้อ USDA อเมริกา
สำหรับเนื้อวัวที่มาจากอเมริกา และมีชื่อ USDA นำหน้ามาแบบนี้ แสดงว่า เป็นเนื้อที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว ในเรื่องของคุณภาพจากกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีการตรวจสอบเนื้อวัวอย่างเข้มงวด ตั้งแต่วิธีการเลี้ยง ขั้นตอนการฆ่า และชำแหละ ไปจนถึงการเก็บเนื้อ และขนส่ง ทำให้มั่นใจได้เลยว่า เนื้อวัวอเมริกานั้น เป็นเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยม ที่ควรค่าแก่การลิ้มลองจริง ๆ
🥩 การเลี้ยงวัวของที่นี่ส่วนใหญ่ หรือแทบทั้งหมด จะให้กินข้าวโพด เป็นอาหารหลัก ส่งผลให้มีเนื้อที่หนา นุ่ม มีไขมันแทรกในเนื้อ แบบชุ่มฉ่ำ เงางาม แบบที่คนชอบเนื้อติดมันต้องหลงรัก
โดยวัวเนื้อในอเมริกาส่วนใหญ่ จะเป็นลูกผสมของ Angus กับ Hereford ออกมาเป็นสายพันธุ์ที่ลงตัวที่สุดของวัวเนื้อ เป็นวัวอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด เนื้อเลยนุ่มอร่อย เลี้ยงง่าย รสชาติเยี่ยม จึงเป็นเนื้อที่มีราคาแพง เพราะคุณภาพของมันเป็นตัวการันตีอย่างดีนั่นเอง
เนื้อวัวออสเตรเลีย
เนื้อวัวออสเตรเลีย บอกเลยว่าเนื้อวัวทุกชิ้นที่ส่งออกจากที่นี่คุณภาพดีทั้งสิ้น ได้รับการยอมรับ จากเชฟในร้านอาหาร รวมถึงภัตตาคารมากมาย เป็นที่เลื่องลือของเหล่านักชิมกันเลยก็ว่าได้ เพราะเนื้อวัวออสเตรเลีย มีความโดดเด่นในเรื่องของความนุ่ม และกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง โดยจะแบ่งการเลี้ยงดูออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ทำให้ลักษณะของเนื้อแตกต่างกันไป คือ
- เลี้ยงด้วยหญ้าธรรมชาติ คือ ปล่อยให้เดินเล่น กินหญ้ากินอะไรไปแบบชิล ๆ ซึ่งเนื้อวัวแบบนี้จะไขมันน้อย ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค
- เลี้ยงด้วยธัญพืชล้วน ๆ ซึ่งจะได้สารอาหารสมดุลที่สุด ทำให้มีไขมันแทรก เป็นลายหินอ่อน และมีรสสัมผัสที่ยอดเยี่ยม จนคนทั้งโลกติดใจ
เนื้อวัวไทย
เนื้อวัวไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ เนื้อโคขุน นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่สามารถเอาไปเทียบเคียงกับเนื้อวัวต่างประเทศได้เลย เพราะเนื้อวัวไทย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน หาซื้อง่าย แถมรสชาติเยี่ยมในราคาที่ไม่แพง
🥩 เนื้อโคขุนของไทย ถึงแม้จะมีหลากหลายเกรดเหมือนเนื้อวัวในหลาย ๆ ประเทศก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเกรดที่สูงที่สุดก็ต้องเป็นเนื้อที่มีไขมันแทรก และมีสัมผัสนุ่มลิ้น ผ่านขั้นตอนการบ่มเนื้อภายใต้อุณหภูมิ 0-4 องศาเซลเซียส 4-7 วันก่อนจำหน่าย ซึ่งก็คือ เนื้อโคขุนโพนยางคำ จ.สกลนคร นั่นเอง
ด้วยกับสภาพภูมิอากาศ และพืชผักต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับการเลี้ยงวัวเนื้อ ทำให้รสชาติ และคุณภาพของเรา อาจจะยังไม่เทียบเท่ากับต่างประเทศ ทำให้ราคาถูกกว่ากันอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
วิธีการเลือกเนื้อวัว ต้องดูอะไรบ้าง?
การเลือกเนื้อนั้น ไม่เหมือนกับการเลือกปลาที่ดูจากตา หรือเหงือกก็รู้ได้ว่ามันสด หรือไม่สด แต่การเลือกเนื้อนั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดูจากสีลวดลายไขมันที่แทรกอยู่ตามชั้นเนื้อ หรือแม้กระทั่งความชุ่มฉ่ำภายใน ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้เราไม่สามารถเลือกเนื้อได้จากตาเปล่าได้เพียงอย่างเดียว
- เนื้อดีที่นั้นต้องมีสีที่เข้ม ดูสด ไม่ออกไปทางเขียว หรือเหลืองคล้ำ เนื้อต้องแน่น ลายเส้นไม่หยาบ
- ลองกด ๆ ที่เนื้อดู ถ้าเป็นเนื้อที่สดใหม่ รอยกดจะไม่มีรอยบุ๋ม แต่ถ้าบุ๋มเป็นหลุมลึกล่ะก็ ไม่ควรซื้อ
- เนื้อบางส่วน เช่น เนื้อสัน จะมีมันเป็นจุดเล็ก ๆ แทรกอยู่ในชิ้นเนื้อ แต่ถ้าเป็นใส ๆ เหมือนเม็ดสาคู อย่าซื้อเด็ดขาด เพราะนั่น คือ ตัวอ่อนของพยาธิตัวตืด
- ต้องไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว และไม่มีเมือกใส ๆ หรือขุ่น
- ลักษณะของไขมัน คือ แตกตัวง่าย และสีออกไปทางสีครีมอ่อน ๆ ไม่เหลือง
- เมื่อวางชิ้นเนื้อไว้ จะมีน้ำสีแดงจาง ๆ ซึมออกมา แต่ถ้าเป็นสีเหลือง ๆ ซึมออกมาแปลว่าเนื้อชิ้นนั้นไม่สด
เคล็ดลับ:
- ควรจะไปตลาดแต่เช้า เพื่อที่จะได้เนื้อที่สดใหม่ เพื่อคงคุณค่าทางสารอาหาร และสามารถเก็บไว้ได้นาน
- ไม่ควรไปซื้อเนื้อสัตว์ในวันพระ เพราะอาจจะได้เนื้อแช่แข็งกลับมา
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ เนื้อวัว แต่ละแบบที่เรานำมาฝากกัน คงทำให้หลาย ๆ คนหายสงสัยกันใช่ไหมว่า ทำไมเนื้อบางชนิดถึงมีราคาแพง เพราะด้วยคุณภาพของเนื้อนั่นเอง แน่นอนว่าต้องแลกมากับความอร่อยด้วย บทความหน้าจะมีอะไรมาฝากกันอีกนั้น อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ 😋
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
- การเลือกซื้อเนื้อหมู ให้ถูกหลักอนามัย ทำได้อย่างไร?
- การเลือกซื้อผัก ให้สด สะอาด ปลอดภัย ทำได้อย่างไร?
- สูตรหมูย่าง เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม อร่อยขั้นเทพ
- วิธีทำ หมูย่างเกาหลี กินเองที่บ้าน เผ็ด อร่อย อย่าบอกใคร
- รวมสูตร คอหมูย่าง เมนูสร้างอาชีพ ฝึกทำไว้ดีแน่นอน
- กลัวอ้วนหลบไป ! แจก 8 สูตร เมนูหมูสามชั้น วิธีทำไม่ยุ่งยาก
อ้างอิงข้อมูลจาก blog.hungryhub.com
30 มกราคม 2024
โดย
ลำดวน