10 วิธีปลูกทุเรียนหมอนทองให้โตเร็ว ติดผลไว สร้างรายได้ดี
วิธีปลูกทุเรียนหมอนทองให้โตเร็ว ติดผลไว สร้างรายได้ดี ทำอย่างไร SGE มี 10 วิธีมาฝาก
ตั้งแต่ปลูกต้นกล้า ไปจนถึง การบำรุง ทุเรียนหมอนทอง ให้ผลสวยหวานมัน
ใครเป็นเกษตรกร ชาวไร่ชาวสวน แล้วอยากปลูกผลไม้เศรษฐกิจ
ซึ่งสร้างรายได้ดีอย่าง ทุเรียนหมอนทอง แล้วละก็ ห้ามพลาด !!!
เรื่องน่ารู้ก่อนปลูก ทุเรียนหมอนทอง
ทุเรียนหมอนทอง ลักษณะทั่วไป
ทุเรียนหมอนทอง เป็นทุเรียนเพาะจากเมล็ดกำปั่นเหลือง ลักษณะเป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มสูงโปร่ง คล้ายรูปกรวยคว่ำ กิ่งใหญ่ตั้งฉากกับลำต้น ส่วนกิ่งอ่อนจะลู่ลงด้านล่าง ใบเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะเรียวยาวแหลม ออกตรงข้ามกัน ส่วนดอก ออกเป็นช่อ กลีบดอกมีสีขาว รูปทรงคล้ายระฆัง
ส่วนผล เป็นผลเดี่ยว มีขนาดใหญ่ เมื่อโตและสุกเต็มที่ จะมีสีน้ำตาลปนเขียว น้ำหนักประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม ฐานหนามเป็นเหลี่ยม ระหว่างหนามใหญ่ จะมีหนามเล็กขึ้นแซมอยู่ทั่วไป เรียกกันว่า เขี้ยวงู เนื้อทุเรียนข้างใน พูมักไม่ค่อยเต็มทุกพู เนื้อหนาสีเหลืองอ่อนละเอียด เนื้อแห้งไม่แฉะติดมือ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัว รสชาติหวานมันกำลังพอดี
ต้น ทุเรียนหมอนทอง ปลูกกี่ปี
ต้น ทุเรียนหมอนทอง ใช้เวลาปลูก 4 – 6 ปี ถึงจะให้ผลผลิต เมื่อเริ่มออกผลได้แล้ว ก็จะออกต่อจากนั้นเรื่อย ๆ และ ดกขึ้นทุกปี ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ ได้รับการดูแลรักษาดี และ ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
สภาพดินที่เหมาะกับการปลูกทุเรียนหมอนทอง
อยากปลูก ทุเรียนหมอนทอง ให้โตเร็ว ให้ปลูกในดินที่สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี ได้แก่ ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนทราย และ ต้องมีหน้าดินลึกด้วย เพราะทุเรียนเป็นพืชที่อ่อนแอต่อสภาพน้ำขัง โดยความเป็นกรดด่างของดิน ควรอยู่ระหว่าง 5.5 – 6.5 ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องปลูกทุเรียนในสภาพดินทราย จะต้องนำหน้าดินจากแหล่งอื่นมาเสริม แล้วปรับสภาพดิน โดยใส่ปุ๋ยคอก และ ต้องมีการดูแลเรื่องการให้น้ำมากเป็นพิเศษ มีแหล่งน้ำเพียงพออยู่ใกล้ ๆ ด้วย
ฤดูที่เหมาะกับการปลูกทุเรียนหมอนทอง
ฤดูที่เหมาะกับการปลูกทุเรียนหมอนทอง คือ ฤดูร้อน ช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน แต่ถ้าหากจัดระบบน้ำไม่ทัน หรือ ยังไม่อาจดูแลเรื่องน้ำได้ ควรจะปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
ทุเรียนหมอนทอง ราคา
ราคาของ ทุเรียนหมอนทอง อยู่ที่ 120 – 150 กิโลกรัม โดยหากเป็น หมอนทองเบอร์เล็ก ราคาอยู่ที่ 120 บาท/กิโลกรัม ส่วนหมอนทองเบอร์ใหญ่ ราคา 150 บาท/กิโลกรัม
10 วิธีปลูกทุเรียนหมอนทองให้โตเร็ว
1. เลือกต้นกล้าที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
หากไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แนะนำให้ปลูกทุเรียนหมอนทอง โดยการปลูกจากต้นกล้าจะดีที่สุด เพราะจะได้ไม่เสียเวลาเพาะเมล็ด รวมถึง ต้องเสียบยอดอ่อน เพื่อพัฒนาระบบรากด้วยตัวเอง โดยต้นกล้าทุเรียนหมอนทอง ควรมีอายุไม่เกิน 1 ปี ลักษณะต้นควรมีความสมบูรณ์แข็งแรง ไม่แคระแกรน ใบมีสีเขียวสด ความสูงของต้นพันธุ์ ไม่ควรเกิน 60 – 70 เซนติเมตร เพราะถ้าสูงกว่านี้ แสดงว่า อยู่ในถุงชำนานมากกว่า 1 ปี ทั้งนี้ จะใช้แบบกิ่งข้าง หรือ กิ่งกระโดง ก็ได้
2. เตรียมพื้นที่ปลูกให้เป็นโคกสูง
ถ้าไร่สวนของใครเป็นพื้นที่ราบ ให้เตรียมพื้นที่ปลูกเป็นโคกสูง โดยนำดินบริเวณที่จะปลูก 1 ส่วน ผสมแกลบดิบ 1 กระสอบ และ ปุ๋ยคอก 1 กระสอบ เพื่อทำให้ร่วนซุย เสร็จแล้ว พูนดินสูงขึ้นจากดินเดิม ราว 50 เซนติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร ซึ่งหากใครไม่อยากพูนดินสูงเป็นจุด ๆ จะขุดยกร่อง ปรับพื้นที่เป็นเนินลูกฟูก ตลอดแนวเลยก็ได้ โดย ระยะห่างระหว่างลำต้น และ ระยะห่างระหว่างแถว ควรอยู่ที่ 9 เมตร เพื่อให้สะดวกต่อการนำเครื่องจักร หรือ ยานพาหนะต่าง ๆ เข้าไปทำงานในพื้นที่ เฉลี่ยแล้ว 1 ไร่ จะปลูกได้ไร่ละ 20 ต้น
3. ตัดรากที่ขดออก ก่อนลงปลูก
เมื่อเตรียมพื้นที่เสร็จแล้ว ให้ขุดหลุมปลูกตรงกลางโคก หรือ บริเวณที่กำหนดไว้ แล้วย้ายต้นกล้าลงปลูก โดยก่อนจะย้ายลงไป ให้เอาดินด้านล่างออก อย่างน้อย 1 ใน 5 พร้อมกับทำการตัดปลายรากที่ขดออก แล้วแผ่รากฝอยออกไปรอบ ๆ ต้น จะช่วยให้รากแก้วเจอกับดินใหม่ได้ง่าย หาอากาศหายใจได้ดี และ ปรับตัวได้เร็วขึ้น พอทำเสร็จแล้ว จึงกลบดินให้พอมิดโคนต้น (ทั้งนี้ ควรระมัดระวังอย่าให้ตุ้มดินแตก เพราะอาจทำให้รากขาดได้)
4. ปักไม้ค้ำ และ คลุมโคนต้นด้วย ฟางข้าว
หลังจากย้ายต้นกล้าลงหลุมปลูกเรียบร้อยแล้ว ให้ปักไม้ค้ำไว้ข้าง ๆ แล้วผูกเชือกเข้ากับต้นกล้าให้แน่น เพื่อไม่ให้ลมพัด จนต้นกล้าโยก วิธีนี้จะทำให้ทุเรียนปลูกใหม่ตั้งตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ควรคลุมโคนต้นด้วยฟางข้าว เพื่อรักษาความชื้น ทำให้ต้นทุเรียนไม่รู้สึกร้อนจนเกินไป และ ปกป้องรากทุเรียนที่หาน้ำและอากาศบนผิวดิน
5. รดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
วางระบบการให้น้ำ โดยจะใช้ระบบสปริงเกอร์ หรือ เจาะสายยาง ก็ได้ รดน้ำให้ต้นทุเรียนอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ในช่วง 1 เดือนแรก โดยควรให้เวลาเดิมทุก ๆ วัน และ ไม่ควรรดน้ำโดยตรง เพราะอาจทำให้ดินแฉะ จนรากต้นทุเรียนเน่าได้ หลังจากปลูกได้แล้ว 1 ปี จึงค่อยลดความถี่ลง เหลือ 2 – 3 วัน/ครั้ง แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝน ก็งดการให้น้ำได้
6. พรางแสงให้กับต้นทุเรียน ด้วยสแลนกันแดด
เพราะต้นทุเรียนหมอนทองปลูกใหม่ ไม่ชอบที่โล่งแจ้ง หรือ แดดจ้า หากไม่ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงา ให้ทำโครงไม้ แล้วคลุมสแลนกันแดดแทน โดยโครงไม้ควรปักให้ห่างจากลำต้น เพื่อให้อากาศถ่ายเท และ สแลนกันแดด ควรคลุมสูงเหนือต้นทุเรียนอย่างน้อย 1 ฟุต เพื่อพรางแสงให้กับต้นทุเรียนได้ทั้งต้น
7. การใส่ปุ๋ยและทำโคน
การใส่ปุ๋ยและทำโคน (การกำจัดวัชพืช) ควรทำเดือนเว้นเดือน หลังจากปลูกต้นทุเรียนหมอนทองได้แล้ว 1 เดือน เพราะในช่วงแรกต้นทุเรียนยังตั้งตัวไม่ติด หากให้ปุ๋ยทันที จะไม่เกิดประโยชน์ และ ยังทำให้ทุเรียนอาจตายได้ โดยการใส่ปุ๋ย ให้ขุดเป็นร่อง ๆ รอบต้นทุเรียน อย่าใส่ตรงโคนต้นโดยตรง สามารถแบ่งได้เป็น 4 ช่วง / 1 ปี คือ
- ช่วงที่ 1 – ช่วงที่ 3 ใส่ปุ๋ยคอก อย่างน้อย 5 กิโลกรัม ต่อต้น
- ช่วงที่ 4 ใส่ปุ๋ยคอก 5 กิโลกรัมต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 150-200 กรัมต่อต้น
8. การตัดแต่งกิ่ง
เพื่อให้ต้นทุเรียนมีโครงสร้างและทรงพุ่มที่ดี ให้ตัดแต่งกิ่ง หลังจากปลูกแล้วประมาณ 1 – 1.5 ปี มีเทคนิค คือ จะต้องเว้นลำต้นเดี่ยว และ เว้นกิ่งประธานกิ่งแรก สูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร เลือกตัดแต่งกิ่ง แต่กิ่งเล็กกิ่งน้อย เพื่อให้กิ่งเรียงเป็นระเบียบ เหมาะแก่การไว้ผล และ ไม่บดบังแสงแดดซึ่งกันและกัน
9. การตัดแต่งดอก
หลังจากออกดอกได้ 5 สัปดาห์ ควรตัดแต่งช่อดอกบนกิ่งขนาดเล็ก หรือ ดอกที่อยู่ปลายกิ่งทิ้ง ให้เหลือเฉพาะดอกรุ่นเดียวกันในกิ่งเดียวกัน ให้มีจำนวนช่อดอกประมาณ 3 ถึง 6 ช่อดอก ต่อ ความยาวกิ่ง 1 เมตร และ ห่างกันอย่างน้อยประมาณ 30 เซนติเมตร ทั้งนี้ ควรจดบันทึกวันดอกบานของแต่ละรุ่น แต่ละต้นไว้ เพื่อความสะดวกในการตัดแต่งดอก
10. การตัดแต่งผล
- ครั้งที่ 1 เมื่อผลอายุ 4 – 5 สัปดาห์หลังดอกบาน ตัดแต่งผลที่มีขนาดเล็ก รูปทรงบิดเบี้ยว และไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการออก เหลือผลไว้ประมาณ 2 ถึง 3 เท่าของจำนวนผลที่ต้องการไว้จริง
- ครั้งที่ 2 เมื่อผลอายุ 6 สัปดาห์ หลังดอกบาน ระยะนี้ ผลที่ปกติจะมีการขยายตัวด้านยาว สีผิวเขียวสดใส หนามมีขนาดปกติเรียวเล็ก ถ้าตรวจพบผลที่มีพัฒนาการผิดปกติ มีขนาดเล็ก หนามแดง หรือ มีโรคแมลงเข้าทำลาย ให้ตัดทิ้งทันที
- ครั้งที่ 3 ตัดแต่งครั้งสุดท้าย ตัดผลขนาดเล็ก ผลบิดเบี้ยว ผลก้นจีบออก เหลือแต่ผลที่มีขนาดและรูปทรง สม่ำเสมอ ในปริมาณเท่ากับที่ต้องการจริง เมื่อตัดแต่งผลครั้งสุดท้ายเสร็จ ควรโยงกิ่ง หรือ ใช้ไม้ไผ่ค้ำ เพื่อป้องกันกิ่งหัก จากน้ำหนักผลที่มากขึ้น ป้องกันผลร่วงในพื้นที่มีลมแรง
การบำรุง ทุเรียนหมอนทอง ให้ผลสวยหวานมัน
1. ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเร่งผล
หลังจากติดผลแล้ว 5 – 6 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเร่งการเจริญของผล และ เพิ่มคุณภาพเนื้อ ถ้าต้นทุเรียนขาดความสมบูรณ์ ใบเล็ก ใบซีด ไม่เขียวเข้ม ควรให้ปุ๋ยทางใบเสริมด้วย ในช่วงสัปดาห์ที่ 5 – 10 หลังดอกบาน เพื่อช่วยให้ผลทุเรียนเจริญได้ดีขึ้น
2. ควบคุมไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อน
ถ้าทุเรียนแตกใบอ่อนในช่วงติดผล ใบอ่อนและผลทุเรียน จะแย่งอาหารกัน ส่งผลให้ผลอ่อนร่วง รูปทรงบิดเบี้ยว และ เนื้อมีคุณภาพด้อยได้ ดังนั้น หากพบว่าทุเรียนจะแตกใบอ่อน ให้ตัดกิ่งนั้นทิ้ง หรือ เด็ดใบอ่อนออก ก็จะช่วยได้
3. การรดน้ำ
ให้คอยรดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน ตลอดช่วงที่กำลังติดผล เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้น รากต้นทุเรียนได้รับอากาศและความชื้นที่เพียงพอ
4. การป้องกันแมลงและสัตว์เข้ามากัดกิน
ตรวจสอบและป้องกันกำจัดแมลงต่าง ๆ ที่ทำให้ผลทุเรียนอาจเกิดการเน่าเสีย ได้แก่ หนอนเจาะผลทุเรียน ไรแดง เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย ตลอดจนสัตว์ขนาดเล็กอย่าง หนู หรือ กระรอก โดยวิธีป้องกัน เช่น
- เก็บสิ่งของที่รกร้างกิ่งไม้รอบสวน เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยของหนู หรือ กระรอก
- ตัดกิ่งไม้บริเวณรอบต้นทุเรียนของต้นไม้อื่น ๆ เพื่อตัดเส้นทางไม่ให้หนูหรือกระรอกปีนขึ้นมา
- นำสังกะสีแผ่นเรียบกว้าง 30 เซนติเมตร ยาวตามขนาดของต้น พันรอบโคนต้นทุเรียน
- นำถุงพลาสติกมาตัดก้นถุง ตัดด้านข้าง แล้วห่อผลทุเรียน ป้องกันได้ทั้งหนู กระรอก หรือ นก
เป็นยังไงกันบ้างกับ 10 วิธีปลูกทุเรียนหมอนทองให้โตเร็ว ที่ SGE นำมาฝาก ทำตามได้ไม่ยากเกินไปใช่มั้ยล่ะ หากใครเป็นเกษตรกร ชาวไร่ชาวสวน แล้วอยากปลูกทุเรียนหมอนทอง เพื่อเก็บผลผลิตขาย สร้างรายได้ ทั้งในรูปแบบขายปลีก หรือ ส่งออก แล้วละก็ ลองไปทำตามดูได้เลย รับรองว่า โตเร็ว ติดผลไว สร้างรายได้ดี ได้อย่างแน่นอน
สำหรับใครที่อยากได้สแลนกันแดด เพื่อพรางแสง ไม่ให้ต้นทุเรียนโดนแสงแแดดจัดในช่วงปีแรก แนะนำให้ใช้ สแลนกันแดด ตาข่ายกันแดด ของ SGE ช่วยลดแสงได้ตั้งแต่ 40% – 95% มีความเหนียวทนทาน ไม่ขาดง่าย พร้อมให้บริการสั่งแบ่งตัดได้ตามขนาดที่คุณต้องการ สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/shading-net/ หรือ สอบถามผ่าน โทรศัพท์ Line ของเราได้เลย
บทความที่น่าสนใจ