เปิดสูตร ซุปมิโซะ หวานเค็มกลมกล่อม อร่อยอูมามิ สไตล์ญี่ปุ่น
ซุปมิโซะ ทำอย่างไรให้รสชาติหวานเค็ม กลมกล่อม ตามแบบฉบับญี่ปุ่น SGE มีสูตรและวิธีทำมาฝาก
รับรองว่า อูมามิ ถูกใจคนชอบทาน อาหารญี่ปุ่น แน่นอน เหมาะสำหรับเป็นเครื่องเคียง หรือ ซดกิน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
เลือก มิโซะ อย่างไร ทำ ซุปมิโซะ
ทำ ซุปมิโซะ สามารถใช้มิโซะได้ทุกแบบ ขึ้นอยู่กับความหวาน หรือ ความเค็ม ที่เราชื่นชอบ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว นิยมใช้ มิโซะข้าว หรือ มิโซะที่มีสีเหลืองถึงน้ำตาลอ่อน เป็นหลัก เนื่องจากอุดมไปด้วยรสอูมามิ คนญี่ปุ่นจึงนิยมนำมาทำอาหาร เป็นน้ำซอสสำหรับหมักเนื้อ หรือ ปลา รวมถึงซุปมิโซะด้วย
เคล็ดลับทำ ซุปมิโสะ ให้อร่อย
เคล็ดลับทำ ซุปมิโซะ ให้อร่อย ตามฉบับคนญี่ปุ่นแท้ จะใช้น้ำซุปดาชิเป็นส่วนผสมหลัก โดยน้ำซุปดาชินั้น จะต้องเป็นน้ำ 2 หรือที่เรียกว่า Nibandashi คือ ต้มโดยใช้สาหร่ายคอมบุ และ ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ ที่ใช้ต้มน้ำซุปดาชิครั้งแรก มาต้มอีก 1 รอบ เพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้น มีวิธีทำดังต่อไปนี้
ส่วนผสม
- น้ำเปล่า 1 ลิตร
- ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ 30 กรัม
- สาหร่ายคอมบุแช่แข็ง 1 แผ่น
- น้ำเปล่า 1 ลิตร (น้ำซุปดาชิ น้ำ 2)
- ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ 5 กรัม (น้ำซุปดาชิ น้ำ 2)
วิธีทำ
- ทำความสะอาดสาหร่ายคอมบุ โดยดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมใด ๆ บนแผ่นสาหร่ายคอมบุหรือไม่ ถ้ามีให้เอาออก จากนั้น ใช้ผ้าสะอาดชุบสาเก เช็ดแผ่นสาหร่ายคอมบุให้สะอาด
- ตั้งหม้อ ใส่น้ำเปล่า 1 ลิตร แล้วใส่สาหร่ายคอมบุลงไป แช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที หรือ แช่ข้ามคืนได้ยิ่งดี
- นำหม้อขึ้นตั้งไฟ เปิดไฟกลางค่อนไฟอ่อน ต้มเป็นเวลา 20 – 30 นาที ให้น้ำเดือด (ห้ามคนโดยเด็ดขาด) พอน้ำใกล้เดือดแล้ว ให้ตักสาหร่ายคอมบุออกด้วย
- เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้นับไป 20 วินาที จากนั้น ใส่ ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ ลงไป (ไม่ต้องคน) ปล่อยทิ้งไว้ 5 – 6 นาที ให้ปลาแห้งค่อย ๆ จมลงไปเอง
- เตรียมหม้ออีก 1 ใบ วางผ้าขาวบางสำหรับกรองน้ำซุปดาชิปิดปากหม้อไว้ แล้วค่อย ๆ ตักน้ำซุปลงไปในผ้าขาวบาง โดยที่ไม่ตักเอาปลาแห้งที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาด้วย เมื่อน้ำซุปใกล้หมดหม้อ ก็ให้เอียงหม้อ เทน้ำซุปที่เหลือลงไป เป็นอันเสร็จ ได้น้ำซุปดาชิ (น้ำ 1)
- ทำน้ำซุปดาชิ น้ำ 2 โดยใช้หม้อเดิม ที่มีปลาแห้งคัตสึโอะบุชิอยู่ก้นหม้อ ใส่สาหร่ายคอมบุที่ใช้แล้วลงไป แล้วเทน้ำเปล่า 1 ลิตร จากนั้น เปิดไฟแรง ต้มให้น้ำเดือด พอน้ำเดือดแล้ว ให้คอยช้อนฟองออกด้วย
- ลดไฟเป็นไฟอ่อน เพิ่มปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ 5 กรัมลงไป แล้วปล่อยทิ้งไว้ ให้ปลาแห้งค่อย ๆ จมลงไป ต้มต่อเป็นเวลา 10 นาที
- เตรียมหม้อใหม่ กรองน้ำซุปแบบเดิม คือ วางผ้าขาวบางสำหรับกรองน้ำซุปดาชิปิดปากหม้อไว้ แล้วค่อย ๆ ตักน้ำซุปลงไปในผ้าขาวบาง โดยที่ไม่ตักเอาปลาแห้งที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาด้วย เมื่อน้ำซุปใกล้หมดหม้อ ก็ให้เอียงหม้อ เทน้ำซุปที่เหลือลงไป เป็นอันเสร็จ ได้น้ำซุปดาชิ (น้ำ 2)
โดยน้ำซุปดาชิ หลังจากทำเสร็จแล้ว ควรใช้ในทันที หรือ เก็บไว้ใช้ในวันถัดไปก็ได้ ถ้าเก็บในช่องฟรีซ ก็จะสามารถเก็บไว้ได้ถึง 2 เดือน หากใครอยากทำเตรียมไว้ เพื่อให้ทำซุปมิโซะได้ง่าย โดยการแช่ช่องฟรีซเตรียมไว้ แนะนำให้เก็บใน ถุงซีลสุญญากาศ ของ SGE เพราะมีแถบซีลหนา 3 – 5 มิลลิเมตร ผลิตจากพลาสติก Food Grade ทนความเย็น และ ความร้อนได้ดี ช่วยให้คุณเก็บน้ำซุปดาชิได้ยาวนาน สามารถนำมารับประทานได้ แม้ผ่านไปหลายวัน สนใจคลิกดูเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/vacuum-bags/ หรือสอบถามผ่านทาง โทรศัพท์ Line ของเราได้เลย
วิธีทำ ซุปมิโสะ ด้วยตัวเองที่บ้าน
วิธีทำซุปมิโซะ ด้วยตัวเองที่บ้าน ทำได้ง่ายมาก ๆ โดยสูตรนี้มาจาก เชฟโฌ เชฟชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย รับรองว่า อร่อยได้รสชาติอูมามิแบบคนญี่ปุ่นแท้ ๆ แน่นอน หากพร้อมแล้ว ก็ไปลงมือทำกันเลย
อุปกรณ์และวัตถุดิบ
- น้ำซุปดาชิ 1 ถ้วย (น้ำ 2)
- มิโสะ ตามชอบ
- เต้าหู้ขาวญี่ปุ่น
- สาหร่ายวากาเมะ
- ทิชชูซับน้ำมัน
วิธีทำ
1. นำทิชชูซับน้ำมันห่อเต้าหู้ขาวญี่ปุ่น จากนั้น เอาจานกดทับไว้ ให้เต้าหู้ขาวคายน้ำออกมา เสร็จแล้ว หั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
2. ตั้งหม้อ เทน้ำซุปดาชิ (น้ำสอง) ลงไป แล้วเปิดไฟแรง พอน้ำซุปใกล้เดือด ใส่เต้าหู้ลงไป ต้มให้น้ำเดือด (พอน้ำเดือด ให้คอยช้อนฟองออกด้วย)
3. ลดไฟเป็นไฟอ่อน นำมิโสะใส่กระชอน แล้วตีให้มิโสะละลายในน้ำซุปดาชิ เพื่อไม่ให้มีกากมิโสะเหลืออยู่ (หรือใครจะใส่ลงไปเลยก็ได้ ตามสะดวก)
4. เร่งไฟเป็นไฟกลาง ต้มให้น้ำซุปมิโซะร้อนกำลังดี พอน้ำใกล้เดือดแล้ว ให้ปิดไฟ (อย่าต้มให้น้ำเดือด)
5. เตรียมถ้วยน้ำซุป ใส่สาหร่ายวากาเมะลงไป ตามด้วยน้ำซุปมิโสะ แล้วโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย เป็นอันเสร็จ
เป็นยังไงกันบ้างกับ สูตร และ วิธีทำ ซุปมิโซะ ที่นำมาฝากกัน ทำได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ หากใครชอบน้ำซุปที่มีรสชาติหวานเค็มกลมกล่อม สไตล์ อาหารญี่ปุ่น แล้วละก็ ห้ามพลาดเมนูนี้เด็ดขาด รับรองว่า ได้รสชาติอูมามิ เป็นเครื่องเคียงก็ดี หรือ ซดกิน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายก็ได้ อร่อยแน่นอน
30 มกราคม 2024
โดย
Pres
