ตู้แช่ไวน์ ตู้จ่ายไวน์
ตู้แช่ไวน์ ตู้เก็บไวน์ (Wine Cellar) SGE ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเลือกใช้และได้รับความไว้วางใจจากเชฟระดับโลก และซอมเมอลิเย่ร์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ และผู้จำหน่ายไวน์
วีดีโอที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ตู้แช่ไวน์
10 วิธีเลือกซื้อ ตู้ไวน์ เก็บไวน์ได้นาน คงรสชาติ คุณภาพดีเยี่ยม
ตู้ไวน์ เลือกซื้ออย่างไร ให้เก็บไวน์ได้นาน คงรสชาติ คุณภาพดีเยี่ยม SGE มี 10 วิธีเลือกซื้อ มาฝาก ใครอยากซื้อตู้แช่ไวน์ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องดู หรือ คำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง แล้วละก็ ตามมาดูกันเลย
1. Buit – In หรือ Free – Standing ก็ได้
ตู้แช่ไวน์ ไม่เหมาะกับการตั้งทุก ๆ ที่ภายในบ้าน โดยเฉพาะบนเคาน์เตอร์ห้องครัว หรือ ที่ ๆ โดนแสงแดดส่องถึง เพราะอุณหภูมิความร้อน แสงแดง และ ความชื้น จากภายนอก อาจส่งผลให้ไวน์ร้อนขึ้น จนรสชาติเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้
ก่อนคิดซื้อ ตู้ไวน์ ควรพิจารณาก่อนว่า ตู้แช่ไวน์นั้น ๆ ตั้งแบบ Buit – In เข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์ได้หรือไม่ หรือ สามารถตั้งแบบ Free – Standing ในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งมีอุณหภูมิคงที่ได้หรือเปล่า เพื่อไม่ให้ต้องเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ไม่ต้องการ เช่น ห้องครัว หรือ โรงจอดรถ จนส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของตู้แช่ไวน์ลดลง และ ทำให้ไวน์เสียรสชาติ ซึ่งถ้าหากใครมีห้องใต้ดินแล้วละก็ สามารถตั้งตู้แช่ไวน์ ทั้ง 2 แบบ สบาย ๆ ได้เลย
…
2. มีระบบควบคุมอุณหภูมิ
ตู้แช่ไวน์ที่ดี ควรมีระบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาอุณหภูมิของไวน์แดง ไวน์ขาว ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม คงกลิ่น รสชาติ และ คุณภาพได้อย่างดีเยี่ยม โดยไวน์แดง (Red Wine) ควรเก็บที่อุณหภูมิ +12°c ถึง +18°c ส่วนไวน์ขาว (White Wine) ควรเก็บที่อุณหภูมิ +6°c ถึง +12°c ทั้งนี้ ควรวาง ตู้ไวน์ ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย เพื่อป้องกันความร้อน หรือ ความชื้นจากภายนอก เข้าไปในตู้แช่ไวน์ โดยอุณหภูมิจากภายนอกนั้น ไม่ควรร้อนมากกว่าอุณหภูมิของตู้แช่ไวน์ เกิน 17 องศาเซลเซียส
3. มี Single Zone – Dual Zone
แต่ก่อน ตู้ไวน์ มีระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ Single Zone เพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่สามารถเก็บไวน์แดง ไวน์ขาวรวมกันได้ แต่ในปัจจุบัน มีการพัฒนาระบบ ให้เป็นแบบ Dual Zone สามารถตั้งควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 7 – 12 องศาเซลเซียส จนสามารถแยกช่อง เก็บไวน์แดง – ไวน์ขาว รวมกันได้ในเครื่องเดียวช่วยให้เวลาเลือกซื้อ ประหยัดเงิน และ ตอบโจทย์คนที่ชอบกินทั้งไวน์แดงและไวน์ขาวมากขึ้น หากใครชอบดื่มไวน์ทั้ง 2 ชนิดแล้วละก็ ลองดูว่า ตู้แช่ไวน์ ยี่ห้อไหนดี มีแล้วไปลองเลือกซื้อกันได้เลย
4. มีระบบป้องกันความชื้น 50-70 %
ความชื้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้ไวน์เสียรสชาติ และ เสียไวขึ้น เนื่องจากหากความชื้นน้อย จะทำให้จุกไม้คอร์กแห้ง จนผงของจุกไม้คอร์ก ร่วงลงไปผสมกับไวน์ได้ หากความชื้นมาก ก็จะทำให้ฉลากไวน์เปื่อยยุ่ยจนเกิดความเสียหายได้เช่นกัน
ดังนั้น หากจะดูว่า ตู้ไวน์ ยี่ห้อไหนดี แล้วละก็ ควรดูว่า ตู้แช่ไวน์นั้น ๆ มีระบบป้องกันความชื้นภายในตู้หรือไม่ และ สามารถเซ็ตให้อยู่ในระดับ 50 – 70 % ได้หรือเปล่า เพื่อทำให้จุกไม้คอร์กและฉลากไวน์แต่ละขวด อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เหมือนใหม่ได้ตลอดเวลา
5. ประตูกระจกต้องปิดได้แน่นสนิท
เพราะความร้อน ความชื้นจากภายนอก สามารถเล็ดลอดเข้าไป ตามขอบประตูของตู้แช่ไวน์ได้ง่าย ก่อนเลือกซื้อ จึงควรดูว่า ประตูของตู้แช่ไวน์นั้น ๆ ปิดสนิทได้ดีหรือไม่ และ กระจกของประตูนั้นหนาดีหรือเปล่า เพื่อล็อกความเย็นเอาไว้ข้างใน และ ป้องกันความร้อนจากภายนอกได้แน่นสนิท โดยทั่วไปมักใช้กระจกนิรภัยชนิดพิเศษ หรือ กระจกฉนวน 2 ชั้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสี UV ลดการเกิดฝ้าและหยดน้ำ ช่วยให้ตู้แช่ไวน์กินไฟน้อยลง ประหยัดไฟมากขึ้น และ ยังช่วยให้ตัวระบบเครื่องทำงานน้อยลงอีกด้วย
6. ไฟด้านใน ต้องเป็น LED
ไฟด้านใน ที่ส่องสว่างภายในตู้แช่ไวน์ ไม่ควรมีความร้อน เพราะความร้อนจากหลอดไฟ อาจส่งผลกระทบต่อไวน์ ทำให้ไวน์ได้รับความร้อน จนเสียรสชาติได้ เมื่อจะเลือกซื้อตู้แช่ไวน์ จึงควรเลือกตู้แช่ไวน์ ที่ใช้หลอดไฟ LED เท่านั้น เพราะปล่อยความร้อนออกมาน้อยกว่าหลอดไฟทั่วไป แถมยังให้ความสว่างได้ตามปกติ หยิบจับไวน์ได้ง่าย สะดวกยิ่งกว่าเดิม
7. ชั้นวางต้องวางในแนวนอนเสมอ
หากขวดไวน์นั้น ๆ ปิดด้วยจุกไม้คอร์ก ควรเลือกซื้อตู้แช่ไวน์ แบบที่เป็นชั้นวางในแนวนอนเสมอ เพราะเป็นทิศทางที่จะทำให้ไวน์นั้นสัมผัสกับไม้คอร์ก ทำให้ไม้คอร์กยังคงมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งน้อยหรือมากจนเกินไป ซึ่งจะช่วยให้เก็บรักษาไวน์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากไวน์ของใครปิดด้วยฝาหมุน จะเลือกซื้อตู้แช่ไวน์แบบวางในแนวนอน หรือ แนวตั้ง ก็ได้
8. มีพัดลมระบายกลิ่น และ ป้องกันการเกิดน้ำแข็ง
ตู้ไวน์ แช่ไปนาน ๆ อาจมีกลิ่นเหม็นอับชื้น จนอาจส่งผลกระทบต่อกลิ่นและรสชาติของไวน์ได้ จึงควรมีระบบระบายอากาศติดตั้งอยู่ภายใน เช่น พัดลมระบายอากาศ โดยนอกจากจะช่วยระบายกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แล้ว ยังช่วยระบายความร้อนและความเย็น ทำให้ไวน์ไม่ได้รับความร้อน หรือ เกิดการแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งอีกด้วย
9. ใช้ระบบทำความเย็น Compressor ระดับสูง
ระบบทำความเย็นของตู้แช่ไวน์เก่า ๆ มักมีเสียงดัง และ เกิดแรงสั่นสะเทือนสูง โดยเฉพาะระบบ Compressor แบบปกติ ในขณะที่ระบบเทอร์โมอิเล็กทริกนั้น แม้จะทำความเย็นได้เงียบสนิท แต่ก็ใช้เวลานาน แถมยังกินไฟ จนทำให้ค่าไฟแพงขึ้น
การเลือกซื้อ ตู้ไวน์ ในปัจจุบัน จึงควรดูว่า ตู้ไวน์นั้น ๆ ใช้ระบบ Compressor ระดับสูง หรือไม่ เพราะนอกจากจะทำงานได้นิ่งเงียบสนิท ไม่มีแรงสั่นสะเทือน ไม่มีเสียงรบกวนแล้ว ยังใช้สารทำความเย็นแบบใหม่ คือ Cyclopentane ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิภายในตู้ไวน์ลดลงอย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดค่าไฟ และ ยังสามารถระเหยกลายเป็นไอ โดยไม่ทิ้งสาร CFC ตกค้าง เป็นระบบทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
10. ดีไซน์ทันสมัย เหมาะกับการใช้งาน
นักดื่มไวน์ นอกจากจะใช้ตู้แช่ไวน์ เก็บรักษากลิ่นและรสชาติของไวน์เอาไว้ เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติ หรือ เฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษแล้ว ยังใช้ตู้ไวน์เป็นของตกแต่งบ้าน หรือ เป็นตู้โชว์คอลเลคชั่นไวน์ ให้ตัวเอง แขกเหรื่อ หรือ เพื่อนบ้าน ได้ดูเพื่อความอิ่มเอม และ สร้างความภูมิใจ ให้กับตัวเจ้าของตู้ไวน์เองด้วย
ดังนั้น การเลือกตู้ไวน์ นอกจากจะต้องมีดีไซน์ที่ทันสมัย เรียบหรู และ เข้ากับบ้านได้อย่างไร้ที่ติแล้ว ยังต้องใช้งานง่าย และ ล้ำสมัยด้วย ซึ่งในปัจจุบัน ตู้ไวน์ ก็ได้ถูกออกแบบมา ให้ทำงานโดยควบคุมด้วยระบบสัมผัส หรือ มีตัวเลขดิจิตอล โชว์ค่าอุณหภูมิต่าง ๆ บนตัวเครื่อง ฯลฯ ทำให้นอกจากจะใช้งานได้สะดวก เหมาะกับคนรุ่นใหม่แล้ว ยังสามารถนำไปตั้งไว้ในบ้านได้อย่างสวยงามอีกด้วย ใครสนใจอยากได้ตู้ไวน์แนวนี้ละก็ ลองเลือกดูตามที่ต้องการได้เลย
คุณสมบัติ ตู้แช่ไวน์
ตู้แช่ไวน์ โซนเดี่ยว (Single Zone)
อุณหภูมิแม่นยำ 5-18°C (จุไวน์สูงสุดถึง 48 ขวด)
ช่วยถนอมรสชาติของไวน์ไว้ได้นาน
ตู้แช่ไวน์ โซนคู่ (Dual Zone)
รองรับการแช่ไวน์ได้หลายชนิด
แยกปรับอุณหภูมิได้ 2 ฝั่ง จบได้ในตู้เดียว
ตู้จ่ายไวน์สุญญากาศ 2 in 1
ช่วยให้ถนอมรสชาติไวน์ ได้ยาวนานถึง 25 วัน
ผ่านการทดสอบจาก FDA องค์การอาหารและยา
รับประกันสินค้าศูนย์ไทยนาน 1 ปี
บริการทุกระดับประทับใจโดยการรับประกันสินค้าจากผู้ผลิตศูนย์ไทย รวดเร็ว ให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจ อ่านเพิ่มเติม
(FAQ) คำถามที่พบบ่อย
** ข้อควรรู้ก่อนซื้อตู้แช่ไวน์ ห้ามพลาดข้อมูลนี้ **